ASTVผู้จัดการรายวัน-ยื้อกันไปยื้อกันมาจนได้เรื่อง เอกชน 17 รายที่ชนะประมูลข้าว ส่งหนังสือตอกย้ำให้ปล่อยข้าวที่จ่ายเงินแล้ว พร้อมขอสงวนสิทธิ์จะซื้อข้าวที่ยังไม่ได้จ่ายเงินอีก 1.4 ล้านตัน เหตุมีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว พร้อมแจ้งให้ทราบว่าจะทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากรัฐยังไม่ชัดเจน อคส. เสนอรายละเอียด “เจ๊วา” ก่อนรายงานให้นายกรัฐมนตรีด้านผู้ส่งออกมึนตึ้บ นายกฯ เบี้ยวหารือ
นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส. กังวลว่าจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีชะลอสัญญารับมอบข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.95 ล้านตัน จากผู้ชนะการประมูล 17 ราย เพราะหลังจากให้ผู้ชนะการประมูลทำหนังสือแจ้งความจำนงในข้าวที่ประมูลได้มายังอคส. ปรากฎว่ามีการส่งหนังสือเข้ามาทั้งหมด 14 ราย
ซึ่งในจำนวนนี้ได้ระบุว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับอคส. เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการชะลอรับมอบข้าว ทำให้นำข้าวไปส่งลูกค้าต่างประเทศไม่ทัน และยังเกิดความเสียหายต่อภาพพจน์ของประเทศไทย และมีบางรายที่ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อและหันไปซื้อข้าวกับประเทศอื่นแทน
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสามารถหาข้อสรุปสัญญาข้าวกับเอกชนได้โดยเร็ว จะไม่เกิดการฟ้องร้อง เพราะเอกชนคงไม่อยากมีปัญหากับภาครัฐ ซึ่งอคส. ได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อรายงานข้อสรุปจากผู้ชนะการประมูล เพื่อนำเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจไปแล้วเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.)
โดยผู้ชนะการประมูลต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงินปริมาณ 9.65 หมื่นตัน และคาดว่าคงต้องอนุมัติให้กับเอกชน เพราะตามสัญญาข้อ 12 กำหนดไว้ชัดเจนว่า กรรมสิทธิ์ในข้าวสารที่ตกลงซื้อขายตามสัญญาข้อ 1 จะโอนไปยังผู้ซื้อเฉพาะปริมาณข้าวสารที่ผู้ซื้อชำระเงินเรียกร้อยแล้ว
สำหรับข้าวที่ยังไม่ชำระเงิน 1.7 ล้านตันนั้น มีหนังสือแจ้งไม่ต้องการข้าวสารที่ชนะประมูลเพียง 3 แสนกว่าตัน อีก 1.4 ล้านยังสงวนท่าทีรับมอบข้าว เพราะรอดูคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีหากอนุมัติข้าวในส่วนดังกล่าว ทางผู้ชนะประมูลจะทำหนังสือแจ้งปริมาณตามคำสั่งซื้อข้าวจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามา เพื่อยืนยันที่จะรับมอบข้าวไปส่งลูกค้าตามคำสั่งซื้อที่มีอยู่จริง
“หากเกิดการฟ้องร้องขึ้นมาจริง อคส.จะลำบาก เพราะเอกชนจะยึดตามสัญญา โดยสัญญาข้อ 7 เป็นส่วนของการบอกเลิกสัญญา หากเอกชนทำผิดสัญญา ส่วนข้อ 12 เป็นเรื่องของข้าวที่จ่ายเงินแล้ว ข้าวจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน และที่ผ่านมา เอกชนทำถูกต้องตามสัญญา แต่ภาครัฐเป็นฝ่ายสั่งชะลอ ทำให้เอกชนได้รับความเสียหาย หากเขาฟ้องร้องมูลค่าที่ฟ้องอาจจะสูงกว่ามูลค่าข้าวที่แต่ละรายชนะการประมูลก็ได้”นายยงยศกล่าว
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะแจ้งไปยังลูกค้าต่างประเทศ เช่น แอฟริกา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถส่งมอบข้าวให้กับลูกค้าในหลายประเทศได้ตามกำหนด เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมส่งมอบข้าวให้กับบริษัทตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับทางอคส. ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์การส่งออกข้าวไทย
“เดิมทีผู้ส่งออกจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันนี้ แต่ต้องยกเลิก แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา เพราะนายกฯ บอกจะให้ผู้ส่งออกเข้าพบวันที่ 19-23 มิ.ย. ซึ่งผมได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับเลขานุการนายกฯ แต่ได้รับการบอกปัดให้ไปสอบถามหน้าห้องอีก 2-3 คน ทำให้ทราบว่านายกฯ ไม่ว่าง ต้องรอให้เดินทางกลับจากจีนวันที่ 24-27 มิ.ย.นี้ก่อน แต่การค้ารอไม่ได้จะมีนโยบายอย่างไรก็ให้บอกมา เพราะเราต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงิน เนื่องจากเดือดร้อนจริงๆ” นายสมพงษ์ กล่าว
นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส. กังวลว่าจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีชะลอสัญญารับมอบข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.95 ล้านตัน จากผู้ชนะการประมูล 17 ราย เพราะหลังจากให้ผู้ชนะการประมูลทำหนังสือแจ้งความจำนงในข้าวที่ประมูลได้มายังอคส. ปรากฎว่ามีการส่งหนังสือเข้ามาทั้งหมด 14 ราย
ซึ่งในจำนวนนี้ได้ระบุว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับอคส. เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการชะลอรับมอบข้าว ทำให้นำข้าวไปส่งลูกค้าต่างประเทศไม่ทัน และยังเกิดความเสียหายต่อภาพพจน์ของประเทศไทย และมีบางรายที่ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อและหันไปซื้อข้าวกับประเทศอื่นแทน
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสามารถหาข้อสรุปสัญญาข้าวกับเอกชนได้โดยเร็ว จะไม่เกิดการฟ้องร้อง เพราะเอกชนคงไม่อยากมีปัญหากับภาครัฐ ซึ่งอคส. ได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อรายงานข้อสรุปจากผู้ชนะการประมูล เพื่อนำเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจไปแล้วเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.)
โดยผู้ชนะการประมูลต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงินปริมาณ 9.65 หมื่นตัน และคาดว่าคงต้องอนุมัติให้กับเอกชน เพราะตามสัญญาข้อ 12 กำหนดไว้ชัดเจนว่า กรรมสิทธิ์ในข้าวสารที่ตกลงซื้อขายตามสัญญาข้อ 1 จะโอนไปยังผู้ซื้อเฉพาะปริมาณข้าวสารที่ผู้ซื้อชำระเงินเรียกร้อยแล้ว
สำหรับข้าวที่ยังไม่ชำระเงิน 1.7 ล้านตันนั้น มีหนังสือแจ้งไม่ต้องการข้าวสารที่ชนะประมูลเพียง 3 แสนกว่าตัน อีก 1.4 ล้านยังสงวนท่าทีรับมอบข้าว เพราะรอดูคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีหากอนุมัติข้าวในส่วนดังกล่าว ทางผู้ชนะประมูลจะทำหนังสือแจ้งปริมาณตามคำสั่งซื้อข้าวจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามา เพื่อยืนยันที่จะรับมอบข้าวไปส่งลูกค้าตามคำสั่งซื้อที่มีอยู่จริง
“หากเกิดการฟ้องร้องขึ้นมาจริง อคส.จะลำบาก เพราะเอกชนจะยึดตามสัญญา โดยสัญญาข้อ 7 เป็นส่วนของการบอกเลิกสัญญา หากเอกชนทำผิดสัญญา ส่วนข้อ 12 เป็นเรื่องของข้าวที่จ่ายเงินแล้ว ข้าวจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน และที่ผ่านมา เอกชนทำถูกต้องตามสัญญา แต่ภาครัฐเป็นฝ่ายสั่งชะลอ ทำให้เอกชนได้รับความเสียหาย หากเขาฟ้องร้องมูลค่าที่ฟ้องอาจจะสูงกว่ามูลค่าข้าวที่แต่ละรายชนะการประมูลก็ได้”นายยงยศกล่าว
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะแจ้งไปยังลูกค้าต่างประเทศ เช่น แอฟริกา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถส่งมอบข้าวให้กับลูกค้าในหลายประเทศได้ตามกำหนด เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมส่งมอบข้าวให้กับบริษัทตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับทางอคส. ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์การส่งออกข้าวไทย
“เดิมทีผู้ส่งออกจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันนี้ แต่ต้องยกเลิก แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา เพราะนายกฯ บอกจะให้ผู้ส่งออกเข้าพบวันที่ 19-23 มิ.ย. ซึ่งผมได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับเลขานุการนายกฯ แต่ได้รับการบอกปัดให้ไปสอบถามหน้าห้องอีก 2-3 คน ทำให้ทราบว่านายกฯ ไม่ว่าง ต้องรอให้เดินทางกลับจากจีนวันที่ 24-27 มิ.ย.นี้ก่อน แต่การค้ารอไม่ได้จะมีนโยบายอย่างไรก็ให้บอกมา เพราะเราต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงิน เนื่องจากเดือดร้อนจริงๆ” นายสมพงษ์ กล่าว
