วานนี้(24 มิ.ย.)เวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อย.2154/2550 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ อายุ 44 ปี หรือ เสธ.น็อต อดีตนายทหารประจำ บก.สส.(สน.3 จชต.ยะลา) นายสุขุม หรือเบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 32 ปี และนายวิฑูร นิยกิจ อายุ 45 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย, จัดหาที่พำนักหรือที่ซ่อนเร้นเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้กระทำผิด, เสพยาเสพติด มี 3, 4 เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน (ยาอี)ไว้ในครอบครอง และปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และริบของกลาง
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า จำเลยทั้งสามกับนายแวง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 25 ปี ที่ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการทหาร และจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน คือ เมื่อระหว่างวันที่ 20 ก.พ.50 ถึงวันที่ 11 เม.ย.2550 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) จำนวน 7 ถุง น้ำหนัก 12.772 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 12.497 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจำหน่ายโดยการขายยาไอซ์ จำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 1.010 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.990 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 6,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหาห้องเลขที่ 305 เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 5073/8 แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่อให้ความสะดวกในการมั่วเสพยาไอซ์ และเป็นที่ประชุมสำหรับตกลงในการนำยาเสพติดไปจำหน่าย โดยจำเลยที่ 1 ได้บังอาจมี 3, 4 เมทิลลีน (ยาอี) จำนวน 1 ซอง น้ำหนัก 0.250 คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์หนัก 0.177 กรัม และร่วมกันเสพยา เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมยาไอซ์ที่จำเลยทั้งสามสมคบกันจัดหาและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อุปกรณ์การเสพ โทรศัพท์มือถือ เป็นของกลาง นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 ยังปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อีกด้วย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ผู้จับกุม เบิกความเป็นลำดับขั้นตอน ตั้งแต่การล่อซื้อยาเสพติด และจับกุม และมีภาพบันทึกเหตุการณ์จับกุมจากโทรทัศน์วงจรปิด เป็นหลักฐาน โจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสามมาก่อน จึงเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง โดยที่จำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเจ้าพนักงานต้องได้รับโทษเป็นสามเท่า พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 3 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย และร่วมกันเสพยาเสพติด รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 58 ปี แต่ให้จำคุกไว้สูงสุดที่ 50 ปี ตามกฎหมาย และปรับ 3,600,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย, ฐานเสพยาเสพติด และ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษให้หนึ่งในสี่ รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 15 ปี 18 เดือน ปรับ 9 แสนบาท และริบของกลาง โดยให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ ด.3625/2549 และ ด.2112/2550 ของศาลอาญาธนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนของคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนในคดีที่จำเลยทั้งสาม ร่วมกันฆ่า ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า และ ด.ต.มาโนช ศรีละคร เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ถึงแก่ความตาย ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 จำนวน 7 นาย ทำการล่อซื้อยาเสพติดจากนายสุขุม จำเลยที่ 2 ก่อนจะบุกเข้าไปจับกุมจำเลยทั้ง 3 นั้น อัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2419/2550 ฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 ก.ค.52 เวลา 09.30 น
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า จำเลยทั้งสามกับนายแวง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 25 ปี ที่ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการทหาร และจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน คือ เมื่อระหว่างวันที่ 20 ก.พ.50 ถึงวันที่ 11 เม.ย.2550 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) จำนวน 7 ถุง น้ำหนัก 12.772 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 12.497 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจำหน่ายโดยการขายยาไอซ์ จำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 1.010 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.990 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 6,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหาห้องเลขที่ 305 เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 5073/8 แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่อให้ความสะดวกในการมั่วเสพยาไอซ์ และเป็นที่ประชุมสำหรับตกลงในการนำยาเสพติดไปจำหน่าย โดยจำเลยที่ 1 ได้บังอาจมี 3, 4 เมทิลลีน (ยาอี) จำนวน 1 ซอง น้ำหนัก 0.250 คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์หนัก 0.177 กรัม และร่วมกันเสพยา เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมยาไอซ์ที่จำเลยทั้งสามสมคบกันจัดหาและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อุปกรณ์การเสพ โทรศัพท์มือถือ เป็นของกลาง นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 ยังปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อีกด้วย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ผู้จับกุม เบิกความเป็นลำดับขั้นตอน ตั้งแต่การล่อซื้อยาเสพติด และจับกุม และมีภาพบันทึกเหตุการณ์จับกุมจากโทรทัศน์วงจรปิด เป็นหลักฐาน โจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสามมาก่อน จึงเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง โดยที่จำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเจ้าพนักงานต้องได้รับโทษเป็นสามเท่า พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 3 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย และร่วมกันเสพยาเสพติด รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 58 ปี แต่ให้จำคุกไว้สูงสุดที่ 50 ปี ตามกฎหมาย และปรับ 3,600,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย, ฐานเสพยาเสพติด และ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษให้หนึ่งในสี่ รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 15 ปี 18 เดือน ปรับ 9 แสนบาท และริบของกลาง โดยให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ ด.3625/2549 และ ด.2112/2550 ของศาลอาญาธนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนของคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนในคดีที่จำเลยทั้งสาม ร่วมกันฆ่า ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า และ ด.ต.มาโนช ศรีละคร เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ถึงแก่ความตาย ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 จำนวน 7 นาย ทำการล่อซื้อยาเสพติดจากนายสุขุม จำเลยที่ 2 ก่อนจะบุกเข้าไปจับกุมจำเลยทั้ง 3 นั้น อัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2419/2550 ฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 ก.ค.52 เวลา 09.30 น