ประหาร! “บังรอน 2” กับพวก ค้ายาบ้า 1 แสนเม็ด สารภาพศาลปรานีลดเหลือ 50 ปี ส่วนพวกโดนคุกตลอดชีวิต
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายอัครเดช หรือ (บังรอน 2 ) สอนพ่วง, นายเอกสิทธิ์ หรือเสี่ยวหลิง หรือหลู้ลิ่ง หรือหลู้ลิ้น แซ่ฟุ้ง และนายอุหมัด บุญส่ง เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า วันที่ 11 ก.ย.50 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 3 คน ที่ยังหลบหนีไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมียาบ้าอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 100,000 เม็ด น้ำหนัก 8,992.450 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 2,479.415 กรัม และชนิดผลึกใส จำนวน 1 ซอง น้ำหนัก 580.380 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 549.562 กรัม รวมน้ำหนัก 9,572.830 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 3,028.977 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 12,425,000 บาท เหตุเกิดที่ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. ตามวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยาบ้าของกลาง กระเป๋าเดินทาง โทรศัพท์มือถือ จำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 6 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองฯ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1133,1134/2544 ของศาลจังหวัดสตูล จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดในคดีก่อนนั้นในขณะที่มีอายุเกินกว่าสิบเจ็ดปี จำเลยพ้นโทษในคดีดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.49 กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษขอศาลได้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามกฎหมายด้วย จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่จำเลยที่ 2 และ 3 กลับคำให้การในชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ให้ลงโทษประหารชีวิต แต่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงคุกจำเลยที่ 2 และ 3 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษนั้นศาลเห็นว่า จำเลยได้ถูกล้างมลทินเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.50 กรณีจึงไม่มีเหตุให้เพิ่มโทษจำเลยได้
