เชียงราย – นายทุนจีนเปิดเดินรถตรงผ่าน R3a ถึงหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ของ สปป.ลาวแล้ว พร้อมเดินแผนเดินรถเชื่อมถึงเชียงรายอีกทาง เชื่ออนาคตขยายเครือข่ายเต็มพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบนแน่ ขณะที่กลุ่มทุนที่ดินเร่งปลุกปั้นพื้นที่รอบสถานีขนส่งเชียงราย 2 รองรับ หวังทำเป็นศูนย์กลางธุรกิจต่อเนื่อง-จุดประสานงานสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ
นายณัฐพล รัตนโสภณ ผู้จัดการโครงการก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่2 และผู้รับมอบอำนาจให้พัฒนาพื้นที่ธุรกิจจากบริษัท เหนือสุดศิวิไลซ์ คอมเพล็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวการลงทุนในพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนต่อเนื่องจากระบบโครงการคมนาคม ถนน R3a เชื่อมจีน – ลาว – ไทย ที่เปิดใช้กันแล้ว เพื่อรองรับการพัฒนาที่จะมีต่อธุรกิจด้านต่างๆ ของบริษัทดังกล่าว โดยเฉพาะด้านการเดินรถโดยสารและทัวร์ท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)-จีนตอนใต้ ผ่านถนนR3a ซึ่งภาคเอกชนจีนให้ความสนใจในการจะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดพบว่านอกจากกลุ่มจีนจะพยายามลงทุนเดินรถโดยสารระหว่างจีนตอนใต้-สปป.ลาว-เชียงราย (สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ) แล้ว ยังได้มีการพัฒนาเส้นทางเดินรถภายใน สปป.ลาว ในหลายๆ สายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ ทุนจีนได้เปิดให้บริการรถโดยสารสายตรงจากเมืองเชียงรุ้ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา จีนตอนใต้ ผ่านด่านเมืองบ่อหาน-บ่อเต็น ชายแดนจีน-สปป.ลาว บนถนนR3a และเดินทางต่อไปสู่เมืองหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของ สปป.ลาว แล้ว เป็นการเดินรถสายตรงจากเดิมที่ในอดีตเป็นการเดินรถจากจีนตอนใต้ไปถึงแค่ชายแดนเมืองบ่อหาน-บ่อเต็นเท่านั้น
จากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะลงรถเพื่อทำเอกสารผ่านแดน และต่อรถโดยสารภายในอีกประเทศหนึ่ง เพื่อเดินทางต่อไป แต่ปัจจุบันขั้นตอนไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มทุนจีนมีการพัฒนาการเดินรถในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจนี้อย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาการเดินรถโดยสารดังกล่าว ทำให้เราเห็นว่า ในอนาคตการบริการรถโดยสาร คงจะกระจายไปทั่วภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงนี้โดยเขตแดนประเทศไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป บริษัทจึงได้พยายามพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเจริญเติบโตดังกล่าว โดยการพัฒนาโรงแรม ศูนย์กระจายสินค้า หอประชุม ฯลฯ ของบริษัทจะเป็นรูปธรรมภายในปี 2553 ถัดจากอาคารพาณิชย์ – สถานีขนส่งเชียงรายแห่งที่ 2
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทก็ได้เร่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ โดยรอบสถานีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งร่วมมือกับหน่วยงานองค์กรต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทได้มีการหารือกับ ดร.ยิ่งยง เทาประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.)ซึ่งมีนโยบายที่จะตั้งวิทยาเขตนอกพื้นที่ มรช.เนื่องจากสถานที่ภายในมหาวิทยาลัยไม่เพียงพอ ดังนั้น บริษัทจึงเห็นควรให้ยกที่ดินจำนวน 5 ไร่ เพื่อให้ มรช.ดำเนินการตั้งวิทยาเขตดังกล่าว
นายณัฐพล กล่าวว่า เมื่อมองจากปรัชญาและหลักวิชาการของมหาวิทยาลัย แล้วพบว่า สามารถเกิดการเชื่อมโยงกับการพัฒนาของบริษัทได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นโรงแรม อาคารพาณิชย์ ศูนย์กระจายสินค้า หอประชุม ฯลฯ เพื่อให้มีความหลากหลายและเป็นทั้งสถานประกอบการทางธุรกิจ สถานที่ท่องเที่ยวและอื่นๆ ไปในตัว ขณะที่มหาวิทยาลัย ก็พัฒนาภูมิปัญญาตะวันออกและสมุนไพร ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพัฒนาของธุรกิจสปา นวดแผนไทย ฯลฯ สอดรับกับการพัฒนาของบริษัทพอดี ดังนั้นหลังจากมีการหารือและเห็นชอบร่วมกันแล้วบริษัทได้ยื่นหนังสือไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ปัจจุบันจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาภายในมหาวิทยาลัยคาดว่าจะได้รับทราบผลในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการกิจการค้าชายแดน สภาผู้แทนราษฎร ในการผลักดันสถานกงสุลประเทศจีนประจำ จ.เชียงราย จากเดิมมีอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เพียงแห่งเดียวในภาคเหนือเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อมีอาณาเขตติดต่อกับทั้งประเทศพม่า สปป.ลาว จีนตอนใต้ และยังเชื่อมไปถึงเวียดนาม ฯลฯ ได้อีกด้วย ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบริษัท เหนือสุดศิวิไลซ์ คอมเพล็กซ์ จำกัด เป็นเอกชนที่บริจาคที่ดินประมาณ 8ไร่ พร้อมลงทุนกว่า 56 ล้านบาท เพื่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่สองให้แก่ จ.เชียงราย เพื่อใช้สำหรับการเดินรถในหมวดที่ 1-3 คือรถเล็กโดยสาร รถโดยสารสายยาวระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงราย และรถโดยสารที่ให้บริการระหว่างเชียงรายกับต่างจังหวัด โดยมีการเปิดใช้บริการและส่งมอบให้แก่กรมการขนส่งทางบกไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
หลังจากนั้นบริษัทได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยรอบสถานี ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัท เช่น อาคารพาณิชย์ โรงแรม การบริจาคที่ดินเพื่อให้สร้างสถานกงสุลจีนประจำ จ.เชียงราย การบริจาคที่ดินเพื่อให้ศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ เป็นต้น จนเป็นผลทำให้ธุรกิจบริเวณสถานีคึกคักขึ้นอย่างทันตาเห็น
