ASTVผู้จัดการรายวัน - ทหารไทยเร่งหารายได้ค่าธรรมเนียม ล่าสุดเซ็นสัญญากับคปภ.ให้บริการคัสโตเดียนมูลค่า 1.59 แสนล้าน พร้อมเดินหน้าหาลูกค้าบริษัทประกันต่อ ฟุ้งปัจจุบันมีมาเก็ตแชร์สูงสุด 25% มูลค่าทรัพย์สิน 2.4 แสนล้าน ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ครึ่งปีแรกยังติดลบประมาณ 6-7% แต่ยังคงเป้าทั้งปีโต 3% คาดครึ่งปีหลังกระเตื้อง หวังรัฐอัดฉีดเงินลงทุนหลังพรก.กู้เงิน 4 แสนล้านผ่าน
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้รักษาหลักทรัพย์ ระหว่างธนาคารกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินและดูแลรักษาทรัพย์สินเงินสำรองประกันภัย เพื่อการรับมอบและจัดเก็บเอกสารสินทรัพย์ของบริษัทประกันภัยที่นำมาเป็นประกัน ให้แก่ คปภ. ในมูลค่ารวมกว่า 159,000 ล้านบาท โดยตามสัญญาดังกล่าว ธนาคารมีหน้าที่ให้บริการในฐานะผู้รับฝากทรัพย์สิน โดยธนาคารมีหน้าที่เปิดบัญชีรับฝากทรัพย์สิน (Custody Account) ดูแลเก็บรักษาทรัพย์สินของ คปภ. ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงหลักทรัพย์ ตราสารแห่งหนี้หรือทรัพย์สินอื่นใด รับและส่งมอบทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังทำการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของหลักทรัพย์อีกด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจด้านการรับฝากทรัพย์สิน และเห็นว่าธุรกิจด้านนี้ของธนาคารจะสามารถเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เชื่อมั่นให้กับสังคมไทยเพราะในปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทประกันภัยมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 1.031 ล้านล้านบาท จากกลุ่มบริษัทประกันชีวิตทั้ง 25 บริษัท และกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยทั้ง 70 บริษัทในปัจจุบัน โดยที่ คปภ. ได้มีระเบียบและมาตรการควบคุมการบริหารจัดการของธุรกิจประกันภัยในการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจสังคมไทย จึงได้กำหนดให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัยมีการจัดสรรสินทรัพย์เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินสำรองและจำนวนภาระหนี้สินที่มีต่อผู้เอาประกัน ซึ่งบริษัทต้องนำทรัพย์สินเงินสำรองประกันภัยมาเป็นประกันความเชื่อมั่นไว้กับ คปภ. โดยใช้บริการจากธนาคารในการเป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สินนี้
นอกจากนี้ ในปัจจุบันธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในด้านการรับฝากและดูแลทรัพย์สินธุรกิจประกันภัยเป็นอันดับ 1 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ประมาณ 25% โดยมีบริษัทประกันที่มาฝากทรัพย์สินอยู่ 9 แห่ง หรือเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท และเร็วๆนี้มีบริษัทประกันเข้ามาฝากทรัพย์สินกับธนาคารทหารไทยเพิ่มอีก 1 แห่ง สำหรับมูลค่าทรัพย์สินที่ธนาคารรับดูแลอยู่นั้นปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 260,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจดังกล่าวในระบบนั้นจะอยู่ที่ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาทและยังมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นได้อีก
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทยกล่าวว่า สินเชื่อรายใหญ่ในครึ่งปีแรกน่าจะมีการติดลบอยู่ที่ 6-7% จากที่ในไตรมาสแรกติดลบ 5% อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ทั้งปีจะโตอยู่ที่ 3% เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังในส่วนของสินเชื่อหมุนเวียนทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอี จะเริ่มดีขึ้น รวมทั้งสิน เชื่อจากภาครัฐธนาคารก็มีความสนใจที่จะเข้าไปประมูลแต่คงได้จากส่วนนี้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้องมีส่วนแบ่งในหลายธนาคาร
ทั้งนี้ มองว่าพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทจะช่วยเศรษฐกิจให้สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากรัฐบาลได้นำไปลงทุนในโครงการต่างๆ โดยอาจทำให้สินเชื่อรายใหญ่ในครึ่งปีหลังเติบโตได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าธนาคารทุกแห่งไม่สามารถมีการเติบโตทางสินเชื่อได้ในระหว่างที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงติดลบ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้รักษาหลักทรัพย์ ระหว่างธนาคารกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินและดูแลรักษาทรัพย์สินเงินสำรองประกันภัย เพื่อการรับมอบและจัดเก็บเอกสารสินทรัพย์ของบริษัทประกันภัยที่นำมาเป็นประกัน ให้แก่ คปภ. ในมูลค่ารวมกว่า 159,000 ล้านบาท โดยตามสัญญาดังกล่าว ธนาคารมีหน้าที่ให้บริการในฐานะผู้รับฝากทรัพย์สิน โดยธนาคารมีหน้าที่เปิดบัญชีรับฝากทรัพย์สิน (Custody Account) ดูแลเก็บรักษาทรัพย์สินของ คปภ. ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงหลักทรัพย์ ตราสารแห่งหนี้หรือทรัพย์สินอื่นใด รับและส่งมอบทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังทำการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของหลักทรัพย์อีกด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจด้านการรับฝากทรัพย์สิน และเห็นว่าธุรกิจด้านนี้ของธนาคารจะสามารถเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เชื่อมั่นให้กับสังคมไทยเพราะในปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทประกันภัยมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 1.031 ล้านล้านบาท จากกลุ่มบริษัทประกันชีวิตทั้ง 25 บริษัท และกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยทั้ง 70 บริษัทในปัจจุบัน โดยที่ คปภ. ได้มีระเบียบและมาตรการควบคุมการบริหารจัดการของธุรกิจประกันภัยในการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจสังคมไทย จึงได้กำหนดให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัยมีการจัดสรรสินทรัพย์เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินสำรองและจำนวนภาระหนี้สินที่มีต่อผู้เอาประกัน ซึ่งบริษัทต้องนำทรัพย์สินเงินสำรองประกันภัยมาเป็นประกันความเชื่อมั่นไว้กับ คปภ. โดยใช้บริการจากธนาคารในการเป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สินนี้
นอกจากนี้ ในปัจจุบันธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในด้านการรับฝากและดูแลทรัพย์สินธุรกิจประกันภัยเป็นอันดับ 1 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ประมาณ 25% โดยมีบริษัทประกันที่มาฝากทรัพย์สินอยู่ 9 แห่ง หรือเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท และเร็วๆนี้มีบริษัทประกันเข้ามาฝากทรัพย์สินกับธนาคารทหารไทยเพิ่มอีก 1 แห่ง สำหรับมูลค่าทรัพย์สินที่ธนาคารรับดูแลอยู่นั้นปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 260,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจดังกล่าวในระบบนั้นจะอยู่ที่ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาทและยังมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นได้อีก
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทยกล่าวว่า สินเชื่อรายใหญ่ในครึ่งปีแรกน่าจะมีการติดลบอยู่ที่ 6-7% จากที่ในไตรมาสแรกติดลบ 5% อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ทั้งปีจะโตอยู่ที่ 3% เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังในส่วนของสินเชื่อหมุนเวียนทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอี จะเริ่มดีขึ้น รวมทั้งสิน เชื่อจากภาครัฐธนาคารก็มีความสนใจที่จะเข้าไปประมูลแต่คงได้จากส่วนนี้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้องมีส่วนแบ่งในหลายธนาคาร
ทั้งนี้ มองว่าพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทจะช่วยเศรษฐกิจให้สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากรัฐบาลได้นำไปลงทุนในโครงการต่างๆ โดยอาจทำให้สินเชื่อรายใหญ่ในครึ่งปีหลังเติบโตได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าธนาคารทุกแห่งไม่สามารถมีการเติบโตทางสินเชื่อได้ในระหว่างที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงติดลบ
