ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์กสิกรไทยหันลุยหารายได้ค่าธรรมเนียมชดเชยรายได้ดอกเบี้ย รุกดึงลูกค้าทั้งกองทุน บริษัทหลักทรัพย์ และธุรกิจประกัน ล่าสุดเซ็นสัญญาเป็นคัสโตเดียนให้บ.ไทยประกันมูลค่าสินทรัพย์ 8 หมื่นล้าน โดยตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปีโต 60% หวังดันสัดส่วนเพิ่มเป็น 50%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมไว้ที่ 60% ทำให้สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 50% จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมเท่ากับ 40% ส่วนรายได้จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่60% ซึ่งการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมนั้น เนื่องจากธนาคารมีการพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ทั้งในธุรกิจหลักทรัพย์ธุรกิจคุ้มครองความเสี่ยงลูกค้า และธุรกิจประกัน โดยปัจจุบันธนาคารได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการรับฝากสินทรัพย์จากลูกค้าธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธุรกิจประกันภัย และธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยรวมสินทรัพย์ที่ธนาคารดูแลทั้งหมดประมาณ7.4 แสนล้านบาท
"ในส่วนของการดำเนินธุรกิจคัสโตเดียนนั้น นอกจากบริษัทไทยประกันชีวิตแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีธุรกิจประกันชีวิตเข้ามาใช้บริการธนาคารมากขึ้น จากปัจจุบันที่ธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาดในการดูแลทรัพย์สินของธุรกิจประกันอยู่ที่30%"นายทรงพลกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจุบันธุรกิจประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนโดยในปีนี้มีลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารอยู่หลายสิบรายจากเดิมที่แทบจะไม่มีเลย และคาดว่าแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าปีนี้อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะมีความผันผวนแกว่งอยู่ประมาณ 2-3 บาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ส่งผลต่อการดูแลต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยของลูกค้าที่ใช้บริการกับธนาคารนอกจากจะใช้บริการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้วธนาคารยังช่วยดำเนินการติดตามหนี้ในกรณีที่ลูกค้าเก็บหนี้ไม่ได้ด้วย
รับฝาก-ดูแลทรัพย์สินไทยประกัน8หมื่นล.
ล่าสุดวานนี้(4 มี.ค.)ได้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้เก็บรักษาและดูแลทรัพย์สิน (Custodian)ระหว่างธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยมีนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กับบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด โดยนางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน สายงานการเงิน และสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย ร่วมลงนามในสัญญาการใช้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) มูลค่า 80,000 ล้านบาท
นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน สายงานการเงิน และสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้มีการประกาศระเบียบอันเกี่ยวเนื่องกับการรับประกันภัย และการจัดสรรเงินกองทุนและเงินสำรองประกันภัย ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้บริษัทประกันภัยและประกันชีวิตจะต้องแต่งตั้งผู้เก็บรักษาและดูแลทรัพย์สิน (Custodian) เพื่อตรวจสอบ ดูแล ประเมิน ภาระผูกพันของทรัพย์สินต่างๆ ของบริษัท ให้สามารถประเมินราคาทรัพย์สินได้อย่างเป็นมาตรฐาน และรองรับกับภาระผูกพันตามสัญญาประกันชีวิต ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อบริษัทเกิดปัญหาจะมีเงินจ่ายตามสัญญากรมธรรม์แน่นอน โดยทางคปภ.กำหนดให้บริษัทประกันชีวิตต้องมีทรัพย์สินหนุนหลังปีแรก 90% และเพิ่มเป็น 100% ในปีที่สอง
ดังนั้น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จึงได้เลือกให้ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของบริษัท รวมมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นสถาบันการเงินที่มั่นคง น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ เทคโนโลยีและการจัดการด้านการเก็บรักษาและดูแลทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับบริษัท และลูกค้าของบริษัทในการดูแลทรัพย์สินของบริษัทได้
นายทรงพล กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย นับเป็นผู้นำในการให้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) โดยมีทรัพย์สินของ กบข. กองทุน องค์กร และสถาบันต่าง ๆ ภายใต้การดูแลทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 6 แสนล้านบาท
สำหรับการให้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) แก่บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของบริษัท ไทยประกันชีวิต มั่นใจได้ว่ามีผู้ดูแลทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงสุดตามมาตรฐานสากล บริษัทจะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันตามสัญญากรมธรรม์ได้อย่างแน่นอน โดยสินทรัพย์ที่ธนาคารรับฝากจะเป็นทรัพย์สินที่ปราศจากภาระผูกพัน เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ทันที ได้แก่ สินทรัพย์ลงทุน ตามกฎหมายประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และเงินฝากธนาคารส่วนที่บริษัทประกันภัยใช้เป็นทรัพย์สินหมุนเวียนเพียงประเภทเดียวเท่านั้นที่คปภ.ยินยอมให้บริษัทสามารถเก็บรักษาไว้เองได้ แต่ต้องไม่เกิน 5% ของสินทรัพย์หนุนหลังทั้งหมด
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งประมาณ 25% ในการทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์กองทุนรวม และมีส่วนแบ่งตลาด 27% เป็นอันดับหนึ่งในการเป็นผู้รับฝากทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ปัจจุบันมีทรัพย์สินภายใต้การดูแลมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ นายทรงพลกล่าวอีกว่าธนาคารสนในการเข้าสนับสนุนโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐวิสาหกิจตามนโยบายกระทรวงการคลังที่ให้รัฐวิสาหกิจกู้เงินในวงเงิน 200,000 ล้านบาทโดยเบื้องต้นธนาคารยังไม่ได้เสนอความคิดเห็นใดๆ เข้าไปยังสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) แต่ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมไว้ที่ 60% ทำให้สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 50% จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมเท่ากับ 40% ส่วนรายได้จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่60% ซึ่งการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมนั้น เนื่องจากธนาคารมีการพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ทั้งในธุรกิจหลักทรัพย์ธุรกิจคุ้มครองความเสี่ยงลูกค้า และธุรกิจประกัน โดยปัจจุบันธนาคารได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการรับฝากสินทรัพย์จากลูกค้าธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธุรกิจประกันภัย และธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยรวมสินทรัพย์ที่ธนาคารดูแลทั้งหมดประมาณ7.4 แสนล้านบาท
"ในส่วนของการดำเนินธุรกิจคัสโตเดียนนั้น นอกจากบริษัทไทยประกันชีวิตแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีธุรกิจประกันชีวิตเข้ามาใช้บริการธนาคารมากขึ้น จากปัจจุบันที่ธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาดในการดูแลทรัพย์สินของธุรกิจประกันอยู่ที่30%"นายทรงพลกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจุบันธุรกิจประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนโดยในปีนี้มีลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารอยู่หลายสิบรายจากเดิมที่แทบจะไม่มีเลย และคาดว่าแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าปีนี้อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะมีความผันผวนแกว่งอยู่ประมาณ 2-3 บาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ส่งผลต่อการดูแลต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยของลูกค้าที่ใช้บริการกับธนาคารนอกจากจะใช้บริการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้วธนาคารยังช่วยดำเนินการติดตามหนี้ในกรณีที่ลูกค้าเก็บหนี้ไม่ได้ด้วย
รับฝาก-ดูแลทรัพย์สินไทยประกัน8หมื่นล.
ล่าสุดวานนี้(4 มี.ค.)ได้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้เก็บรักษาและดูแลทรัพย์สิน (Custodian)ระหว่างธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยมีนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กับบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด โดยนางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน สายงานการเงิน และสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย ร่วมลงนามในสัญญาการใช้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) มูลค่า 80,000 ล้านบาท
นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน สายงานการเงิน และสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้มีการประกาศระเบียบอันเกี่ยวเนื่องกับการรับประกันภัย และการจัดสรรเงินกองทุนและเงินสำรองประกันภัย ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้บริษัทประกันภัยและประกันชีวิตจะต้องแต่งตั้งผู้เก็บรักษาและดูแลทรัพย์สิน (Custodian) เพื่อตรวจสอบ ดูแล ประเมิน ภาระผูกพันของทรัพย์สินต่างๆ ของบริษัท ให้สามารถประเมินราคาทรัพย์สินได้อย่างเป็นมาตรฐาน และรองรับกับภาระผูกพันตามสัญญาประกันชีวิต ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อบริษัทเกิดปัญหาจะมีเงินจ่ายตามสัญญากรมธรรม์แน่นอน โดยทางคปภ.กำหนดให้บริษัทประกันชีวิตต้องมีทรัพย์สินหนุนหลังปีแรก 90% และเพิ่มเป็น 100% ในปีที่สอง
ดังนั้น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จึงได้เลือกให้ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของบริษัท รวมมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นสถาบันการเงินที่มั่นคง น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ เทคโนโลยีและการจัดการด้านการเก็บรักษาและดูแลทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับบริษัท และลูกค้าของบริษัทในการดูแลทรัพย์สินของบริษัทได้
นายทรงพล กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย นับเป็นผู้นำในการให้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) โดยมีทรัพย์สินของ กบข. กองทุน องค์กร และสถาบันต่าง ๆ ภายใต้การดูแลทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 6 แสนล้านบาท
สำหรับการให้บริการรับฝากทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Custodian) แก่บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของบริษัท ไทยประกันชีวิต มั่นใจได้ว่ามีผู้ดูแลทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงสุดตามมาตรฐานสากล บริษัทจะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันตามสัญญากรมธรรม์ได้อย่างแน่นอน โดยสินทรัพย์ที่ธนาคารรับฝากจะเป็นทรัพย์สินที่ปราศจากภาระผูกพัน เพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ทันที ได้แก่ สินทรัพย์ลงทุน ตามกฎหมายประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และเงินฝากธนาคารส่วนที่บริษัทประกันภัยใช้เป็นทรัพย์สินหมุนเวียนเพียงประเภทเดียวเท่านั้นที่คปภ.ยินยอมให้บริษัทสามารถเก็บรักษาไว้เองได้ แต่ต้องไม่เกิน 5% ของสินทรัพย์หนุนหลังทั้งหมด
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งประมาณ 25% ในการทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์กองทุนรวม และมีส่วนแบ่งตลาด 27% เป็นอันดับหนึ่งในการเป็นผู้รับฝากทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ปัจจุบันมีทรัพย์สินภายใต้การดูแลมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ นายทรงพลกล่าวอีกว่าธนาคารสนในการเข้าสนับสนุนโครงการปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐวิสาหกิจตามนโยบายกระทรวงการคลังที่ให้รัฐวิสาหกิจกู้เงินในวงเงิน 200,000 ล้านบาทโดยเบื้องต้นธนาคารยังไม่ได้เสนอความคิดเห็นใดๆ เข้าไปยังสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) แต่ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้