xs
xsm
sm
md
lg

โบรกเกอร์ผวารายได้ธรรมเนียมหดร้องตลท.ขอแยกบัญชีคำนวณค่าคอมฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์แจงสมาคมโบรกเกอร์ขอปรับเกณฑ์คิดค่าคอมมิชชั่นตามรายบัญชีซื้อขาย จากเดิมคิดรวมทั้งบัญชีเงินสด มาร์จิ้น อินเตอร์เน็ต อ้างเพื่อความสะดวก " ภัทรียา" แจงคาดสรุปภายในเดือนนี้ เพื่อให้ บล.จัดเตรียมระบบรองรับซื้อขาย

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) ได้ส่งหนังสือมายังตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอปรับวิธีการคำนวณค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นรายบัญชี จากเดิมที่จะมีการคิดรวมทุกบัญชี เพื่อรองรับการใช้ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดที่จะบังคับใช้ในปีหน้า เพื่อสะดวกของโบรกเกอร์ในการคำนวณและประหยัดเวลา เพราะ ปัจจุบันนักลงทุนมีการเปิดบัญชีซื้อขาย ทั้งบัญชีเงินสด บัญชีสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ บัญชีซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ให้ทางฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ซึ่งหากวิธีการคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่สมาคมโบรกเกอร์เสนอมา สะดวกวิธีปฏิบัติไม่ยุ่งยากและเกิดประโยชน์ต่อุตสาหกรรมตลาดหลักทรัพย์ฯก็พร้อมที่จะพิจารณา แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา คงจะต้องมีการนัดหารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เพราะ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องสรุปความเห็นชอบเรื่องดังกล่าวเดือนนี้ เพื่อที่จะให้โบรกเกอร์ต่างเตรียมพร้อมระบบงานในการคำนวณค่าคอมมิชชั่น

สำหรับ การยื่นหนังสือมาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้มีเพียง เรื่องวิธีการคิดค่าคอมมิชชั่นในบัญชีต่างๆของลูกค้าเพียง เรื่องเดียว ส่วนในเรื่องการขอปรับมูลค่าการซื้อขายในขั้นที่ให้สามารถต่อรองค่าคอมมิชชั่นแบบเสรี เป็น 100 ล้านบาท จากเกณฑ์เดิมวอลุ่มซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไปนั้น เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เสนอมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ

นางภัทรียา กล่าวถึงการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ร่วมกับ บริษัท บีเอ็นพี พารีบาล์ และบล. ธนชาต ว่า จากการที่ พระราชกำหนด ( พรก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ได้รับความเห็นชอบแล้วทำให้มีความชัดเจนในเรื่องแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนการลงทุนของรัฐบาล ว่าจะเดินหน้าไปตามแผนและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติ จากที่ได้รับฟังข้อมูลจากรัฐมนตรีช่วยกว่าการกระทรวงการคลังร่วมเดินทางไปด้วย

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้ข้อมูลแก่นักลงทุนต่างชาติว่านักลงทุนสามารถที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทจดทะเบียนไทยได้ประมาณ 22 บริษัท จากสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติยังไม่เต็มเพดาน ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ เพราะค่าP/E ต่ำ ทั้งบริษัทที่อยู่ในSET 50 และSET 100 ที่มีสภาพคล่องการซื้อขายสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น