ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะ สะเทือนตามอสังหาริมทรัพย์ “อินโนเวชั่นไทม์” มุ่งอีเว้นท์ถี่ ระดมเพิ่มช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดมากขึ้น มั่นใจสิ้นปีเบียดนั่งบัลลังก์แทนไซโก้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 60% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 200ล้านบาท
นางสาวอิงอร ดิลกธราดล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและบริหารการตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนัง แบรนด์ Rhythm (ริธั่ม) ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเป็นตัวแทนนาฬิกา Rhythmมากว่า 4 ปี ยอดขายมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเกิน 20% ทุกปี โดยในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าภาพรวมการขายจะยังมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% จากเดิมในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 40% ในกลุ่มตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนัง มูลค่า 200 กว่าล้านบาท โดยมีไซโก้ เป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60%
อย่างไรก็ตาม สำหรับอินโนเวชั่น ไทม์ ได้วางเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ว่า ภายใน 5 ปี จะต้องทำให้แบรนด์ Rhythm ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนังให้ได้ หรือภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจว่า Rhythm จะสร้างแชร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 60% ได้อย่างแน่นอน
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะใช้เม็ดเงินประมาณ 10% ของตัวเลขรายได้ที่วางไว้ มุ่งใช้ในเรื่องของการจัดอีเวนต์และเข้าร่วมงานเทรดแฟร์ต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน โดยมีอัตราการจัดงานสูงขึ้นจากปีก่อนราว 20% หรือต่อเดือน เฉลี่ยจัดงาน 2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังจะมุ่งในเรื่องของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับทางห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ที่ริธั่มวางจำหน่ายอยู่ อีกทั้งยังร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น เช่น กลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ และบริษัท และองค์กร ในการจัดทำนาฬิกา เพื่อเป็นของขวัญของพรีเมี่ยมด้วย
สำหรับในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอมรับว่า มีการพูดคุยที่จะเข้าไปร่วมมือกันในการขายตรงเข้าโครงการจัดสรรต่างๆ แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีการชะลอตัวลง ดังนั้นความร่วมมือกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จึงได้เลื่อนออกไปก่อน
แต่ในส่วนของช่องทางขายนั้น ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะพยายามเข้าไปวางจำหน่ายให้ได้ทุกห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ โดยขณะนี้ยังเหลือในกลุ่มโรบินสัน ขณะที่ในส่วนของไฮเปอร์มาร์เก็ต ยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปเปิด ทั้งนี้ในส่วนของช่องทางดีลเลอร์ ซึ่งมีกว่า 650 รายทั่วประทศ ถือว่าครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว ซึ่งยอดขายทั้งจากโมเดิร์นเทรดและดีลเลอร์
มีสัดส่วน 50% เท่าๆกัน แต่ต่างกันที่กำลังซื้อ โมเดิร์นเทรดจะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนมากว่า มีการซื้อสินค้าตั้งแต่ระดับ 5,000 บาทขึ้นไป ส่วนดีลเลอร์จะเป็นสินค้าในระดับราคาปานกลาง จากจำนวนสินค้าที่มีมากถึง 700 เอสเคยู ของ Rhythm ในปัจจุบัน ระดับราคาเริ่มตั้งแต่ 300-700,000 บาท
นางสาวอิงอร ดิลกธราดล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและบริหารการตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนัง แบรนด์ Rhythm (ริธั่ม) ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเป็นตัวแทนนาฬิกา Rhythmมากว่า 4 ปี ยอดขายมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเกิน 20% ทุกปี โดยในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าภาพรวมการขายจะยังมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% จากเดิมในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 40% ในกลุ่มตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนัง มูลค่า 200 กว่าล้านบาท โดยมีไซโก้ เป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60%
อย่างไรก็ตาม สำหรับอินโนเวชั่น ไทม์ ได้วางเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ว่า ภายใน 5 ปี จะต้องทำให้แบรนด์ Rhythm ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนาฬิกาตั้งโต๊ะและแขวนผนังให้ได้ หรือภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจว่า Rhythm จะสร้างแชร์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 60% ได้อย่างแน่นอน
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะใช้เม็ดเงินประมาณ 10% ของตัวเลขรายได้ที่วางไว้ มุ่งใช้ในเรื่องของการจัดอีเวนต์และเข้าร่วมงานเทรดแฟร์ต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน โดยมีอัตราการจัดงานสูงขึ้นจากปีก่อนราว 20% หรือต่อเดือน เฉลี่ยจัดงาน 2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังจะมุ่งในเรื่องของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับทางห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ที่ริธั่มวางจำหน่ายอยู่ อีกทั้งยังร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น เช่น กลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ และบริษัท และองค์กร ในการจัดทำนาฬิกา เพื่อเป็นของขวัญของพรีเมี่ยมด้วย
สำหรับในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอมรับว่า มีการพูดคุยที่จะเข้าไปร่วมมือกันในการขายตรงเข้าโครงการจัดสรรต่างๆ แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีการชะลอตัวลง ดังนั้นความร่วมมือกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จึงได้เลื่อนออกไปก่อน
แต่ในส่วนของช่องทางขายนั้น ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะพยายามเข้าไปวางจำหน่ายให้ได้ทุกห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ โดยขณะนี้ยังเหลือในกลุ่มโรบินสัน ขณะที่ในส่วนของไฮเปอร์มาร์เก็ต ยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปเปิด ทั้งนี้ในส่วนของช่องทางดีลเลอร์ ซึ่งมีกว่า 650 รายทั่วประทศ ถือว่าครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว ซึ่งยอดขายทั้งจากโมเดิร์นเทรดและดีลเลอร์
มีสัดส่วน 50% เท่าๆกัน แต่ต่างกันที่กำลังซื้อ โมเดิร์นเทรดจะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนมากว่า มีการซื้อสินค้าตั้งแต่ระดับ 5,000 บาทขึ้นไป ส่วนดีลเลอร์จะเป็นสินค้าในระดับราคาปานกลาง จากจำนวนสินค้าที่มีมากถึง 700 เอสเคยู ของ Rhythm ในปัจจุบัน ระดับราคาเริ่มตั้งแต่ 300-700,000 บาท