“ชุมพล”ดันรัฐบาลเร่งรับประกันภัยนักท่องเที่ยว รุดหารือกระทรวงการคลังเล็งคลอดมาตรการค้ำประกันหากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับอันตรายจากเหตุจลาจลจ่ายสูงสุด 1 ล้านบาท ระบุใช้โมเดลเดียวกันกับช่วงสถานการณ์โรคซาร์ส ขณะที่แผนปล่อยเงินกู้ช่วยภาคเอกชนติดขัดเรื่องเงื่อนไข เตรียมมัดมือคลังให้ช่วยค้ำประกันความเสี่ยง ด้านการกู้สถานการณ์นักท่องเที่ยว “วีระศักดิ์”เตรียมมือมือ “วีรชัย”อ้อนรัฐบาลจีน หนุนนักท่องเที่ยวมาไทยเหมือนเดิม พร้อมเตรียมข้อมูลแหล่องท่องเที่ยวใหม่ๆเสนอขายแดนอาหรับ
นายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ถึงแนวทางการออกมาตรการรับประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยหากได้รับอันตรายจากเหตุจลาจล หรือปิดสนามบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และยังสามารถช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
คลอดมาตรการจ่าย1ล้านบาท
ทั้งนี้ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้ว และได้เห็นชอบในหลักการเบื้องต้น โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯร่วมกันจัดทำรายละเอียดแล้วนำกลับมาเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะชดเชยค่าเสียหายให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติกรณีได้รับบาดเจ็บจากเหตุจลาจล 1 หมื่นดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนบาท โดยอัตราสูงสุดที่จะชดเชยคือ 1 ล้านบาท ในกรณีที่เสียชีวิต ซึ่งจะนำโมเดลการรับประกันเมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส) เมื่อปี 2546 มาปรับใช้ และวันนี้(23 เม.ย.52) จะร่วมหารือในรายละเอียดกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง อีกครั้งที่รัฐสภา ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า
“เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้มีหลายประเทศที่ออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศไทย ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ให้ความคุ้มครอง ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเทศกางสงกรานต์ก็ถือเป็นเหตุการณ์จลาจลซึ่งอยู่ในเงื่อนไขว่าประกันจะไม่รับผิดชอบอยู่แล้วด้วย จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกมารับประกันด้วยตัวเอง”
”ชุมพล”จี้คลังค้ำประกันเงินกู้
นอกจากนั้น ที่ประชุมครม.ยังให้กระทรวงการคลังไปเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องมาตรการช่วยเหลือเงินกู้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะล่าสุดวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5 พันล้านบาทสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายเล็กที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 200 ล้านบาท ที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในส่วนของดอกเบี้ยในอัตรา 2% นั้น ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ยอมปล่อยกู้ให้เพราะติดขัดในเงื่อนไขหลายประการที่เอกชนมีไม่เพียงพอ
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดกฎเกณฑ์เงื่อนไขลงบ้าง หรือถ้าจำเป็นจริงๆก็อาจปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันความเสี่ยงให้แก่ธนาคาร สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่มีสินทรัพย์เกิน 200 ล้านบาท ซึ่งเสนอขอวงเงินกู้ 15,000 ล้านบาท ครม.ก็รับในหลักการและให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาในรายละเอียดเช่นกัน โดยเงื่อนไขและการผ่อนปรนก็จะเหมือนกับวงเงิน 5,000 ล้านบาทแรก แต่จะต่างกันที่ระยะเวลาผ่อนชำระที่จะเพิ่มจาก 2 ปี เป็น 4 ปี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้เซ็นหนังสือรับรองส่งให้แก่ ททท.เพื่อผ่านไปยังสถานทูต 33 ประเทศที่ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว โดยมีเนื้อหาชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความร่วมมือประเทศนั้นๆให้ยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าให้นับวันรอยกเลิกประกาศได้เลย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิด 1 สัปดาห์รัฐบาลจะประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแน่นอน
นายชุมพล กล่าวถึงรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิว่า หลังเกิดเหตุการณ์จลาจลช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยว เริ่มที่ขึ้นต่อเนื่องเกือบเป็นปกติแล้ว โดยในวันที่ 15 เม.ย.มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 1.6 หมื่นคน ลดลง 50% จากช่วงปกติ และเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. โดยในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยว 3 หมื่นคน ซึ่งเกือบเท่าภาวะปกติแล้ว จึงมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลมีมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวออกมาต่อเนื่องจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว โดย กระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.จะพยายามสร้างกิจกรรม โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุดเพื่อจะได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยมากที่สุดแม้จะไม่ถึง 14 ล้านคนตามเป้าหมาย ส่วนรายได้จะทำให้ได้เกือบ 5 แสนล้านบาทลดลงให้น้อยที่สุดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5.3 แสนล้านบาท
สำหรับเรื่องวาระท่องเที่ยวแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ครม. เตรียมตั้งคณะทำงานโดยให้ตนเองเป็นประธาน พร้อมให้กระทรวงการท่องเที่ยวไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูท่องเที่ยว เพื่อผลักดันในท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติระยะ 1-3 ปี (2552-2554) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.จะไปจัดทำแผนกู้วิกฤตและแผนการตลาดมาบรรจุไว้ในวาระดังกล่าว ซึ่งกระทรวงฯดูแลแผนด้านการพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ททท.ทำแผนงานด้านประชาสมัพันธ์และส่งเสริมการตลาด บรรจุในงบประมาณประจำปี แต่ในปี 2552 จะใช้เป็นงบพิเศษ
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ชี้แจงประเทศไทยสร้างความมั่นใจ และ นำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ออกไปนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวในต่างประเทศ ตามกำหนดการณ์ที่ ททท.ต้องเดินสายร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยช่วง 3 เดือนนับจากนี้(เม.ย.-มิ.ย.) จะไปร่วม 3 งาน ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ปลายสัปดาห์นี้ที่ประเทศจีน ,งานอารเบียน ทราเวลมาร์ท (ATM ที่กรุงดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ (พ.ค.) และงาน ไทยแลนด์ เฟสติวัล ที่ประเทศญี่ปุ่น(มิ.ย.)
ยืมมือวีรชัยอ้อนรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศจีน ได้ขอความร่วมมือนาย
วีรชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการจะเดินทางไปประเทศจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาข้อราชการกับรัฐบาลจีนและผู้ปกครองมณฑลในจีน ช่วยพูดยืนยันความปลอดภัยแก่รัฐบาลและขอให้รัฐบาลจีนสนับสนุนประชาชนให้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเหมือนเดิม หากรัฐบาลจีนต้องการให้ ททท. หรือกระทรวงการท่องเที่ยวฯดำเนินการใดที่จะช่วยการันตี สร้างความมั่นใจให้ได้ ททท.ก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอและจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเองอีกครั้ง
“ท่านวีรชัยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน จึงมั่นใจว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่รัฐบาลจีนได้ระดับหนึ่ง เพราะการเดินทางไปครั้งนี้จะได้พบปะหารือกับระดับผู้ใหญ่และผู้นำของประเทศจีน ซึ่งมีอำนาจสั่งให้ชาวจีนเดินทางหรือไม่ให้เดินทางไปประเทศใดก็ได้”
เสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในงานATM
สำหรับงานเทรดโชว์ ATM ที่ดูไบ เตรียมข้อมูลไปตอบคำถามสร้างความกระจ่ายให้แก่คน 3 กลุ่ม ได้แก่ บายเออร์ ผู้สื่อข่าว และชาวต่างชาติที่ทำงานในดูไบ เน้นนำเสนอข้อเท็จจริงของการเมืองในระบออกประชาธิปไตยที่การชุมนุมเรียกร้องเป็นเรื่องปกติ และรัฐบาลก็สามารถยุติความรุนแรงได้เร็วและสังคมก็พอใจ
อย่างไรก็ตามไม่ค่อนห่วงตลาดตะวันออกกลางเพราะเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง และไม่อ่อนไหวเท่ากับตลาดจีนและญี่ปุ่น ดังนั้นจะเน้นเรื่องการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวและบายเออร์ เช่น ความเขียวสดของประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวตามอุทยาน และ สวนผลไม้ น้ำตก จากปกติชาวตะวันออกกลางจะชอบเที่ยว ทะเล ชอปปิ้ง และเมดิคัลทัวร์ นอกจากนั้นยังมีกำหนดการ กลุ่ม จูเมียร่า กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ขอเข้าพบเพื่อหารือ และล่าสุดได้รับรายงานว่าบริษัทห้างสรรสินค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศ ได้แจ้งความจำนงจะเข้ามาจัดสัมมนาที่ประทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้อีกจำนวนมากถ้าเราแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่เพียงพอ
จัดแฟร์5ภูมิภาคดันคนไทยเที่ยว
ด้านตลาดในประเทศ ททท. เตรียมจัดงานเทศกาลเที่ยวไทย 5 ภาค นำสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของทุกภาคในประเทศ เดินสายจัดแสดง ในจังหวัดต่าง รวม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา และ พัทยา โดยผู้ประกอบการจะนำแพกเกจท่องเที่ยวไปออกบูทจำหน่ายตรงกับผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งที่ผ่านมางานแฟร์ประเภทนี้จะจัดเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อในต่างจังหวัด ไม่มีโอกาสเข้ามาจับจ่าย ทั้งที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีการสำรวจตลาดแล้วพบว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางกันในภูมิภาคเดียวกันมากที่สุด เชื่อว่าโครงการนี้จะกระตุ้นให้ตลาดคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศได้ 87 ล้านคนครั้งตามเป้าหมายของททท.ที่ตั้งไว้ในปีนี้ โครงการนี้ ททท.ใช้งบจัดงานรวม 120 ล้านบาท เดินสายจัดงาน 5 ครั้ง ใน 5 พื้นที่ หรือประมาณครั้งละ 24 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 30 เม.ย.-2พ.ค.ที่พัทยาเป็นแห่งแรก
นายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ถึงแนวทางการออกมาตรการรับประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยหากได้รับอันตรายจากเหตุจลาจล หรือปิดสนามบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และยังสามารถช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
คลอดมาตรการจ่าย1ล้านบาท
ทั้งนี้ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้ว และได้เห็นชอบในหลักการเบื้องต้น โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯร่วมกันจัดทำรายละเอียดแล้วนำกลับมาเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะชดเชยค่าเสียหายให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติกรณีได้รับบาดเจ็บจากเหตุจลาจล 1 หมื่นดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนบาท โดยอัตราสูงสุดที่จะชดเชยคือ 1 ล้านบาท ในกรณีที่เสียชีวิต ซึ่งจะนำโมเดลการรับประกันเมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส) เมื่อปี 2546 มาปรับใช้ และวันนี้(23 เม.ย.52) จะร่วมหารือในรายละเอียดกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง อีกครั้งที่รัฐสภา ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า
“เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้มีหลายประเทศที่ออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศไทย ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ให้ความคุ้มครอง ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเทศกางสงกรานต์ก็ถือเป็นเหตุการณ์จลาจลซึ่งอยู่ในเงื่อนไขว่าประกันจะไม่รับผิดชอบอยู่แล้วด้วย จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกมารับประกันด้วยตัวเอง”
”ชุมพล”จี้คลังค้ำประกันเงินกู้
นอกจากนั้น ที่ประชุมครม.ยังให้กระทรวงการคลังไปเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องมาตรการช่วยเหลือเงินกู้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะล่าสุดวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5 พันล้านบาทสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายเล็กที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 200 ล้านบาท ที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในส่วนของดอกเบี้ยในอัตรา 2% นั้น ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ยอมปล่อยกู้ให้เพราะติดขัดในเงื่อนไขหลายประการที่เอกชนมีไม่เพียงพอ
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดกฎเกณฑ์เงื่อนไขลงบ้าง หรือถ้าจำเป็นจริงๆก็อาจปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันความเสี่ยงให้แก่ธนาคาร สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่มีสินทรัพย์เกิน 200 ล้านบาท ซึ่งเสนอขอวงเงินกู้ 15,000 ล้านบาท ครม.ก็รับในหลักการและให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาในรายละเอียดเช่นกัน โดยเงื่อนไขและการผ่อนปรนก็จะเหมือนกับวงเงิน 5,000 ล้านบาทแรก แต่จะต่างกันที่ระยะเวลาผ่อนชำระที่จะเพิ่มจาก 2 ปี เป็น 4 ปี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้เซ็นหนังสือรับรองส่งให้แก่ ททท.เพื่อผ่านไปยังสถานทูต 33 ประเทศที่ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว โดยมีเนื้อหาชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความร่วมมือประเทศนั้นๆให้ยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าให้นับวันรอยกเลิกประกาศได้เลย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิด 1 สัปดาห์รัฐบาลจะประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแน่นอน
นายชุมพล กล่าวถึงรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิว่า หลังเกิดเหตุการณ์จลาจลช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยว เริ่มที่ขึ้นต่อเนื่องเกือบเป็นปกติแล้ว โดยในวันที่ 15 เม.ย.มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 1.6 หมื่นคน ลดลง 50% จากช่วงปกติ และเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. โดยในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยว 3 หมื่นคน ซึ่งเกือบเท่าภาวะปกติแล้ว จึงมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลมีมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวออกมาต่อเนื่องจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว โดย กระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.จะพยายามสร้างกิจกรรม โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุดเพื่อจะได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยมากที่สุดแม้จะไม่ถึง 14 ล้านคนตามเป้าหมาย ส่วนรายได้จะทำให้ได้เกือบ 5 แสนล้านบาทลดลงให้น้อยที่สุดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5.3 แสนล้านบาท
สำหรับเรื่องวาระท่องเที่ยวแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ครม. เตรียมตั้งคณะทำงานโดยให้ตนเองเป็นประธาน พร้อมให้กระทรวงการท่องเที่ยวไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูท่องเที่ยว เพื่อผลักดันในท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติระยะ 1-3 ปี (2552-2554) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.จะไปจัดทำแผนกู้วิกฤตและแผนการตลาดมาบรรจุไว้ในวาระดังกล่าว ซึ่งกระทรวงฯดูแลแผนด้านการพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ททท.ทำแผนงานด้านประชาสมัพันธ์และส่งเสริมการตลาด บรรจุในงบประมาณประจำปี แต่ในปี 2552 จะใช้เป็นงบพิเศษ
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ชี้แจงประเทศไทยสร้างความมั่นใจ และ นำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ออกไปนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวในต่างประเทศ ตามกำหนดการณ์ที่ ททท.ต้องเดินสายร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยช่วง 3 เดือนนับจากนี้(เม.ย.-มิ.ย.) จะไปร่วม 3 งาน ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ปลายสัปดาห์นี้ที่ประเทศจีน ,งานอารเบียน ทราเวลมาร์ท (ATM ที่กรุงดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ (พ.ค.) และงาน ไทยแลนด์ เฟสติวัล ที่ประเทศญี่ปุ่น(มิ.ย.)
ยืมมือวีรชัยอ้อนรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศจีน ได้ขอความร่วมมือนาย
วีรชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการจะเดินทางไปประเทศจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาข้อราชการกับรัฐบาลจีนและผู้ปกครองมณฑลในจีน ช่วยพูดยืนยันความปลอดภัยแก่รัฐบาลและขอให้รัฐบาลจีนสนับสนุนประชาชนให้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเหมือนเดิม หากรัฐบาลจีนต้องการให้ ททท. หรือกระทรวงการท่องเที่ยวฯดำเนินการใดที่จะช่วยการันตี สร้างความมั่นใจให้ได้ ททท.ก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอและจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเองอีกครั้ง
“ท่านวีรชัยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน จึงมั่นใจว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่รัฐบาลจีนได้ระดับหนึ่ง เพราะการเดินทางไปครั้งนี้จะได้พบปะหารือกับระดับผู้ใหญ่และผู้นำของประเทศจีน ซึ่งมีอำนาจสั่งให้ชาวจีนเดินทางหรือไม่ให้เดินทางไปประเทศใดก็ได้”
เสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในงานATM
สำหรับงานเทรดโชว์ ATM ที่ดูไบ เตรียมข้อมูลไปตอบคำถามสร้างความกระจ่ายให้แก่คน 3 กลุ่ม ได้แก่ บายเออร์ ผู้สื่อข่าว และชาวต่างชาติที่ทำงานในดูไบ เน้นนำเสนอข้อเท็จจริงของการเมืองในระบออกประชาธิปไตยที่การชุมนุมเรียกร้องเป็นเรื่องปกติ และรัฐบาลก็สามารถยุติความรุนแรงได้เร็วและสังคมก็พอใจ
อย่างไรก็ตามไม่ค่อนห่วงตลาดตะวันออกกลางเพราะเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง และไม่อ่อนไหวเท่ากับตลาดจีนและญี่ปุ่น ดังนั้นจะเน้นเรื่องการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวและบายเออร์ เช่น ความเขียวสดของประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวตามอุทยาน และ สวนผลไม้ น้ำตก จากปกติชาวตะวันออกกลางจะชอบเที่ยว ทะเล ชอปปิ้ง และเมดิคัลทัวร์ นอกจากนั้นยังมีกำหนดการ กลุ่ม จูเมียร่า กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ขอเข้าพบเพื่อหารือ และล่าสุดได้รับรายงานว่าบริษัทห้างสรรสินค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศ ได้แจ้งความจำนงจะเข้ามาจัดสัมมนาที่ประทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้อีกจำนวนมากถ้าเราแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่เพียงพอ
จัดแฟร์5ภูมิภาคดันคนไทยเที่ยว
ด้านตลาดในประเทศ ททท. เตรียมจัดงานเทศกาลเที่ยวไทย 5 ภาค นำสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของทุกภาคในประเทศ เดินสายจัดแสดง ในจังหวัดต่าง รวม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา และ พัทยา โดยผู้ประกอบการจะนำแพกเกจท่องเที่ยวไปออกบูทจำหน่ายตรงกับผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งที่ผ่านมางานแฟร์ประเภทนี้จะจัดเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อในต่างจังหวัด ไม่มีโอกาสเข้ามาจับจ่าย ทั้งที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีการสำรวจตลาดแล้วพบว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางกันในภูมิภาคเดียวกันมากที่สุด เชื่อว่าโครงการนี้จะกระตุ้นให้ตลาดคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศได้ 87 ล้านคนครั้งตามเป้าหมายของททท.ที่ตั้งไว้ในปีนี้ โครงการนี้ ททท.ใช้งบจัดงานรวม 120 ล้านบาท เดินสายจัดงาน 5 ครั้ง ใน 5 พื้นที่ หรือประมาณครั้งละ 24 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 30 เม.ย.-2พ.ค.ที่พัทยาเป็นแห่งแรก
