ทีทีเอเอเล็งส่งหนังสือถึง วีระศักดิ์ เสนอปัดฝุ่นแผนงานเก่าที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นท่องเที่ยวตลาดในประเทศอย่างได้ผล “เจริญ” เทียบการทำงานสมัย “จุฑามาศ” นั่งผู้ว่าการ ททท.ก็เกิดวิกฤตยังผ่านมาได้ ระบุ การทำงานของ ททท.ในยุคปัจจุบันขาดประสิทธิภาพส่งผลงานไม่เกิดเป็นรูปธรรม
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ได้เตรียมยื่นหนังสือถึง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด ททท.) โดยจะเสนอให้ ททท.นำยุทธศาสตร์กระตุ้นท่องเที่ยวฉุกเฉินในช่วงปี 2545-2549 มาปรับใช้เป็นแผนกระตุ้นในปี 2552 นี้
โดยช่วงแผนดังกล่าว สมัยนั้น นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ได้เกิดปัจจัยลบกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายอย่างติดต่อกัน เช่น โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส) ระบาด โรคไข้หวัดนก และภัยพิบัติสึนามิ แต่ ททท.ก็จัดกิจกรรมกระตุ้นให้คนไทยท่องเที่ยวกันได้อย่างคึกคัก
นอกจากนั้น ยังต้องการให้ ททท.นำโครงการเก่าๆ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีตมาปรับใช้ เช่น โครงการวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา โครงการพาผู้ประกอบการออกโรดโชว์ 4 ภาค และ การจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือน มี.ค.และ ก.ค.เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน)
“ต้องยอมรับว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้คนไทยมีความกังวลจึงชะลอการจับจ่าย ซึ่งต่างจากวิกฤตครั้งก่อนๆ ที่กำลังซื้อในตลาดไม่มีแต่ททท.ก็ยังกระตุ้นตลาดขึ้นมาได้ ฉะนั้นขณะนี้ ททท.ต้องพยายามสร้างกระแสให้คนไทยกลับมาใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าจริงๆแล้วตลาดมีกำลังซื้อแต่รอดูสถานการณ์มากกว่า”
นายเจริญ กล่าวว่า ในส่วนงานคอนซูเมอร์แฟร์ที่ภาคเอกชนจัดขึ้น ททท.ก็ควรให้การสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้งานดูยิ่งใหญ่สามารถบูมเรื่องท่องเที่ยวให้เข้ามาอยู่ในกระแสความสนใจของคนไทยได้อีกครั้ง เช่น เอกชนจัดโปรโมชั่นลดราคา 10-70% ททท.ก็ให้การสนับสนุนอีกสัก 10-20% เพื่อให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ แต่ที่ผ่านมา ททท.กลับไม่เห็นความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนในการทำงานของ ททท.ขณะนี้อีกอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ไม่สามารถนำแผนงานที่ทำขึ้นไปสู่ความเป็นรูปธรรมได้จริง การประชาสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวยังไม่โดนใจผู้บริโภคให้หันมาสนใจและยินดีควักกระเป๋าหันมาจ่ายเงิน เพื่อเดินทางท่องเที่ยวได้ เพราะขาดจุดดึงดูดในด้านจิตวิทยา ส่งผลให้หลายแผนงานของ ททท.เกิดสุญญากาศ ขับเคลื่อนมาได้ และเกิดช่องว่างการทำงานร่วมระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งหน้าที่หลักของ ททท.ขณะนี้ คือ การสร้างความเชื่อมั่นสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นกับคนไทยในประเทศ โดยร่วมมือกับภาคเอกชนทำงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ได้เตรียมยื่นหนังสือถึง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด ททท.) โดยจะเสนอให้ ททท.นำยุทธศาสตร์กระตุ้นท่องเที่ยวฉุกเฉินในช่วงปี 2545-2549 มาปรับใช้เป็นแผนกระตุ้นในปี 2552 นี้
โดยช่วงแผนดังกล่าว สมัยนั้น นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ได้เกิดปัจจัยลบกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายอย่างติดต่อกัน เช่น โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส) ระบาด โรคไข้หวัดนก และภัยพิบัติสึนามิ แต่ ททท.ก็จัดกิจกรรมกระตุ้นให้คนไทยท่องเที่ยวกันได้อย่างคึกคัก
นอกจากนั้น ยังต้องการให้ ททท.นำโครงการเก่าๆ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีตมาปรับใช้ เช่น โครงการวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา โครงการพาผู้ประกอบการออกโรดโชว์ 4 ภาค และ การจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือน มี.ค.และ ก.ค.เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน)
“ต้องยอมรับว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้คนไทยมีความกังวลจึงชะลอการจับจ่าย ซึ่งต่างจากวิกฤตครั้งก่อนๆ ที่กำลังซื้อในตลาดไม่มีแต่ททท.ก็ยังกระตุ้นตลาดขึ้นมาได้ ฉะนั้นขณะนี้ ททท.ต้องพยายามสร้างกระแสให้คนไทยกลับมาใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าจริงๆแล้วตลาดมีกำลังซื้อแต่รอดูสถานการณ์มากกว่า”
นายเจริญ กล่าวว่า ในส่วนงานคอนซูเมอร์แฟร์ที่ภาคเอกชนจัดขึ้น ททท.ก็ควรให้การสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้งานดูยิ่งใหญ่สามารถบูมเรื่องท่องเที่ยวให้เข้ามาอยู่ในกระแสความสนใจของคนไทยได้อีกครั้ง เช่น เอกชนจัดโปรโมชั่นลดราคา 10-70% ททท.ก็ให้การสนับสนุนอีกสัก 10-20% เพื่อให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ แต่ที่ผ่านมา ททท.กลับไม่เห็นความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนในการทำงานของ ททท.ขณะนี้อีกอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ไม่สามารถนำแผนงานที่ทำขึ้นไปสู่ความเป็นรูปธรรมได้จริง การประชาสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวยังไม่โดนใจผู้บริโภคให้หันมาสนใจและยินดีควักกระเป๋าหันมาจ่ายเงิน เพื่อเดินทางท่องเที่ยวได้ เพราะขาดจุดดึงดูดในด้านจิตวิทยา ส่งผลให้หลายแผนงานของ ททท.เกิดสุญญากาศ ขับเคลื่อนมาได้ และเกิดช่องว่างการทำงานร่วมระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งหน้าที่หลักของ ททท.ขณะนี้ คือ การสร้างความเชื่อมั่นสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นกับคนไทยในประเทศ โดยร่วมมือกับภาคเอกชนทำงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
