xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาใหม่ช่อง 3 รัฐต้อง "คุ้มค่าทุกนาที"!

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ความที่ อสมท ให้สัมปทานการบริหารทีวีช่อง 3 แก่ตระกูลมาลีนนท์มาช้านานจึงไม่แปลกที่คนทั่วไปจะคิดว่า ช่อง 3 อสมท คือ สมบัติของตระกูลมาลีนนท์

แต่...พลันที่มีข่าวว่า การขอต่อสัญญาซึ่งเดิมจะหมดอายุลงในปีหน้าออกไปอีก 10 ปีหรือไปหมดอายุในปี 2563 ระหว่าง อสมท กับบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ของตระกูลมาลีนนท์ส่อเค้ามีปัญหา เรื่องที่ว่าง่าย สมบัติที่ว่าเป็นของตายของตระกูลมาลีนนท์ ก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ข่าวเปิดเผยว่า มีสองประเด็นที่เป็นปัญหาให้คณะกรรมการ อสมท ต้องคิดและตรวจสอบให้รอบคอบ ก่อนจะอนุมัติสัญญาใหม่นี้ คือ หนึ่ง เงื่อนไขผลตอบแทนที่บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์เสนอมา และ สอง สัญญาใหม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯหรือไม่

ข้อแรก หากลองย้อนมองอดีตตั้งแต่ อสมท ตกลงทำสัญญากับตระกูลมาลีนนท์ จะเห็นว่า หลายปีผ่านมา อสมท ได้รับผลตอบแทนตามสัญญาแต่ละปีถือว่าไม่มากนัก แถมบางช่วงของสัญญาก็ยังมีแก้ไขสาระสำคัญให้มีการเปลี่ยนแปลงสูตรค่าตอบแทนที่เอื้อประโยชน์แก่บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์อีกต่างหาก

ดังนั้น ที่เป็นปัญหาขึ้นก็อาจเป็นไปได้อย่างสูงว่า สัญญาใหม่บอร์ด อสมท พิจารณาแล้วเห็นว่าผลตอบแทนของตระกูลมาลีนนท์เสนอให้แก่ อสมท ไม่สมน้ำสมเนื้อเท่าที่ควร

กรณีนี้คิดต่อได้ไม่ยาก ไม่ต้องเป็นบอร์ด อสมท คนนอกแม้ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการโทรทัศน์ก็พอทราบว่า เวลา หรือโฆษณาของธุรกิจฟรีทีวีนั้นเป็นเงินเป็นทองแค่ไหน รายได้แต่ละปีของบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ที่จะได้จากช่อง 3 มากมายมหาศาลเพียงใด ผมเดาว่า บอร์ด อสมท คงขอปรับค่าสัมปทานหรือผลตอบแทนให้สูงขึ้น ขณะที่ คู่สัญญาอย่างบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ขอต่อรอง

แม้จะยังไม่มีใครทราบตัวเลขที่แท้จริงว่า 10 ปีจากนี้ไปบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์เสนอให้กับ อสมท เป็นมูลค่ารวมเท่าไหร่ ต่อปีเฉลี่ยแล้วกี่มากน้อยซึ่งตกลงกันไม่ได้ก็แปลว่า ตระกูลมาลีนนท์ยังคิดพร้อมเสนอเงื่อนไขมาแบบคิดว่าช่อง 3 เป็นสมบัติผูกขาดของตระกูลเหมือนเดิม

หากเป็นเช่นนี้ พอจะบอกได้เลยว่า คงเป็นเรื่องยากที่สัญญาใหม่จะราบรื่น

นั่นเพราะต้องไม่ลืมว่า สถานะบัดนี้ไม่ใช่ อสมท ตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่ได้ตกอยู่ในอิทธิพลการเมือง หรือนักการเมืองชี้นำได้ง่ายเหมือนแดนสนธยาในอดีต

อสมท ปัจจุบัน คือ บริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การอนุมัติสัญญาที่อาจก่อให้เกิดข้อสงสัย ข้อครหาใดๆ บอร์ด อสมท ก็ต้องมีคำตอบและรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ตลอดกฎเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล การตรวจสอบที่บีบบังคับ ตามกฎเกณฑ์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั่วไปดักรออยู่

ตรงจุดนี้ คนตระกูลมาลีนนท์ย่อมทราบดี เพราะบริษัท บีอีซีเ วิลด์ ที่มีตระกูลมาลีนนท์ถือหุ้นมากถึงกว่า 60% ก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน

...และตระกูลมาลีนนท์ก็คงทราบดีต่อไปเช่นกันว่า กลุ่มบีอีซี เวิลด์ ที่เติบใหญ่มาได้ทุกวันนี้เพราะมีจุดเริ่มต้นทำมาหากินอยู่กับช่อง 3!

กลุ่มบีอีซี เวิลด์ จัดตั้งขึ้นในระหว่างปี 2538 โดยการรวมเอาบริษัทของ "มาลีนนท์" ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวข้องกับธุรกิจดำเนินการออกอากาศและสื่อโฆษณา และ ธุรกิจการจัดหาและผลิตรายการโทรทัศน์เข้าด้วยกัน

ตามข้อมูลพื้นฐานที่มีรายงานไว้ในเว็บไซต์ของบีอีซี เวิลด์ระบุว่า ณ มีนาคม 2548 กลุ่มบีอีซี เวิลด์ ประกอบด้วยบริษัททั้งหมดรวม 27 บริษัท ได้แก่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทย่อย 22 บริษัท, บริษัทร่วม 4 บริษัท (ไม่รวมบริษัทย่อยของบริษัทร่วม) โดยมีบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทใหญ่

ลองหลับตานึกภาพระหว่างที่การเจรจาสัญญาใหม่ของตระกูลมาลีนนท์ยังไม่ยุติ หากมีคนเสนอให้บอร์ด อสมท เหลือบมองรายได้ที่กลุ่มบีอีซี เวิลด์ได้จากช่อง 3 จนแผ่กิ่งก้านสาขาแตกหน่อจนกลายเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ดังกล่าวมาเทียบเคียงกับรายได้ที่แบ่งให้ อสมท แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

แค่บอร์ดซักคนถามว่า ตระกูลมาลีนนท์ใช้เกณฑ์อะไรในการเสนอผลตอบแทนให้ อสมท ทำไมไม่ใช้เกณฑ์การรับรู้รายได้ที่บีอีซี เวิลด์เสนอขายหุ้นให้กับประชาชน(เมื่อปี 2539) หรือรายได้ ณ ปัจจุบันของบีอีซี เวิลด์เป็นฐาน แค่นี้ก็พอแล้วที่จะทำให้คนของตระกลูมาลีนนท์สะอึก ฉุกคิดบ้าง!

ส่วนข้อ 2 สัญญาใหม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ขณะนี้เท่าที่ทราบ บอร์ด อสมท มีความชัดเจนยืนกรานว่า ยังไงก็ตาม สัญญาที่จะดำเนินต่อไปอยู่ในข่ายต้องทำตามกฎหมาย ขั้นตอนต่อไปคือตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณา ขณะที่บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ก็ต่อรองอีกว่า ไม่ได้อยู่ในข่าย พร้อมกับหากมีปัญหามากนักก็จะยื่นขอใบอนุญาตกับ กทช.

บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ อาจมีเหตุผลที่จะบอกได้ว่า ตัวเองดำเนินงานธุรกิจบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์เป็นเจ้าของเวลาออกอากาศทั้งหมด มีประสบการณ์มานานจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ทว่า เป็นที่ทราบกันดีตั้งแต่มี กทช.มาจนวันนี้ก็ยังหวังอะไรไม่ได้นี่ละปัญหา

เรื่องนี้คาดว่าน่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ถกเถียงกันอีกพอสมควรจนกว่าจะมีบทสรุปที่ชัดเจน แต่ไม่ว่าจะจบอย่างไร ผมหวังว่า อสมท นี่ก็คือ รัฐต้องไม่เสียเปรียบ

ติดตามกันให้ดีครับว่า สุดท้ายบอร์ด อสมท จะทำให้สัญญาใหม่รัฐได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าทุกนาทีได้หรือไม่ หรือจะเป็นตระกูลมาลีนนท์ที่ยังได้ประโยชน์ "คุ้มค่าทุกนาที" จากสถานีทีวีสีช่อง 3 เหมือนที่ผ่านๆ มา.

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น