นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า คณะกรรมาธิการ ยังคงยืนยันที่จะเชิญนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ขสมก. เข้าชี้แจงโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ต่อคณะกรรมาธิการฯในวันนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากเลื่อนไม่เข้าชี้แจงมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าเราได้ให้เป็นกรณีพิเศษที่มีการเพิ่มวันประชุมขึ้นมาอีกวัน
ดังนั้นไม่ว่านายปิยะพันธ์ จะมาชี้แจงหรือไม่ ก็จะเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ สอบสวนเรื่องที่นายปิยะพันธ์ เคยถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบและชี้มูลความผิดว่า ส่อทุจริตกรณีการจัดเช่าซื้อรถเมล์ยูโรทู 500 คัน เมื่อปี 2544 ซึ่งขณะนั้นนายปิยะพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการเปิดซอง และเจรจาต่อรองราคา ที่สตง.ชี้ว่าทำให้รัฐเสียหาย 1,591,491,250 บาท และเมื่อรถยูโรทูออกวิ่ง พบว่ามีการขาดทุนวันละ 3 พันบาทต่อคันต่อวัน ในระยะเวลารวม10 ปี รวมประมาณ 5,475 ล้านบาท
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า เมื่อรวมกับยอดเดิมทำให้รัฐเสียหายประมาณ 7,066,491,250 บาท โดยทางสตง.ชี้ว่า นายปิยะพันธ์ กับพวกรวม 6 คน พิจารณาผลการประกวดราคาโดยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของขสมก. ตามคำสั่งแต่งตั้ง ทำให้ราชการเสียหาย มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เป็นการนำไปสู่การทุจริต สตง.จึงได้แจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินคดี และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เป็นจำนวน 1,591,491,250 บาท แต่จนบัดนี้เวลาผ่านไปเกือบ10 ปีแล้ว ส่วนราชการที่รับผิดชอบ ทั้งกระทรวงคมนาคม, ป.ป.ป., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี ยังไม่ดำเนินการลงโทษนายปิยะพันธ์ จึงจะเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ เชิญตัวแทนหน่วยงานเหล่านี้เข้าชี้แจงต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าการถูกชี้มูลดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อคุณสมบัติการเป็นประธานบอร์ด ขสมก.หรือไม่
รองประธานคณะกรรมาธิการฯกล่าวอีกว่า ต่อมารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้ตั้งนายปิยะพันธ์ มาเป็นประธานบอร์ด ขสมก. และได้เสนอโครงการเช่ารถ และจ้างเหมาซ่อมรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ในลักษณะเดียวกัน จึงเกรงว่าหากเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จะสร้างหนี้ให้ประเทศชาติต้องรับภาระมหาศาล ดังนั้น ครม.ต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมของนายปิยะพันธ์ ว่าน่าไว้วางใจหรือไม่ แต่หากครม.อนุมัติเรื่องตามที่นายปิยะพันธ์ เสนอ และพบว่ามีความผิดในภายหลัง คณะกรรมาธิการฯ ก็มีสิทธิสอบได้ทั้งครม.
**บี้ปิยะพันธ์แจงเมล์ฉาวจ่อผิดอาญา
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ในวันนี้ (16 มิ.ย.)จะมีการประชุม กรรมาธิการ ป.ป.ช. และได้เชิญนายปิยะพันธ์ มาชี้แจงกรณีที่ครม.ตีกลับโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีถึง 4 ครั้ง ที่เสนอตัวเลขไม่ตรงกัน เริ่มตั้งแต่1.1 แสนล้านบาท เมื่อถูกตีกลับ ก็เสนอเข้าไปใหม่ที่90,000 ล้านบาท และเมื่อถูกครม.ตีกลับอีก ก็ปรับลดลงมาอยู่ที่64,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ประธานบอร์ด ต้องรับทราบ และอนุมัติเพราะต้องเป็นผู้นำเสนอต่อครม.
ส่วนประเด็นสำคัญที่นายปิยะพันธ์ จะต้องชี้แจงคือ บอร์ดรู้เรื่องเกี่ยวกับการปรับลดหรือไม่ หรือรัฐมนตรีเป็นคนทำเอง เพราะขณะนี้กมธ.มีเอกสารที่ระบุว่า มีบุคคลบางคนได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว แม้จะยังไม่มีการเปิดซองประมูลราคาก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่บอร์ดต้องรับผิดชอบ ส่วนรัฐมนตรียังโยงไม่ถึง พร้อมยืนยันว่า กมธ.จะส่งรายชื่อบุคคลเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการป.ป.ช. ภายใน 2 สัปดาห์นี้ หากนายปิยะพันธ์ ยังไม่มาชี้แจง อาจต้องไปชี้แจงต่อป.ป.ช. หรือที่ศาลอาญาแทน
นอกจากนั้น นายชาญชัย ตั้งข้อสังเกต กรณีที่ขสมก.จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี ทางสื่อสิ่งพิมพ์นั้น ทางบอร์ดขสมก.จะปัดความรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน เพราะถือเป็นความผิดชัดเจน ไม่มีการเซ็นข้อตกลงตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของทางราชการ แต่เป็นการสั่งด้วยวาจา เพื่อให้เอเยนซีไปดำเนินการเลย ซึ่งทราบมาว่าใช้เงินของภาษีประชาชนในส่วนนี้ประมาณ2.8 ล้านบาท
---------------
ปิยะพันธ์ยันส่งข้อมูลเอ็นจีวี4พันคันให้สศช.ในกำหนด
ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ขสมก. เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ทำถึงกระทรวงคมนาคม เพื่อสอบถามถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 4,000 คันของขสมก.นั้น
ตนได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวบรวมรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำถามที่ สศช.ส่งมา โดยจะตอบกลับไปยัง สศช.ภายในกำหนดวันที่ 18 มิ.ย. แน่นอน
ทั้งนี้ประเด็นคำถามของ สศช.นั้นเป็นข้อมูลที่ ขสมก.มีอยู่แล้ว ทั้งเรื่องเส้นทางการเดินรถ, การปรับโครงสร้างองค์กรและการฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ ขสมก. ,ต้นทุนการโครงการเช่าเมล์ เอ็นจีวี เป็นต้น และหาก สศช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีก ก็พร้อมจะจัดหาส่งไปให้
"เบื้องต้นจะให้ สนข.สรุปก่อน จากนั้นอาจจะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือกันก่อนส่งข้อมูลไปให้สภาพัฒน์ เพื่อความรอบคอบ และหากส่งไปแล้วสภาพัฒน์ เห็นว่า ยังขาดอะไรก็ขอเพิ่มมาได้" นายปิยะพันธ์กล่าว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งละจราจร (สนข.) กล่าวว่า ประเด็นคำถามของ สศช.เกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ค่อนข้างมาก และต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลของจำนวนรถโดยสาร และจำนนผู้โดยสารในการขนส่งทุกระบบย้อนหลังถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม และคาดว่าจะสามารถจัดทำให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย.52 นี้
"ต้องหาข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2540 ทั้งเรื่องของปริมาณการเดินรถ จำนวนผ้โดยสาร จำนวนรถทุกๆ ระบบขนส่ง แผนการดำเนินงานในอีก10 ปีข้างหน้า รวมทั้งข้อมูลของการปรับเปลี่ยนวงเงินโครงการทั้ง 3 ครั้ง โดยข้อมูลส่วนใหญ่จะต้องให้ขสมก.รายงาน เช่น ประมาณการรายได้โดยสรุปของโครงการ ผลตอบแทนด้านการเงิน ความเสี่ยง ผลตอบแทน และรายละเอียดค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะเวลามีจำกัด เพื่อส่งให้สศช.ในวันที่ 18 มิ.ย." นางสร้อยทิพย์กล่าว
ดังนั้นไม่ว่านายปิยะพันธ์ จะมาชี้แจงหรือไม่ ก็จะเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ สอบสวนเรื่องที่นายปิยะพันธ์ เคยถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบและชี้มูลความผิดว่า ส่อทุจริตกรณีการจัดเช่าซื้อรถเมล์ยูโรทู 500 คัน เมื่อปี 2544 ซึ่งขณะนั้นนายปิยะพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการเปิดซอง และเจรจาต่อรองราคา ที่สตง.ชี้ว่าทำให้รัฐเสียหาย 1,591,491,250 บาท และเมื่อรถยูโรทูออกวิ่ง พบว่ามีการขาดทุนวันละ 3 พันบาทต่อคันต่อวัน ในระยะเวลารวม10 ปี รวมประมาณ 5,475 ล้านบาท
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า เมื่อรวมกับยอดเดิมทำให้รัฐเสียหายประมาณ 7,066,491,250 บาท โดยทางสตง.ชี้ว่า นายปิยะพันธ์ กับพวกรวม 6 คน พิจารณาผลการประกวดราคาโดยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของขสมก. ตามคำสั่งแต่งตั้ง ทำให้ราชการเสียหาย มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เป็นการนำไปสู่การทุจริต สตง.จึงได้แจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินคดี และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เป็นจำนวน 1,591,491,250 บาท แต่จนบัดนี้เวลาผ่านไปเกือบ10 ปีแล้ว ส่วนราชการที่รับผิดชอบ ทั้งกระทรวงคมนาคม, ป.ป.ป., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี ยังไม่ดำเนินการลงโทษนายปิยะพันธ์ จึงจะเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ เชิญตัวแทนหน่วยงานเหล่านี้เข้าชี้แจงต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าการถูกชี้มูลดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อคุณสมบัติการเป็นประธานบอร์ด ขสมก.หรือไม่
รองประธานคณะกรรมาธิการฯกล่าวอีกว่า ต่อมารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้ตั้งนายปิยะพันธ์ มาเป็นประธานบอร์ด ขสมก. และได้เสนอโครงการเช่ารถ และจ้างเหมาซ่อมรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ในลักษณะเดียวกัน จึงเกรงว่าหากเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จะสร้างหนี้ให้ประเทศชาติต้องรับภาระมหาศาล ดังนั้น ครม.ต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมของนายปิยะพันธ์ ว่าน่าไว้วางใจหรือไม่ แต่หากครม.อนุมัติเรื่องตามที่นายปิยะพันธ์ เสนอ และพบว่ามีความผิดในภายหลัง คณะกรรมาธิการฯ ก็มีสิทธิสอบได้ทั้งครม.
**บี้ปิยะพันธ์แจงเมล์ฉาวจ่อผิดอาญา
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ในวันนี้ (16 มิ.ย.)จะมีการประชุม กรรมาธิการ ป.ป.ช. และได้เชิญนายปิยะพันธ์ มาชี้แจงกรณีที่ครม.ตีกลับโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีถึง 4 ครั้ง ที่เสนอตัวเลขไม่ตรงกัน เริ่มตั้งแต่1.1 แสนล้านบาท เมื่อถูกตีกลับ ก็เสนอเข้าไปใหม่ที่90,000 ล้านบาท และเมื่อถูกครม.ตีกลับอีก ก็ปรับลดลงมาอยู่ที่64,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ประธานบอร์ด ต้องรับทราบ และอนุมัติเพราะต้องเป็นผู้นำเสนอต่อครม.
ส่วนประเด็นสำคัญที่นายปิยะพันธ์ จะต้องชี้แจงคือ บอร์ดรู้เรื่องเกี่ยวกับการปรับลดหรือไม่ หรือรัฐมนตรีเป็นคนทำเอง เพราะขณะนี้กมธ.มีเอกสารที่ระบุว่า มีบุคคลบางคนได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว แม้จะยังไม่มีการเปิดซองประมูลราคาก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่บอร์ดต้องรับผิดชอบ ส่วนรัฐมนตรียังโยงไม่ถึง พร้อมยืนยันว่า กมธ.จะส่งรายชื่อบุคคลเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการป.ป.ช. ภายใน 2 สัปดาห์นี้ หากนายปิยะพันธ์ ยังไม่มาชี้แจง อาจต้องไปชี้แจงต่อป.ป.ช. หรือที่ศาลอาญาแทน
นอกจากนั้น นายชาญชัย ตั้งข้อสังเกต กรณีที่ขสมก.จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี ทางสื่อสิ่งพิมพ์นั้น ทางบอร์ดขสมก.จะปัดความรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน เพราะถือเป็นความผิดชัดเจน ไม่มีการเซ็นข้อตกลงตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของทางราชการ แต่เป็นการสั่งด้วยวาจา เพื่อให้เอเยนซีไปดำเนินการเลย ซึ่งทราบมาว่าใช้เงินของภาษีประชาชนในส่วนนี้ประมาณ2.8 ล้านบาท
---------------
ปิยะพันธ์ยันส่งข้อมูลเอ็นจีวี4พันคันให้สศช.ในกำหนด
ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ขสมก. เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ทำถึงกระทรวงคมนาคม เพื่อสอบถามถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 4,000 คันของขสมก.นั้น
ตนได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวบรวมรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำถามที่ สศช.ส่งมา โดยจะตอบกลับไปยัง สศช.ภายในกำหนดวันที่ 18 มิ.ย. แน่นอน
ทั้งนี้ประเด็นคำถามของ สศช.นั้นเป็นข้อมูลที่ ขสมก.มีอยู่แล้ว ทั้งเรื่องเส้นทางการเดินรถ, การปรับโครงสร้างองค์กรและการฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ ขสมก. ,ต้นทุนการโครงการเช่าเมล์ เอ็นจีวี เป็นต้น และหาก สศช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีก ก็พร้อมจะจัดหาส่งไปให้
"เบื้องต้นจะให้ สนข.สรุปก่อน จากนั้นอาจจะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือกันก่อนส่งข้อมูลไปให้สภาพัฒน์ เพื่อความรอบคอบ และหากส่งไปแล้วสภาพัฒน์ เห็นว่า ยังขาดอะไรก็ขอเพิ่มมาได้" นายปิยะพันธ์กล่าว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งละจราจร (สนข.) กล่าวว่า ประเด็นคำถามของ สศช.เกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ค่อนข้างมาก และต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลของจำนวนรถโดยสาร และจำนนผู้โดยสารในการขนส่งทุกระบบย้อนหลังถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม และคาดว่าจะสามารถจัดทำให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย.52 นี้
"ต้องหาข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2540 ทั้งเรื่องของปริมาณการเดินรถ จำนวนผ้โดยสาร จำนวนรถทุกๆ ระบบขนส่ง แผนการดำเนินงานในอีก10 ปีข้างหน้า รวมทั้งข้อมูลของการปรับเปลี่ยนวงเงินโครงการทั้ง 3 ครั้ง โดยข้อมูลส่วนใหญ่จะต้องให้ขสมก.รายงาน เช่น ประมาณการรายได้โดยสรุปของโครงการ ผลตอบแทนด้านการเงิน ความเสี่ยง ผลตอบแทน และรายละเอียดค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะเวลามีจำกัด เพื่อส่งให้สศช.ในวันที่ 18 มิ.ย." นางสร้อยทิพย์กล่าว
