xs
xsm
sm
md
lg

พระราชทานคัมภีร์อัลกุรอาน3จว.ใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ในหลวง-พระราชินี" พระราชทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานพร้อมคำแปลภาษาไทย ให้กระทรวงวัฒนธรรมนำไปแจกประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักศาสนา อันจะนำมาซึ่งความสงบสันติ "มาร์ค" เรียกประชุม ครม.พัฒนาเศรษฐกิจใต้อนุมัติงบ 5.4 หมื่นล้าน ก่อนนำทีมขึ้นไปไหว้พระพรหมที่ตึกไทยคู่ฟ้า เผยงบพัฒนาใต้ถึงพื้นที่ช้า เพราะรัฐบาลที่แล้วอนุมัติโครงการแต่ไม่อนุมัติเงิน ต้องเร่งแก้ไข ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่มีการตรวจเข้ม หลังหน่วยข่าวแจ้งเตือนกลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมก่อเหตุอีกระลอก

นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้รับมอบพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และความหมายภาษาไทย ฉบับพระราชทาน จำนวน 5,000 ชุด ประมาณ 30,000 เล่ม จาก ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา และ อดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่ออำนวยความยุติธรรมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ (กอยส.) เพื่อแจกจ่ายไปยังคณะกรรมการจุฬาราชมนตรี สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลาม 36 จังหวัดทั่วประเทศ และมัสยิดกว่า 1,000 แห่ง รวมทั้งสถานทูตในต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศทางด้านอิสลาม เพื่อเผยแพร่พระกรุณาธิคุณของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ให้แพร่หลาย โดยเฉพาะหน้าปกพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้ขอพระราชทานพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. คู่กับพระนามาภิไธย ส.ก. เป็นครั้งแรก ไม่มีที่ใหนได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้มาก่อน
ศ.ดร.อุกฤษ กล่าวว่า เนื้อหาพระมหาคัมภีร์อัลกรุอาน เป็นภาษาอาหรับ พร้อมคำแปลภาษาไทย ซึ่งถือเป็นที่ยอมรับ และเป็นฉบับพระราชทาน ที่สำคัญคณะผู้จัดทำคัมภีร์ชุดดังกล่าว ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ เพราะที่ผ่านมาการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ได้ยึดหลักการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ ขาดความจริงใจ และมีประโยชน์ซ่อนเร้น
สำหรับการแก้ปัญหาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งรัฐบาลที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าทุกครั้งที่เกิดความรุนแรง รัฐบาลมุ่งแต่เพิ่มกำลังทหาร งบประมาณ แต่ละเลยจะเข้าไปศึกษาปัญหาที่แท้จริงว่า คนในพื้นที่ต้องการอะไร ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า สิ่งที่เขาต้องการคือ อาหาร อาชีพ การศึกษา และสุขอนามัย มากที่สุด
ด้านท่านผู้หญิงสมร ภูมิณรงค์ ประธานมูลนิธิต่วน สวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว มีพระราชดำริ ที่จะให้คนไทยได้มีพระมหาคัมภีรย์อัลกุรอาน ฉบับที่เป็นภาษาของประเทศของตนเอง และต้องการให้ชาวไทยมุสลิม และผู้ที่สนใจได้นำข้อความที่เป็นบทสอนนั้นนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ พระองค์ทรงเห็นความไม่เข้าใจในหลักคำสอนทางศาสนาของประชาชน จึงมีพระราชดำริให้จัดพิมพ์ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่อพระราชทานให้แก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักศาสนา รวมทั้งให้เกิดความสงบสันติขึ้นด้วย
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาก ซึ่งจากการที่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ปรองดองกันนั้น สาเหตุหนึ่งมาจากความไม่เข้าใจในเรื่องของศาสนาอย่างถ่องแท้ ดังนั้นพระคัมภีร์อัลกุรอาน จะบรรจุคำสอนทางศาสนาไว้ทุกตอน หากว่าได้อ่าน นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง จะนำความสงบสุขให้เกิดขึ้นได้อีกครั้ง" ท่านผู้หญิงสมรกล่าว

**"มาร์ค" ยันไม่ใช้วิธีการที่รุนแรง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุบุกยิงมัสยิดที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต11 รายว่า ยังไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้ แต่กระบวนการหาตัวคนร้ายจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะจะมีการปล่อยข่าวบ้าง หรือเป็นความเชื่อกันเองต่างๆนานา ส่วนเรื่องการเฝ้าระวังนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ยืนยันว่าจะต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าที่เรายืนยันว่าสิ่งที่ทำมาเป็นแนวทางที่ถูกต้องคือ รัฐบาลจะต้องไม่ย้อนกลับไปใช้วิธีการรุนแรง และทำให้เกิดวงจรของความรุนแรง และเราต้องยืนยันเอาการพัฒนานำเข้าไป ทั้งนี้ เรื่องการพัฒนาที่ผ่านมาประชาชนยังท้วงติงว่า ไปไม่ถึงชาวบ้าน หรือชาวบ้านมีส่วนร่วมน้อย ซึ่งเรากำลังแก้ไขอยู่ในขณะนี้

**เซ็งอนุมัติโครงการ แต่ไม่มีงบ
ผู้สี่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นว่า รัฐบาลเอาเงินมาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนจะสอบถามกรณีที่จะขอเงินเพิ่ม เพราะประเด็นเรื่องเงินที่จะลงไปพัฒนาไม่ใช่ปัญหา ประเด็นเรื่องเงิน การที่จะให้ขวัญกำลังใจกับผู้ปฏิบัติ ขณะนี้ได้ไล่สะสางไปเกือบหมดแล้ว ซึ่ง ครม. ปีที่แล้วอนุมัติหลักการ แต่ไม่มีเงินให้ ตอนนี้ได้ให้งบกลางลงไป น่าจะเกือบครบแล้ว เหลือแต่ประเด็นประสิทธิภาพการใช้เงิน และประสิทธิภาพการผลักดันกระบวนการพัฒนา และการสืบสวนสอบสวน คือ ถ้าจับไม่ได้อย่างน้อยต้องรู้ตัว
เมื่อถามว่ารัฐบาลอนุมัติงบลงไปจำนวนมาก แต่ไม่ถึงพื้นที่ เป็นเพราะอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอยกตัวอย่าง กรณีเบี้ยเสี่ยงภัย ปีที่แล้ว รัฐบาลอนุมัติเพิ่มจาก 1 พันบาทเป็น 2,500 บาท จะต้องใช้เงินปีที่ผ่านมาประมาณ เกือบ 3 พันล้าน แต่ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ เมื่อตนเข้ามาได้เรียกทุกหน่วยงานให้รีบทำเรื่องข้อมูลตัวเลขมาให้ชัดเจนว่า จะต้องให้จำนวนเท่าไร เพื่อที่จะได้จัดสรรงบกลางให้ได้ ซึ่งความจริงงบกลางมีค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ตาม เรื่องงบกลางสำหรับเบี้ยเสี่ยงภัยนั้น อนุมัติไปได้ ทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการครู กระทรวงศึกษา ท้องถิ่น แต่บางกรณีเพิ่งผ่านครม. สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้นต้องใช้เวลากว่าจะลงไป และเข้าใจว่ายังมีตกหล่นบางหน่วยงานเช่น กระทรวงสาธารณสุข ที่จะต้องทำมา ซึ่งตนทำหนังสือเร่งรัดไปแล้วหลายครั้ง โดยให้หน่วยงานต่างๆ รีบทำบัญชีมาว่ามีกี่คนที่จะได้ นี่คือปัญหาอนุมัติ แต่ไม่เตรียมเงินไว้ให้ เหมือนเรื่องขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนกำนันผู้ใหญ่บ้าน มีมติในเชิงหลักการ แต่ไม่มีการเตรียมงบประมาณไว้ และการจัดทำงบประมาณปีนี้ ก็ไม่ได้จัดทำไว้ให้ กลายเป็นว่ารัฐบาลต้องดูว่า จะเอาเงินจากที่ไหนมา เพื่อให้เป็นไปตามมติ ซึ่งจะพยายามทำให้ดีที่สุด และงบกลางที่อนุมัติไป อยู่ที่ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท
เมื่อถามว่าจะมีการนัดพบผู้นำศาสนา เพื่อหารือการแก้ปัญหาและการพัฒนาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าโครงการของสภาขณะนี้ มีการนำผู้นำศาสนามาทุกเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งตนก็ไป และบอกว่ามีอะไรก็ให้มาพบปะพูดคุยกันและจะมีบางกลุ่มที่จะมาขอพบอยู่ในขณะนี้ส่วนการลงพื้นที่ภาคใต้ของตนนั้น ขณะนี้กำลังดูเวลาคิดว่าคงเร็วๆนี้
เมื่อถามว่าแนวทางการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วมาใช้กฎหมายความมั่นคงนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในรอบต่อไป จะมีการประเมินมา เพราะตัวกฎหมายความมั่นคงตอนนี้ยังต้องนำไปปรับใช้กับจังหวัดอื่นๆ ด้วย ซึ่งเวลานี้กำลังให้เขาทำเรื่องถอนกฎอัยการศึก ในจังหวัดชายแดน ที่ไม่ใช่พื้นที่ภาคใต้ก่อน แล้วเอาพ.ร.บ.ความมั่นคงเข้าไป ซึ่งขณะนี้กฎอัยการศึกประกาศอยู่ในหลายอำเภอ ที่เป็นเขตชายแดน
เมื่อถามว่า ทำไมไม่นำกฎหมายความมั่นคงมาใช้เฉพาะพื้นที่ที่เป็นปัญหาก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคง ต้องการให้มีพื้นที่ที่ได้ใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อลองดูว่าการใช้อำนาจมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร พอนำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งมีปัญหาอยู่ ก็ไม่ต้องการให้เกิดกรณียกเลิกกฎอัยการศึก พอเอากฎหมายความมั่นคงเข้าไป แล้วปรากฎว่าทำไม่ได้ แล้วต้องมาประกาศใหม่ ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น
สำหรับโครงสร้างอำนาจที่ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เสนอให้ลดบทบาททหาร และให้นายกฯใช้อำนาจตรง โดยไม่ผ่าน ผอ.รมน. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายถาวรกำลังปรับเรื่องกฎหมาย ซึ่งตนได้ปรารภกับ ผบ.ทบ. ปัญหาคือ การทำกฎหมายต้องใช้เวลา และในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยพยายามผลักดันกฎหมายเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วมักมีปัญหาเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆโครงสร้างยังไม่ลงตัว แต่ในหลักการทางกองทัพไม่ขัดข้องในการปรับตรงนี้ แต่ระหว่างที่ไม่มีกฎหมาย จะทำกันอย่างไร ซึ่งกำลังดูวิธีการที่ดีที่สุด สิ่งที่ตนจะเน้นย้ำในที่ประชุมวันนี้คือ อารมณ์มันรุนแรงในหมู่ประชาชน ฉะนั้นกระบวนการที่จะเข้าไปเฝ้าระวังเพื่อดูแลจะต้องเข้มข้นเป็นพิเศษในหลายพื้นที่

**มาร์คไหว้พระพรหมหลังถก ครม.ใต้
เวลา 17.00 น. วานนี้ (11 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 /2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ซึ่งใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชม.
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีใครออกมาแถลง หรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า นายกฯได้นำคณะที่มาร่วมประชุมประมาณ 0 กว่าคน ขึ้นไปสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชน ที่รอทำข่าวอยู่ด้านล่างว่า นายกฯ หวังพึ่งบารมีพระพรหม ให้ช่วยแก้ปัญหาที่กำลังรุมเร้า ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และภาคใต้ ทั้งนี้ระหว่างที่นายกฯ กำลังสักการะ ปรากฎว่าได้มีตุ๊กแก ซึ่งอยู่บริเวณนั้นส่งเสียงร้อง “ตุ๊กแกๆๆๆ” ทำให้ผู้ที่ได้ยินเกิดอาการสะดุ้ง และต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา

**ครม.ใต้อนุมัติงบ 5.4 หมื่นล้าน
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวถึงผลการประชุมครม.ใต้ว่า นายกฯ กังวลกับสถานการณ์ และสั่งการให้ดำเนินการหาตัวคนผิดที่ทำความรุนแรงทั้งหลายมาลงโทษให้รวดเร็ว โดยได้กำชับหน่วยงานความมั่นคงช่วยเร่งรัด และแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อกลับมารายงานให้ทราบโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสอบสวนก็ดำเนินการไปมากพอสมควร แต่ยังรอให้การสอบสวนเสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งมีหลายกระแสระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความปรองดอง และชุมชนอยู่ด้วยความสงบ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า เกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่ที่ร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดี
“มัสยิดตรงนั้นก็เป็นมัสยิดที่รักสันติ สวดขอพรให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เสมอ จะต้องดูว่าอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนายกฯก็เร่งรัดให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการได้ เพราะต้องการให้เกิดความสงบมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่”นายปณิธานกล่าว
ส่วนในเรื่องของการจับกุมผู้ยิงมัสยิดนั้น นายปณิธาน นายกฯ ได้เร่งรัดให้จับกุมเพื่อสร้างความกระจ่าง ขณะนี้เราได้ข้อมูลหลักฐานมากพอสมควรและรู้ตัวบุคคลผู้กระทำผิดอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มายืนยันเท่านั้น นอกจากนี้นายกฯได้เน้นย้ำว่าให้ทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเอ็นจีโอ ที่เข้าไปเคลื่อนไหว ซึ่งอาจนำไปสู่การชุมนุมประท้วง จนนำไปสู่การแบ่งแยกประชาชนออกเป็น 2 กลุ่มได้ เนื่องจากมัสยิดที่ถูกยิง อยู่ระหว่างหมู่บ้านไทย-พุทธกับไทย-มุสลิม
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เสนอโดยสภาพัฒน์ ก็จะมีการอนุมัติ 300 โครงการ มูลค่า 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งบางโครงการทำได้ทันที และบางโครงการต้องรอปีงบประมาณใหม่ ซึ่งที่ประชุมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูโครงการต่างๆ และดำเนินการได้ทันที และเสนอแผนงบประมาณเข้ามาได้ นอกจากนั้นกระทรวงการคลังยังได้เสนอแผนไทยเข้มแข็งห้าดาว เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม การค้าการลงทุน ด้านการประมง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ด้านการท่องเที่ยว และอาหารฮาราล ซึ่งเป็นโครงการที่มีการผลักดันโดยเร็วกับกระทรวงต่างๆ โดยนำความเข้มแข็งของแต่ละพื้นที่มาเชื่อมโยงกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษางบประมาณ ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ศอ.บต.จะมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการ
ที่ประชุมยังได้อนุมัติการเพิ่มกำลังพลอาสาสมัครรักษาดินแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 1,440 อัตรา โดยใช้งบกลางฯปี 52 จำนวน 400 ล้านบาท โดยพื้นที่เมือง อาทิ อ.เมืองยะลา อ.เบตง อ.เมืองปัตตานี อ.เมืองนราธิวาส อ.สุไหงโกลก และอ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ กองกำลังดังกล่าวจะเป็นของชุมชนที่มีความเข้าใจ คุ้นเคยกับพื้นที่ ที่สามารถเสริมความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ อาทิ การตั้งด่านตรวจ และการควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งโครงการนี้สามารถดำเนินการได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมได้สอบถามถึงข้อมูลเรื่องรถบรรทุกถังแก๊ส เตรียมก่อเหตุหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่มีการสอบถาม แต่เป็นเหตุการณ์ที่เริ่มเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ที่มีข่าวอยู่ ส่วนที่กลุ่มผู้ก่อการมีเป้าหมายเป็นสตรีตั้งครรภ์นั้นก็มีการรายงานบ้างแล้ว ซึ่งการทำงานด้านการข่าวได้ผลดีขึ้น ชาวบ้านให้ความร่วมมือมากขึ้น แต่ยังมีแรงต้านบางส่วน ดังนั้นกลุ่มที่ไม่สามารถดูแลได้ ที่ต้องเดินทางประจำ อาทิ ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ก็กำชับให้เปลี่ยนเส้นทาง โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงกว่า 200 หมู่บ้าน ทั้งนี้จะมีการเฝ้าระวังมากขึ้นในการรักษาความปลอดภัย

**"ประวิตร" ฟุ้งรู้ชื่อกลุ่มคนร้ายแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงนี้ เป็นเพียงประชาชนส่วนหนึ่งที่ก่อเหตุ หน้าที่ทหารคือ เราจะเข้าไปดูแลประชาชนส่วนใหญ่ให้ปลอดภัย แต่ตลอดเวลาที่มีเหตุการณ์ฝ่ายความมั่นคง เราไม่ได้ปล่อยปละละเลย เราควบคุมการดำเนินการ ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ตลอดเวลาเชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่พัฒนาไปถึงขั้นสงครามระหว่างศาสนา เพราะเราจะพยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นให้ได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า นายกฯไม่พอใจการทำงานของ ผบ.ทบ.ในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯเอง แต่คงไม่ใช่ไม่พอใจ เพียงแต่อาจจะกังวลใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะทหารทำเต็มที่ เขาเหนื่อยทุกคน เมื่อถามย้ำว่า ทราบหรือไม่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราสู้กับใคร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า
"รู้สิ ไม่รู้ก็แย่ ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงเขามีรายชื่อหมดแล้ว และถ้าอยากรู้ ก็มาคุยกับผม" รมว.กลาโหมกล่าว

**รัฐบาลต้องทำตามคำสัญญา
นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลมีความอดทน และเร่งแก้ไขปัญหา รวมถึงหาผู้กระทำผิดในการก่อเหตุให้ได้โดยเร็วที่สุด
นายพีรยศ กล่าวว่า ตนเป็นส.ส.ในพื้นที่ จากการพูดคุยกับชาวบ้านพบว่า ส่วนใหญ่เกรงว่าจะเกิดการแก้แค้นตามมา หากรัฐบาลยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะการยิงถล่มมัสยิด เพราะแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ระบุว่ามีการเตรียมถังแก๊สไว้ก่อการเพื่อแก้แค้นแล้ว รวมถึงตนยังมีความกังวลในเรื่องความเข้าใจผิด อันจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาที่จะตามมาด้วย และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ถูกตั้งข้อสงสัยแล้ว
"ผมรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาล เพราะสมัยเป็นฝ่ายค้านได้สัญญากับชาวบ้านในพื้นที่ และพูดกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯในขณะนั้นว่า ควรจะมีรัฐมนตรีลงไปกำกับดูแลพื้นที่ภาคใต้โดยตรง จนถึงวันนี้เมื่อเป็นรัฐบาลกลับไม่ยอมทำตามที่พูดไว้ ชาวบ้านก็เสียความรู้สึก จึงอยากเรียกร้องให้นายกฯพิจารณาทบทวน แลเร่งดำเนินการส่งรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ คือ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ลงไปอยู่ในพื้นที่ คือ ศอบต. อย่างน้อยสัปดาห์ละ3 วัน คือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะถ้าไปๆ มาๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร" นายพีรยศ กล่าว

**เตือนโจรใต้ขนระเบิดจ้องป่วนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานีว่า หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้มีการแจ้งเตือนว่าขณะนี้ได้มีกลุ่มก่อความไม่สงบได้เข้าไปการเคลื่อนไหวในพื้นที่ 5 อำเภอของ จ.ปัตตานี ประกอบด้วย อ.เมืองฯ อ.มายอ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.สายบุรี ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวมีแกนนำได้แก่ นายมูฮำมัด สานิ นายบือราเฮง มามะ นายสาบูดิง เด็ง และนายอาหามะ จาจ้า โดยทั้ง 4 คน ถือเป็นแกนนำระดับสั่งการและยังลงมือปฏิบัติการณ์ด้วย ซึ่งมีหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีความมั่นคงหลายคดี โดยได้ระดมแนวร่วมในกว่า 60 คน เข้ามาประชุมวางแผนใน อ.ยะรัง เพื่อเตรียมที่จะก่อเหตุ
นอกจากนี้ มีกระแสข่าวว่า ได้มีการขนวัตถุระเบิดจากเขตรอยต่อ จ.ยะลา จ.นราธิวาส จำนวน 12 ลูกเข้ามากระจายไว้ในพื้นที่ 5 อำเภอแล้ว ในจำนวนนี้มีระเบิดที่ประกอบจากถังแก๊สติดตั้งในรถยนต์ด้วย 3 ลูก ซึ่งถือว่ามีอนุภาพที่รุนแรงมาก
สำหรับเป้าหมายแรกของการก่อวินาศกรรมคือ ในเขต อ.เมืองปัตตานี โดยอาจจะใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ 2 คันที่ได้ประกอบระเบิดแล้ว ซึ่ง นายอาหามะ บาตูแน เป็นผู้ประกอบขึ้นเอง มีการยืนยันว่าขณะนี้ได้ถูกเข้าไปซุกไว้ในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุด้วยว่า เป้าหมายหลักของการก่อวินาศกรรมในช่วงเวลานี้ ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองครู และสถานที่ราชการต่างๆ รวมไปถึงย่านชุมชนที่มีเจ้าหน้าที่ประจำหรือลาดตะเวนบ่อยครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น