สุเทพ กำชับ ผบ.ทบ.ดูแลใต้เข้มขึ้น พร้อมสั่งล่ามือกราดยิงชาวมุสลิมในมัสยิดจนมีผู้เสียชีวิตนับ 10 มาดำเนินคดีให้ได้ เตรียมเสนอ ครม.ใต้ ของบฯ 1.8 หมื่นล้านพัฒนาพื้นที่เชื่อดับไฟใต้ได้ ผบ.ทบ.มั่นใจใช้การพัฒนานำการทหาร ดึงมวลชน 2.4 ล้านคนมาเป็นพวก โฆษกรัฐบาล ปูดโจรใต้เตรียมก่อเหตุแรงขึ้น เล็งใช้รถบรรทุกแก๊สวางบึ้มเขตชุมชน รวมทั้งการวางเพลิง และกราดยิงชาวบ้าน แย้ม ครม.แบ่งพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ 3 ระดับ ใช้ กม. 3 ฉบับคุม ตำรวจนรานราธิวาสออกหมายจับ 3 ผู้ก่อเหตุไม่สงบคดียิงครูจะแนะ-ระเบิดคาร์บอม-กราดยิงมัสยิดเจาะไอร้อง พร้อมตั้งรางวัลนำจับรายละ 3 หมื่นบาท ส่วนที่ยะลาเกิดเหตุ ยิงคนงานก่อสร้างดับ1เจ็บอีก2 ทิ้งใบปลิวข่มขู่เชื่อมโยงเหตุยิงมัสยิด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (10 มิ.ย.) ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้รายงานสถานการณ์ภาคใต้ให้ทรายแล้วภายหลังเดินทางลงพื้นที่ โดยเหตุการลอบยิงชาวไทยมุสลิมขณะประกอบพิธีละหมาดในมัสยิดอัลกูรกอน บ้านไอปาแย ม. 8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ. นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และประชาชนในพื้นที่ก็ประณามการกระทำดังกล่าวกันมาก
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐดีในการที่จะพัฒนาเรื่อง ต่างๆ ยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องของขวัญ และกำลังใจ เพราะประชาชนกลุ่มนี้ สนิทสนมทำกิจกรรมร่วมกับภาครัฐมาตลอด จึงได้กำชับให้ผบ.ทบ. เข้าไปดูแลประชาชนในหมู่บ้านนี้เป็นพิเศษ และเพิ่มความเข้มข้นในการดูแล ความปลอดภัยมากขึ้นเป็นพิเศษด้วย
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการกระทำที่ผิดปกตินั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ก่อการร้ายว่าเป็นอย่างไร หน้าที่ของตนคือ ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะไม่คิดเรื่องเสริมกำลังเข้าไปในพท้นที่ แต่จะใช้กำลังที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โจรใต้ก่อเหตุยันไม่เกี่ยวจนท.
ต่อข้อถามว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ เหมือนที่มีความพยายามปล่อยข่าวอยู่ในขณะนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า จากหลักฐานในที่เกิดเหตุสามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งต้องระมัดระวังเรื่องนี้ และตนจะลงไปในพื้นที่อีกครั้งวันเสาร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ ซึ่งสื่อมวลชนที่สนใจจะลงไปในพื้นที่ด้วยก็สมัครมาได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเอาผู้กระทำผิดมา ดำเนินคดีให้ได้ แต่เราจะไม่มีการกระทำใดๆ ที่นอกกรอบกฎหมาย แต่จะใช้พยานหลักฐานเท่าที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ดำเนินคดี อย่างไรก็ตามวันนี้ผมในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เรียกประชุมกรรมการทั้งหมดเพื่อผลักดันโครงการ และแผนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลให้สำเร็จโดยเร็ว และจะมีการนำประเด็นที่จะให้ ครม.ภาคใต้ตัดสินใจไปบอกในที่ประชุมด้วยเพื่อให้ช่วยกันพิจารณาตัดสินใจด้วย
สรุปคือเราจะทำ 2 ด้านไปพร้อม ๆ กันคือดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัย และเรื่องการพัฒนายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
ชงครม.ใต้เน้นพัฒนาพื้นที่
เมื่อถามว่ามีประเด็นใดบ้างที่จะเสนอให้ที่ประชุมครม.ใต้พิจารณา รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเราจะดูทั้งประชาชนทั่วไปและพ่อค้า แม่ขาย การทำธุรกิจต่างๆ มาตรการสินเชื่อพิเศษ มาตรการยกเลิกภาษี เรื่องค่าธรรมเนียม เรื่องการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ครม.ใต้ต้องพิจารณา ซึ่งทุกฝ่ายต้องรับรู้หมดและทำด้วยกันทั้งฝ่ายพลเรือน ทหารและประชาชน ทั้งนี้งบประมาณที่จะใช้ทั้งหมดประมาณ 6.3 หมื่นล้าน ซึ่งเราตั้งใจว่าประชาชนจะต้องมีรายได้ 1.2 แสนบาทต่อครอบครัว
ขณะนี้ในภาคใต้เราใช้วิธีการเมืองนำการทหารอยู่แล้ว โดยมุ่งไปที่การพัฒนา ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน และการทำให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งขณะนี้ดีขึ้นมาก เพราะเราทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดโครงการ แผนงานเหล่านั้นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากสถานการณ์ยังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และรัฐบาลไม่สามารถ ควบคุมได้เหมือนที่ผ่านมา จะทำให้มีผลกระทบต่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่คนค่อนข้างให้ความหวังในการแก้ปัญหาภาคใต้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคิดเรื่องคะแนนเสียง วันนี้ต้องคิดถึงภาระหน้าที่ที่ต้องทำ วันนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำให้ได้ ตนยังมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ที่พูดไม่ใช่ว่าต้องการโอ้อวดอะไร แต่ให้คิดว่าเป็นภาระหน้าที่และทุกฝ่าย ก็ต้องช่วยกัน เราปล่อยให้บ้านเมืองอยู่อย่างนี้ ต่อไปก็จะเสียหายกับประเทศโดยส่วนรวม
ต่อข้อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลมักบอกว่ามาถูกทางๆ และทราบแล้วว่า ใครอยู่ในขบวนการโจรก่อการร้ายแล้วแต่ก็ยังเกิดเหตุอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่พูดอย่างนั้น โปรดหมายเหตุไว้ด้วยว่าผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ว่าทราบแล้วว่า เป็นใคร ไม่ใช่ แต่ผมยืนยันว่าเราจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน ไม่ทำอะไรนอกกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่าเห็นท่องกันอยู่ตลอดว่าเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ทำได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทำได้ครับ ต้องทำให้ได้ครับ ต้องท่องต่อไปและต้องทำให้ได้
ทุ่ม1.8หมื่นล.ดับไฟใต้
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฯชุดดังกล่าว ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัรฐบาล โดยมี นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.พิเชษฐ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ผอ.ศอ.บต. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายสุเทพให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้พิจารณาแผนงานและงบประมาณในโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคใต้ในปี 2553 โดยจะใช้งบฯ 1.8 หมื่นล้านบาท แยกเป็นใช้งบประจำปีปกติ 6 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.2 หมื่นล้านบาท จะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะทำเป็นคู่มือปฏิบัติงานให้ทุกหน่วยราชการในพื้นทีได้เข้าใจ โดยกำหนดปฏิทินการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนไว้แล้วเพื่อให้แผนงานเสร็จทันตามแผนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบให้ผอ.กอ.รมน.ภาค4และผอ.ศอ.บต.ไปหารือกัน เพื่อยกร่างคู่มือการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนาพิเศษแล้วนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไปด้วย หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะให้ทุกส่วนราชการยึดถือและปฏิบัติต่อไป และยังหารือการจัดงบปรมาณให้ครบถ้วนตามแผนงานที่ครม.เคยอนุมัติไว้ และยังพิจารณามาตรการพิเศษในการช่วยเหลือนักลงทุน พ่อค้า ผู้ประกอบการต่างๆ เช่นมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรอน กาลดภาษ๊นิติบุคคลและภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท การจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์และมาตรการพักหนี้เกษตรกร โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางนี้ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ภาคใต้พิจารณาอีกครั้งในวันที่ท11มิ.ย.ต่อไป
สำหรับแผนทั้งหมดจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552-2555 โดยงบประมาณปี 2552เหลือราว 8,000 ล้านบาทและต้องนำไปปรับให้เข้ากับแผนพัฒนาพิเศษ ส่วนปีอื่นๆนั้นจะมีแผนและกรอบงบประมาณที่ชัดเจนไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือเกี่ยวกับเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีอะไร ในวันที่ 11มิ.ย. ผบ.ทบ.จะไปรายงานต่อที่ประชุม ครม.ภาคใต้ ส่วนความคืบหน้าล่าสุดนั้น ผบ.ทบ.ก็รายงานให้รับนิดหน่อยและควรไปสอบถาม ผบ.ทบ.เอง
ผบ.ทบ.มั่นใจใช้การพัฒนาแก้ใต้
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้นั้นเดินมาถูกทางแล้ว โดยใช้โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อเอาชนะทางด้านจิตใจ การทำแบบนี้ได้นั้นต้องใช้เวลา ปรับเปลี่ยนให้เขาเพราะที่ผ่านมาความคิดที่ไม่ตรงและแตกแยกในอดีตนั้น ต้องใช้การ พัฒนาไปแก้ไข และการประชุมในวันนี้จะนำโครงการพัฒนาไปแก้ปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนพอใจ ปัญหาทั้งหมดก็จะหมดไป
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.ภาคใตั วันที่ 11 มิ.ย.นี้ ตนจะรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาให้ ครม.รับทราบหลังจากลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์มาแล้ว ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ขณะนี้มีเพยง 6.6 หมื่นคนไม่ได้เป็นแสนคนอย่างที่เป็นข่าว
ส่วนเหตุที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตอบโต้กลับมา โดยเฉพาะการประชุมองค์กรมุสลิมโลก หรือ โอไอซีในสัปดาห์หน้า ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ ทำงานได้ดีมาก ฝายนั้นต้องตอบโต้กลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางการแก้ปัญหาขณะนี้คือการทหารนำการเมือง พล.อ.อนพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เข้าใจผิดหมด ประเด็นสำคัญในการลงไปทำงานคือ การนำโครงการพัฒนาของกระทรวงต่างๆ ไปแก้ปัญหา และที่ผ่านมาก็ทำงานได้เพราะใช้กำลังพลของทหารนำโครงการเข้าพื้นที่ได้ เพื่อรักษาประชาชน 2.4ล้านคนเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เข้าใจและไปร่วมกับผู้ก่อความไม่สงบ ที่ผ่านมานั้นประชาชนเข้าใจแนวทางของรัฐบาลแต่เหตุการณ์จะหมดไปนั้นต้องใช้การพัฒนาเป็นแนวทางเด็ดขาดที่จะทำให้เกิดความสงบ โครงการต่างๆนั้นบางครั้งต้องใช้ทหารนำเข้าในพื้นที่เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และโดนชักจูงจากผู้ก่อความไม่สงบ ตนขอย้ำอีกครั้งว่าจะใช้การเมืองนำการทหารและใช้การพัฒนานำเข้าไปในพื้นที่ เพื่อสร้างความสงบ
ทหารเข้าไปรักษาสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยเพราะวันนี้ยังมีผู้ก่อความไม่สงบอยู่ เหตุการณ์ยังเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มนี้และใช้การทหาแก้ไขยังไม่ได้ มันจึงวนไปวนมา แต่ผมเชื่อว่าจะเรียบร้อยแน่นอน ขอให้สื่อมวลชน ทำความเข้าใจกับประชาชน เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะต้องสงบ
ประณามกราดยิงใส่มัสยิด
พล.อ.อนุพงษ์ ยอมรับว่ากังวลว่าผู้ก่อเหตุไม่พอใจที่ประชาชนมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงก่อเหตุต่างๆ รุนแรงขึ้น ยืนยันว่าเหตุการณ์ ในช่วงนี้มันโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ก็ขอให้ช่วยกันประณามด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ช่วงนี้ทำให้ยกเลิกกฎอัยการศึกและพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ ผบ.ทบ. กล่าวว่า หากจำเป็นต้องใช้กฎหมาย ก็จะเรียนให้รัฐบาลพิจารณาว่า จำเป็นต้องใช้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราต้องยึดหลักในการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ จะใช้กำลังไปปราบปรามไม่ได้แน่นอน ส่วนผู้ก่อเหตุเราก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ขณะเดียวกันเราต้องใช้การพัฒนาเพื่อเปลี่ยนคนเหล่านั้น และดูแลประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้อยู่กับแนวทางของผู้ก่อความไม่สงบ และใช้เป็นกลไกไม่ให้ผู้ก่อความ ไม่สงบก่อเหตุได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าประชาชนไม่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ผบ.ทบ. กล่าว่า การประเมินเหตุการณ์ปัญหาตั้งแต่ปี2547นั้น วันนี้ประชาชนยอมรับเจ้าหน้าที่ได้ เพราะสามารถไปพูดคุยกับประชาชนได้ ตนคิดว่ามันคือตัวชี้วัด ความสำเร็จในสิ่งที่ประชาชนยอมรับอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐแต่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครมอง
ผู้ก่อเหตุกลุ่มเดิมแต่รุนแรงขึ้น
ส่วนข้อมูลที่ว่ามีกว่า2 00 หมู่บ้านยังเป็นพื้นที่สีแดงซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐยังเข้าไปไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าไมใช่อย่างนั้น เดิมตนทราบมาตั้งแต่ต้นว่ามีการจัดตั้งอำนาจซ้อนอำนาจรัฐอยู่รวม 217หมู่บ้านโดยเจ้าหน้าที่ได้ลงไปยังทุกหมู่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนแล้ว แต่วันนี้สภาพของหมู่บ้านเหล่านี้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเป็นเหมือนหมู่บ้านทั่วๆ ไป
ต่อข้อถามว่ามีข้อมูลการสร้างอำนาจซ้อนอำนาจรัฐหรือไม่ และเป็นกลุ่มใหม่ หรือกลุ่มเก่า ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนมีรายชื่ออยู่ และตามรายงานนั้นเป็นกลุ่มที่รู้กันมา2-3 ปีแล้ว เมื่อถามว่า บางฝ่ายมองว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มใหม่เพราะวิธีการเปลี่ยนไป ผบ.ทบ.กล่าวว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมแต่แนวทางและการปฏิบัติการเปลี่ยนไป เพราะประชาชนเริ่มเข้าใจแนวทางและวิธีของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว
เมื่อถามว่า เมื่อมีรายชื่อผู้ก่อความไม่สงบแล้วเหตุใดยังจัดการไม่ได้ ผบ.ทบ. กล่าวว่า นั่นสิครับ เราถึงต้องใช้การพัฒนาซึ่งเป็นการสร้างความพึงพอใจว่า ทำอย่างไรคนพวกนี้จึงจะพอใจ มันต้องใช้เวลา และผมก็ตอบไม่ได้นะ
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจเข้าพื้นที่ได้น้อย ปัญหาความ ไม่สงบ เช่น เหตุการณ์มัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง จึงเกิดขึ้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า นายกฯน่าจะพูดในภาพรวม หากให้ตนอธิบายนั้น หากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ตลอดเจ็ดวันโอกาสสร้างความเข้าใจก็จะมี หรือฝ่ายอื่นจะก่อเหตรุนแรงมันก็ทำได้ยาก แต่หากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้น้อยวัน ฝ่ายอื่นก็จะเข้ามา
เหตุการณ์ที่มัสยิดแห่งนี้ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงไปดู ในมัสยิดตลอดเวลา เพราะต้องตรวจและดูแลตลาด ชุมชน รวมทั้งพื้นที่ที่มีประชาชน แต่บอกผู้ใต้บังคับบัญชาไปแล้วว่ามาตรการดูแลประชาชนนั้นต้องเข้มข้น เข้มงวด รัดกุมขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ารูปแบบการก่อเหตุจะพัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนว่าไม่ใช่การพัฒนาเขาปรับเปลี่ยน พอเราไปทำเรื่องนั้นเขาก็ไปตรงจุดอื่น เราดูตรงที่อ่อน พออีกที่หนึ่งอ่อนเขาก็ไปทำ
ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าทีอย่าทิ้งประชาชน เราอยู่กับเขาอยู่แล้ว เขาเข้าใจ ขอเรียนว่า ทหารและตำรวจในพื้ที่กว่า 4 หมื่นคนถ้าทำอะไรผิดธรรมนองคลองธรรม ก็อยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเราอยู่กับชาวบ้านด้วยความเข้าใจอันดี โดยหลักการง่ายๆ ถ้าเราทิ้งคนที่ก่อการร้ายก็จะโตขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ในช่วงปลายเดือนนี้จะรับรองความปลอดภัยให้ได้หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่าไม่ต้องกลัว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าอาจจับตัวเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะบุคคลสำคัญเป็นตัวประกัน ผบ.ทบ.กล่าวว่า จะจับอะไรนั้นไม่ต้องคิด เจ้าหน้าที่รัฐจะกลัวไม่ได้ กลัวไม่กลัวก็ต้องไปทุกคน มันไม่เป็นไรหรอก
เชื่อโจรใต้หวังสร้างความหวาดกลัว
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการ ศอ.บต.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อการต้องการสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว ถือเป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีจากเดิม ไม่เคยทำในพื้นที่หรือกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เดิมจะไม่ซุ่มโจมตีชุดลาดตระเวนครูช่วงไปส่งครูและนักเรียนที่โรงเรียน แต่จะซุ่มโจมตีขากลับภายหลังชุดคุ้มครองส่งครูและนักเรียนแล้ว หรือแม้แต่การยิงประชาชนในมัสยิด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา แต่เชื่อว่าการกระทำแบบนี้จะไม่เกิดผลและเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นเพราะกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อชาติ เรื่องนี้ผบ.ทบ.จะไปปรับยุทธวิธีในการเฝ้าระวัง โดยจะเป็นการดูแล ทุกพื้นที่
นายพระนายกล่าวว่า ยืนยันว่ากลไกของศอ.บต.นั้นไม่มีอะไรที่เป็นความ ล้มเหลวจนเกิดเหตุรุนแรงในช่วงนี้ ยืนยันว่าประชาชนมั่นใจและไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ แม้เหตุการณ์ล่าสุดที่มัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง นั้นไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ยอมรับว่าจากนี้ไปทหารต้องปรับบทบาทและวิธีการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนมากขึ้น
งัดกฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุม
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ตอนนี้ รัฐบาล ได้จัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา เป็น 3 ระดับ คือ 1. พื้นที่ที่มีความรุนแรง มากที่สุดจะใช้กฎอัยการศึก 2 .พื้นที่ในเมืองจะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อประโยชน์ในการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ส่วนในพื้นที่ที่ปลอดภัยนั้น จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อที่ปัญหาต่างๆ จะได้ถูกนำมาพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ครม.ใต้) และชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ 3. พื้นที่ที่ได้มีการพัฒนาแล้ว ในอนาคตจะให้อยู่ในการดูแลของศูนย์บัญชาการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.)ที่ มีโครงสร้างถาวรมาดูแลแทน โดยรูปแบบโครงสร้างทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งต่อไป
สั่งจนท.ดูแลวัด-มัสยิดเป็นพิเศษ
นายปณิธาน กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์การกราดยิงประชาชนที่มัสยิดใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้กำลังรอผลตรวจ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าจะได้ผลในวันที่ 12 หรือ 13 มิ.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะสามารถนำไปชี้แจงและสร้างความกระจ่างต่อประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับทราบ
ทั้งนี้ทราบว่าได้เกิดข่าวลือภายในชุมชน 2 แห่งที่อยู่ใกล้กับมัสยิดที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่ชอบมาพากลสูง และเป็นสิ่งที่เกิดเหนือความคาดหมาย อีกทั้งถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และไม่มีใครคิดว่าจะมีคนก่อเหตุเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ระมัดระวัง แต่จากนี้ไป ทางเจ้าหน้าที่จะไปเฝ้าระวังสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา เช่น วัด มัสยิด เป็นต้น อย่างไม่ประมาท
ชี้เตรียมใช้รถบรรทุกแก๊งบึ้มชุมชน
นายปณิธาน กล่าวว่า การก่อเหตุความไม่สงบในภาคใต้จากนี้ไป มีแนวโน้มว่า จะมีการใช้รถบรรทุกถังแก๊สที่มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วนำมาวางระเบิดในชุมชน อีกทั้งจะมีการวางเพลิง รวมถึงการกราดยิงครู นักเรียน และสถานีอนามัย โดยเป็นการมุ่งโจมตีคนที่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองไม่สูงนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มแกนนำผู้ก่อความไม่สงบในตอนนี้มีจำนวนเท่าใด นายปณิธาน กล่าวว่า ยังมีนับร้อยคนซึ่งกระจายอยู่ในหมู่บ้านเป็นพื้นที่สีแดง 200 กว่าแห่ง
นายปณิธาน กล่าวว่า ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ ดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถือเป็น ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลจะได้เข้าไปในโรงเรียนปอเนาะ เพื่อไปดูเรื่องการศึกษาของ ชาวไทยมุสลิม ซึ่งโดยปกติ ชาวไทยมุสลิมจะไม่ยอมให้เข้าไปในโรงเรียนปอเนาะเพราะไม่อยากให้เข้าไปยุ่ง เกี่ยวกับการศึกษาของเขา
ตั้งค่าหัว3หมื่นบาทล่า3โจรป่วนใต้
วันเดียวกัน พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส เปิดเผยความคืบหน้าคดีก่อความไม่สงบช่วง 2 - 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า โดยเฉพาะคดียิงครูสตรีของโรงเรียนใน อ.จะแนะ เสียชีวิต 2 ราย ขณะกลับบ้าน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังสอบปากคำพยานกว่า 10 ปาก และพยานยังชี้ภาพถ่ายบุคคล ในทำเนียบประวัติก่อเหตุความมั่นคงแล้วนำไปรวบรวมกับผลการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่เจ้าหน้าที่กองวิทยาการนำไปตรวจสอบ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุยิงครูได้แล้ว 3 ราย คือ นายมูฮัมหมัดสูนี ดะ, นายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเยาะดียะ และนายอำรัน มิง ซึ่งทั้ง 3 เป็นคนในพื้นที่ อ.ระแงะ โดยนายมูฮัมหมัดสูนี เป็นคนยิงนางวารุณี นะวะกะ ครูโรงเรียนบ้านริแง ส่วนนายอำรัน และนายมะซาเอ๊ะ เป็นคนยิงครูอัจฉราภรณ์ เทพษร ครูโรงเรียนบ้านดุซง อ.จะแนะ ตั้งท้อง 8 เดือน พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตั้งรางวัลนำจับบุคคลดังกล่าวรายละ 3หมื่นบาท
พ.ต.อ.นิตินัย กล่าวว่า นอกจากผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ ยิงครูทั้งสองเสียชีวิตแล้วทั้ง 3 รายยังมีส่วนร่วมก่อเหตุยิงถล่มร้านน้ำชา เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.และยิง อส.ที่ว่าการอำเภอยี่งอ รวมทั้งซุกระเบิดรถยนต์จอดทิ้งไว้หน้าหน้าร้านขายยา เขตเทศบาลตำบลยี่งอ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ล่าสุดร่วมกับพวกอีก 10 คน บุกยิงชาวบ้านเสียชีวิตในมัสยิดอัลฟุรกอน อ.เจาะไอร้อง เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย
ยิงคนงานก่อสร้างดับ1เจ็บอีก2
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบวานนี้ (10 มิ.ย.) คนร้ายได้กราดยิงคนงานก่อสร้างคูระบายน้ำที่ จ.ยะลา เสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บ 2 คนโดยจุดเกิดเหตุบริเวณสถานที่ก่อสร้างคูระบายน้ำ ท่าอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.จิรพร อาสากิจ คนงานก่อสร้างถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ลำตัว 2 นัดและมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส แพทย์ต้องผ่าตัดด่วน
สอบสวนทราบว่า ขณะที่คนงานกำลังหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันมีชายวัยรุ่น 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันมาจอดบนถนนริมไซต์งานก่อสร้าง 2 ใน 4 ของคนร้าย ได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิงเข้าใส่เพื่อนคนงานที่กำลังทานข้าวเที่ยงจำนวนหลายนัด จนทำให้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะหลบหนีไปคนร้ายได้ทิ้งใบปลิว 2 ใบแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนใบปลิวนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่าคนร้ายทิ้งใบปลิวข่มขู่ โดยมีเนื้อหาเชื่อมโยงเกี่ยวกับเหตุยิงมัสยิดที่ จ.นราธิวาส เมื่อ 2 วันก่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (10 มิ.ย.) ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้รายงานสถานการณ์ภาคใต้ให้ทรายแล้วภายหลังเดินทางลงพื้นที่ โดยเหตุการลอบยิงชาวไทยมุสลิมขณะประกอบพิธีละหมาดในมัสยิดอัลกูรกอน บ้านไอปาแย ม. 8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ. นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และประชาชนในพื้นที่ก็ประณามการกระทำดังกล่าวกันมาก
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐดีในการที่จะพัฒนาเรื่อง ต่างๆ ยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องของขวัญ และกำลังใจ เพราะประชาชนกลุ่มนี้ สนิทสนมทำกิจกรรมร่วมกับภาครัฐมาตลอด จึงได้กำชับให้ผบ.ทบ. เข้าไปดูแลประชาชนในหมู่บ้านนี้เป็นพิเศษ และเพิ่มความเข้มข้นในการดูแล ความปลอดภัยมากขึ้นเป็นพิเศษด้วย
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการกระทำที่ผิดปกตินั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ก่อการร้ายว่าเป็นอย่างไร หน้าที่ของตนคือ ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะไม่คิดเรื่องเสริมกำลังเข้าไปในพท้นที่ แต่จะใช้กำลังที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โจรใต้ก่อเหตุยันไม่เกี่ยวจนท.
ต่อข้อถามว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ เหมือนที่มีความพยายามปล่อยข่าวอยู่ในขณะนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า จากหลักฐานในที่เกิดเหตุสามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งต้องระมัดระวังเรื่องนี้ และตนจะลงไปในพื้นที่อีกครั้งวันเสาร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ ซึ่งสื่อมวลชนที่สนใจจะลงไปในพื้นที่ด้วยก็สมัครมาได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเอาผู้กระทำผิดมา ดำเนินคดีให้ได้ แต่เราจะไม่มีการกระทำใดๆ ที่นอกกรอบกฎหมาย แต่จะใช้พยานหลักฐานเท่าที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ดำเนินคดี อย่างไรก็ตามวันนี้ผมในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เรียกประชุมกรรมการทั้งหมดเพื่อผลักดันโครงการ และแผนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลให้สำเร็จโดยเร็ว และจะมีการนำประเด็นที่จะให้ ครม.ภาคใต้ตัดสินใจไปบอกในที่ประชุมด้วยเพื่อให้ช่วยกันพิจารณาตัดสินใจด้วย
สรุปคือเราจะทำ 2 ด้านไปพร้อม ๆ กันคือดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัย และเรื่องการพัฒนายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
ชงครม.ใต้เน้นพัฒนาพื้นที่
เมื่อถามว่ามีประเด็นใดบ้างที่จะเสนอให้ที่ประชุมครม.ใต้พิจารณา รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเราจะดูทั้งประชาชนทั่วไปและพ่อค้า แม่ขาย การทำธุรกิจต่างๆ มาตรการสินเชื่อพิเศษ มาตรการยกเลิกภาษี เรื่องค่าธรรมเนียม เรื่องการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ครม.ใต้ต้องพิจารณา ซึ่งทุกฝ่ายต้องรับรู้หมดและทำด้วยกันทั้งฝ่ายพลเรือน ทหารและประชาชน ทั้งนี้งบประมาณที่จะใช้ทั้งหมดประมาณ 6.3 หมื่นล้าน ซึ่งเราตั้งใจว่าประชาชนจะต้องมีรายได้ 1.2 แสนบาทต่อครอบครัว
ขณะนี้ในภาคใต้เราใช้วิธีการเมืองนำการทหารอยู่แล้ว โดยมุ่งไปที่การพัฒนา ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน และการทำให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งขณะนี้ดีขึ้นมาก เพราะเราทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดโครงการ แผนงานเหล่านั้นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากสถานการณ์ยังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และรัฐบาลไม่สามารถ ควบคุมได้เหมือนที่ผ่านมา จะทำให้มีผลกระทบต่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่คนค่อนข้างให้ความหวังในการแก้ปัญหาภาคใต้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคิดเรื่องคะแนนเสียง วันนี้ต้องคิดถึงภาระหน้าที่ที่ต้องทำ วันนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำให้ได้ ตนยังมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ที่พูดไม่ใช่ว่าต้องการโอ้อวดอะไร แต่ให้คิดว่าเป็นภาระหน้าที่และทุกฝ่าย ก็ต้องช่วยกัน เราปล่อยให้บ้านเมืองอยู่อย่างนี้ ต่อไปก็จะเสียหายกับประเทศโดยส่วนรวม
ต่อข้อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลมักบอกว่ามาถูกทางๆ และทราบแล้วว่า ใครอยู่ในขบวนการโจรก่อการร้ายแล้วแต่ก็ยังเกิดเหตุอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่พูดอย่างนั้น โปรดหมายเหตุไว้ด้วยว่าผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ว่าทราบแล้วว่า เป็นใคร ไม่ใช่ แต่ผมยืนยันว่าเราจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน ไม่ทำอะไรนอกกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่าเห็นท่องกันอยู่ตลอดว่าเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ทำได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทำได้ครับ ต้องทำให้ได้ครับ ต้องท่องต่อไปและต้องทำให้ได้
ทุ่ม1.8หมื่นล.ดับไฟใต้
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฯชุดดังกล่าว ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัรฐบาล โดยมี นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.พิเชษฐ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ผอ.ศอ.บต. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายสุเทพให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้พิจารณาแผนงานและงบประมาณในโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคใต้ในปี 2553 โดยจะใช้งบฯ 1.8 หมื่นล้านบาท แยกเป็นใช้งบประจำปีปกติ 6 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.2 หมื่นล้านบาท จะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะทำเป็นคู่มือปฏิบัติงานให้ทุกหน่วยราชการในพื้นทีได้เข้าใจ โดยกำหนดปฏิทินการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนไว้แล้วเพื่อให้แผนงานเสร็จทันตามแผนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบให้ผอ.กอ.รมน.ภาค4และผอ.ศอ.บต.ไปหารือกัน เพื่อยกร่างคู่มือการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนาพิเศษแล้วนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไปด้วย หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะให้ทุกส่วนราชการยึดถือและปฏิบัติต่อไป และยังหารือการจัดงบปรมาณให้ครบถ้วนตามแผนงานที่ครม.เคยอนุมัติไว้ และยังพิจารณามาตรการพิเศษในการช่วยเหลือนักลงทุน พ่อค้า ผู้ประกอบการต่างๆ เช่นมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรอน กาลดภาษ๊นิติบุคคลและภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท การจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์และมาตรการพักหนี้เกษตรกร โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางนี้ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ภาคใต้พิจารณาอีกครั้งในวันที่ท11มิ.ย.ต่อไป
สำหรับแผนทั้งหมดจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552-2555 โดยงบประมาณปี 2552เหลือราว 8,000 ล้านบาทและต้องนำไปปรับให้เข้ากับแผนพัฒนาพิเศษ ส่วนปีอื่นๆนั้นจะมีแผนและกรอบงบประมาณที่ชัดเจนไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือเกี่ยวกับเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีอะไร ในวันที่ 11มิ.ย. ผบ.ทบ.จะไปรายงานต่อที่ประชุม ครม.ภาคใต้ ส่วนความคืบหน้าล่าสุดนั้น ผบ.ทบ.ก็รายงานให้รับนิดหน่อยและควรไปสอบถาม ผบ.ทบ.เอง
ผบ.ทบ.มั่นใจใช้การพัฒนาแก้ใต้
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้นั้นเดินมาถูกทางแล้ว โดยใช้โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อเอาชนะทางด้านจิตใจ การทำแบบนี้ได้นั้นต้องใช้เวลา ปรับเปลี่ยนให้เขาเพราะที่ผ่านมาความคิดที่ไม่ตรงและแตกแยกในอดีตนั้น ต้องใช้การ พัฒนาไปแก้ไข และการประชุมในวันนี้จะนำโครงการพัฒนาไปแก้ปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนพอใจ ปัญหาทั้งหมดก็จะหมดไป
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.ภาคใตั วันที่ 11 มิ.ย.นี้ ตนจะรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาให้ ครม.รับทราบหลังจากลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์มาแล้ว ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ขณะนี้มีเพยง 6.6 หมื่นคนไม่ได้เป็นแสนคนอย่างที่เป็นข่าว
ส่วนเหตุที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตอบโต้กลับมา โดยเฉพาะการประชุมองค์กรมุสลิมโลก หรือ โอไอซีในสัปดาห์หน้า ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ ทำงานได้ดีมาก ฝายนั้นต้องตอบโต้กลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางการแก้ปัญหาขณะนี้คือการทหารนำการเมือง พล.อ.อนพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เข้าใจผิดหมด ประเด็นสำคัญในการลงไปทำงานคือ การนำโครงการพัฒนาของกระทรวงต่างๆ ไปแก้ปัญหา และที่ผ่านมาก็ทำงานได้เพราะใช้กำลังพลของทหารนำโครงการเข้าพื้นที่ได้ เพื่อรักษาประชาชน 2.4ล้านคนเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เข้าใจและไปร่วมกับผู้ก่อความไม่สงบ ที่ผ่านมานั้นประชาชนเข้าใจแนวทางของรัฐบาลแต่เหตุการณ์จะหมดไปนั้นต้องใช้การพัฒนาเป็นแนวทางเด็ดขาดที่จะทำให้เกิดความสงบ โครงการต่างๆนั้นบางครั้งต้องใช้ทหารนำเข้าในพื้นที่เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และโดนชักจูงจากผู้ก่อความไม่สงบ ตนขอย้ำอีกครั้งว่าจะใช้การเมืองนำการทหารและใช้การพัฒนานำเข้าไปในพื้นที่ เพื่อสร้างความสงบ
ทหารเข้าไปรักษาสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยเพราะวันนี้ยังมีผู้ก่อความไม่สงบอยู่ เหตุการณ์ยังเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มนี้และใช้การทหาแก้ไขยังไม่ได้ มันจึงวนไปวนมา แต่ผมเชื่อว่าจะเรียบร้อยแน่นอน ขอให้สื่อมวลชน ทำความเข้าใจกับประชาชน เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะต้องสงบ
ประณามกราดยิงใส่มัสยิด
พล.อ.อนุพงษ์ ยอมรับว่ากังวลว่าผู้ก่อเหตุไม่พอใจที่ประชาชนมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงก่อเหตุต่างๆ รุนแรงขึ้น ยืนยันว่าเหตุการณ์ ในช่วงนี้มันโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ก็ขอให้ช่วยกันประณามด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ช่วงนี้ทำให้ยกเลิกกฎอัยการศึกและพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ ผบ.ทบ. กล่าวว่า หากจำเป็นต้องใช้กฎหมาย ก็จะเรียนให้รัฐบาลพิจารณาว่า จำเป็นต้องใช้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราต้องยึดหลักในการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ จะใช้กำลังไปปราบปรามไม่ได้แน่นอน ส่วนผู้ก่อเหตุเราก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ขณะเดียวกันเราต้องใช้การพัฒนาเพื่อเปลี่ยนคนเหล่านั้น และดูแลประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้อยู่กับแนวทางของผู้ก่อความไม่สงบ และใช้เป็นกลไกไม่ให้ผู้ก่อความ ไม่สงบก่อเหตุได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าประชาชนไม่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ผบ.ทบ. กล่าว่า การประเมินเหตุการณ์ปัญหาตั้งแต่ปี2547นั้น วันนี้ประชาชนยอมรับเจ้าหน้าที่ได้ เพราะสามารถไปพูดคุยกับประชาชนได้ ตนคิดว่ามันคือตัวชี้วัด ความสำเร็จในสิ่งที่ประชาชนยอมรับอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐแต่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครมอง
ผู้ก่อเหตุกลุ่มเดิมแต่รุนแรงขึ้น
ส่วนข้อมูลที่ว่ามีกว่า2 00 หมู่บ้านยังเป็นพื้นที่สีแดงซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐยังเข้าไปไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าไมใช่อย่างนั้น เดิมตนทราบมาตั้งแต่ต้นว่ามีการจัดตั้งอำนาจซ้อนอำนาจรัฐอยู่รวม 217หมู่บ้านโดยเจ้าหน้าที่ได้ลงไปยังทุกหมู่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนแล้ว แต่วันนี้สภาพของหมู่บ้านเหล่านี้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเป็นเหมือนหมู่บ้านทั่วๆ ไป
ต่อข้อถามว่ามีข้อมูลการสร้างอำนาจซ้อนอำนาจรัฐหรือไม่ และเป็นกลุ่มใหม่ หรือกลุ่มเก่า ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนมีรายชื่ออยู่ และตามรายงานนั้นเป็นกลุ่มที่รู้กันมา2-3 ปีแล้ว เมื่อถามว่า บางฝ่ายมองว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มใหม่เพราะวิธีการเปลี่ยนไป ผบ.ทบ.กล่าวว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมแต่แนวทางและการปฏิบัติการเปลี่ยนไป เพราะประชาชนเริ่มเข้าใจแนวทางและวิธีของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว
เมื่อถามว่า เมื่อมีรายชื่อผู้ก่อความไม่สงบแล้วเหตุใดยังจัดการไม่ได้ ผบ.ทบ. กล่าวว่า นั่นสิครับ เราถึงต้องใช้การพัฒนาซึ่งเป็นการสร้างความพึงพอใจว่า ทำอย่างไรคนพวกนี้จึงจะพอใจ มันต้องใช้เวลา และผมก็ตอบไม่ได้นะ
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจเข้าพื้นที่ได้น้อย ปัญหาความ ไม่สงบ เช่น เหตุการณ์มัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง จึงเกิดขึ้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า นายกฯน่าจะพูดในภาพรวม หากให้ตนอธิบายนั้น หากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ตลอดเจ็ดวันโอกาสสร้างความเข้าใจก็จะมี หรือฝ่ายอื่นจะก่อเหตรุนแรงมันก็ทำได้ยาก แต่หากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้น้อยวัน ฝ่ายอื่นก็จะเข้ามา
เหตุการณ์ที่มัสยิดแห่งนี้ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงไปดู ในมัสยิดตลอดเวลา เพราะต้องตรวจและดูแลตลาด ชุมชน รวมทั้งพื้นที่ที่มีประชาชน แต่บอกผู้ใต้บังคับบัญชาไปแล้วว่ามาตรการดูแลประชาชนนั้นต้องเข้มข้น เข้มงวด รัดกุมขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ารูปแบบการก่อเหตุจะพัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนว่าไม่ใช่การพัฒนาเขาปรับเปลี่ยน พอเราไปทำเรื่องนั้นเขาก็ไปตรงจุดอื่น เราดูตรงที่อ่อน พออีกที่หนึ่งอ่อนเขาก็ไปทำ
ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าทีอย่าทิ้งประชาชน เราอยู่กับเขาอยู่แล้ว เขาเข้าใจ ขอเรียนว่า ทหารและตำรวจในพื้ที่กว่า 4 หมื่นคนถ้าทำอะไรผิดธรรมนองคลองธรรม ก็อยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเราอยู่กับชาวบ้านด้วยความเข้าใจอันดี โดยหลักการง่ายๆ ถ้าเราทิ้งคนที่ก่อการร้ายก็จะโตขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ในช่วงปลายเดือนนี้จะรับรองความปลอดภัยให้ได้หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่าไม่ต้องกลัว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าอาจจับตัวเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะบุคคลสำคัญเป็นตัวประกัน ผบ.ทบ.กล่าวว่า จะจับอะไรนั้นไม่ต้องคิด เจ้าหน้าที่รัฐจะกลัวไม่ได้ กลัวไม่กลัวก็ต้องไปทุกคน มันไม่เป็นไรหรอก
เชื่อโจรใต้หวังสร้างความหวาดกลัว
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการ ศอ.บต.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อการต้องการสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว ถือเป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีจากเดิม ไม่เคยทำในพื้นที่หรือกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เดิมจะไม่ซุ่มโจมตีชุดลาดตระเวนครูช่วงไปส่งครูและนักเรียนที่โรงเรียน แต่จะซุ่มโจมตีขากลับภายหลังชุดคุ้มครองส่งครูและนักเรียนแล้ว หรือแม้แต่การยิงประชาชนในมัสยิด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา แต่เชื่อว่าการกระทำแบบนี้จะไม่เกิดผลและเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นเพราะกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อชาติ เรื่องนี้ผบ.ทบ.จะไปปรับยุทธวิธีในการเฝ้าระวัง โดยจะเป็นการดูแล ทุกพื้นที่
นายพระนายกล่าวว่า ยืนยันว่ากลไกของศอ.บต.นั้นไม่มีอะไรที่เป็นความ ล้มเหลวจนเกิดเหตุรุนแรงในช่วงนี้ ยืนยันว่าประชาชนมั่นใจและไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ แม้เหตุการณ์ล่าสุดที่มัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง นั้นไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ยอมรับว่าจากนี้ไปทหารต้องปรับบทบาทและวิธีการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนมากขึ้น
งัดกฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุม
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ตอนนี้ รัฐบาล ได้จัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา เป็น 3 ระดับ คือ 1. พื้นที่ที่มีความรุนแรง มากที่สุดจะใช้กฎอัยการศึก 2 .พื้นที่ในเมืองจะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อประโยชน์ในการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ส่วนในพื้นที่ที่ปลอดภัยนั้น จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อที่ปัญหาต่างๆ จะได้ถูกนำมาพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ครม.ใต้) และชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ 3. พื้นที่ที่ได้มีการพัฒนาแล้ว ในอนาคตจะให้อยู่ในการดูแลของศูนย์บัญชาการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.)ที่ มีโครงสร้างถาวรมาดูแลแทน โดยรูปแบบโครงสร้างทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งต่อไป
สั่งจนท.ดูแลวัด-มัสยิดเป็นพิเศษ
นายปณิธาน กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์การกราดยิงประชาชนที่มัสยิดใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้กำลังรอผลตรวจ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าจะได้ผลในวันที่ 12 หรือ 13 มิ.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะสามารถนำไปชี้แจงและสร้างความกระจ่างต่อประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับทราบ
ทั้งนี้ทราบว่าได้เกิดข่าวลือภายในชุมชน 2 แห่งที่อยู่ใกล้กับมัสยิดที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่ชอบมาพากลสูง และเป็นสิ่งที่เกิดเหนือความคาดหมาย อีกทั้งถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และไม่มีใครคิดว่าจะมีคนก่อเหตุเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ระมัดระวัง แต่จากนี้ไป ทางเจ้าหน้าที่จะไปเฝ้าระวังสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา เช่น วัด มัสยิด เป็นต้น อย่างไม่ประมาท
ชี้เตรียมใช้รถบรรทุกแก๊งบึ้มชุมชน
นายปณิธาน กล่าวว่า การก่อเหตุความไม่สงบในภาคใต้จากนี้ไป มีแนวโน้มว่า จะมีการใช้รถบรรทุกถังแก๊สที่มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วนำมาวางระเบิดในชุมชน อีกทั้งจะมีการวางเพลิง รวมถึงการกราดยิงครู นักเรียน และสถานีอนามัย โดยเป็นการมุ่งโจมตีคนที่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองไม่สูงนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มแกนนำผู้ก่อความไม่สงบในตอนนี้มีจำนวนเท่าใด นายปณิธาน กล่าวว่า ยังมีนับร้อยคนซึ่งกระจายอยู่ในหมู่บ้านเป็นพื้นที่สีแดง 200 กว่าแห่ง
นายปณิธาน กล่าวว่า ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ ดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถือเป็น ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลจะได้เข้าไปในโรงเรียนปอเนาะ เพื่อไปดูเรื่องการศึกษาของ ชาวไทยมุสลิม ซึ่งโดยปกติ ชาวไทยมุสลิมจะไม่ยอมให้เข้าไปในโรงเรียนปอเนาะเพราะไม่อยากให้เข้าไปยุ่ง เกี่ยวกับการศึกษาของเขา
ตั้งค่าหัว3หมื่นบาทล่า3โจรป่วนใต้
วันเดียวกัน พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส เปิดเผยความคืบหน้าคดีก่อความไม่สงบช่วง 2 - 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า โดยเฉพาะคดียิงครูสตรีของโรงเรียนใน อ.จะแนะ เสียชีวิต 2 ราย ขณะกลับบ้าน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังสอบปากคำพยานกว่า 10 ปาก และพยานยังชี้ภาพถ่ายบุคคล ในทำเนียบประวัติก่อเหตุความมั่นคงแล้วนำไปรวบรวมกับผลการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่เจ้าหน้าที่กองวิทยาการนำไปตรวจสอบ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุยิงครูได้แล้ว 3 ราย คือ นายมูฮัมหมัดสูนี ดะ, นายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเยาะดียะ และนายอำรัน มิง ซึ่งทั้ง 3 เป็นคนในพื้นที่ อ.ระแงะ โดยนายมูฮัมหมัดสูนี เป็นคนยิงนางวารุณี นะวะกะ ครูโรงเรียนบ้านริแง ส่วนนายอำรัน และนายมะซาเอ๊ะ เป็นคนยิงครูอัจฉราภรณ์ เทพษร ครูโรงเรียนบ้านดุซง อ.จะแนะ ตั้งท้อง 8 เดือน พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตั้งรางวัลนำจับบุคคลดังกล่าวรายละ 3หมื่นบาท
พ.ต.อ.นิตินัย กล่าวว่า นอกจากผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ ยิงครูทั้งสองเสียชีวิตแล้วทั้ง 3 รายยังมีส่วนร่วมก่อเหตุยิงถล่มร้านน้ำชา เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.และยิง อส.ที่ว่าการอำเภอยี่งอ รวมทั้งซุกระเบิดรถยนต์จอดทิ้งไว้หน้าหน้าร้านขายยา เขตเทศบาลตำบลยี่งอ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ล่าสุดร่วมกับพวกอีก 10 คน บุกยิงชาวบ้านเสียชีวิตในมัสยิดอัลฟุรกอน อ.เจาะไอร้อง เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย
ยิงคนงานก่อสร้างดับ1เจ็บอีก2
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบวานนี้ (10 มิ.ย.) คนร้ายได้กราดยิงคนงานก่อสร้างคูระบายน้ำที่ จ.ยะลา เสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บ 2 คนโดยจุดเกิดเหตุบริเวณสถานที่ก่อสร้างคูระบายน้ำ ท่าอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.จิรพร อาสากิจ คนงานก่อสร้างถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ลำตัว 2 นัดและมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส แพทย์ต้องผ่าตัดด่วน
สอบสวนทราบว่า ขณะที่คนงานกำลังหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันมีชายวัยรุ่น 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันมาจอดบนถนนริมไซต์งานก่อสร้าง 2 ใน 4 ของคนร้าย ได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิงเข้าใส่เพื่อนคนงานที่กำลังทานข้าวเที่ยงจำนวนหลายนัด จนทำให้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะหลบหนีไปคนร้ายได้ทิ้งใบปลิว 2 ใบแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนใบปลิวนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่าคนร้ายทิ้งใบปลิวข่มขู่ โดยมีเนื้อหาเชื่อมโยงเกี่ยวกับเหตุยิงมัสยิดที่ จ.นราธิวาส เมื่อ 2 วันก่อน