ASTVผู้จัดการรายวัน – "โสภณ"สั่งบินไทยกลับไปทบทวนและจัดทำแผนการบริหารเชิงธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะการลงทุน-จัดหาแอร์บัส เอ380 เสนอกลับมาให้พิจารณาในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ หลังเศรษฐกิจชะลอตัว ด้านบินไทยเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันเที่ยวบินระหว่างประเทศยุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในอัตรา 10 เหรียญสหรัฐ/เที่ยว หลังราคาน้ำมันโลกพุ่ง เชื่อว่าไม่กระทบยอดขายตั๋วโดยสาร
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายวัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ กลับไปทบทวน และจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานเชิงธุรกิจทั้งหมด โดยเฉพาะแผนการลงทุน เนื่องจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวก่อนนำมาเสนอภายในวันที่ 15 มิ.ย.52นี้ เพื่อพิจารณาต่อไป
“ขณะนี้เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้กระทบต่อแผนการลงทุนของการบินไทยมาก รวมถึงเรื่องของการจัดหาเรื่องบินแอร์บัส เอ 380 จำนวน 6 ลำด้วย ที่จะต้องกลับไปทบทวนใหม่ว่าจะปรับอะไรได้บ้าง ก่อนเอามาพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 15 มิ.ย.นี้”นายโสภณ กล่าว
ก่อนหน้านี้ พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ระบุถึงแผนการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ว่า มีความเป็นไปได้ในการที่จะยกเลิกซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความคุ้มค่าการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพิจารณาเงื่อนไขในสัญญาหากมีการเลื่อนการรับมอบ และยกเลิกการซื้อจะทำให้มีการคิดค่าปรับหรือไม่ จำนวนเท่าไร และส่งผลต่อสภาพคล่องบริษัทฯอย่างไร เมือได้มีการรับมอบมาแล้ว ก่อนเสนอให้รมว.คมนาคมพิจารณา
นายปานดิษฐ์ ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) (THAI)เปิดเผยว่า การบินไทยจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน(fuel surcharge)เที่ยวบินระหว่างประเทศ ในเส้นทางยุโรป ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ในอัตรา 10 เหรียญสหรัฐ/เที่ยว มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. นี้ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันดังกล่าวนี้จะไม่ส่งผลต่อยอดขายตั๊วโดยสารของการบินไทย เนื่องจากการจัดเก็บไม่ได้สูงมากนัก
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันได้พิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทะลุเกิน 60 เหรียญ/บาร์เรลแล้ว ทางบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงน้ำมันเต็มเพดาน หรือสัดส่วน 50% ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ ตามมติของคณะกรรมการบริษัท
ในปีนี้ คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor) จะอยู่ประมาณ 71-72% ซึ่งต่ำกวว่าปีก่อนที่มีอัตราส่วนที่ 76% อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับสายการบินอื่น ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ cabin factor คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย แม้ว่าจะเจอวิกฤติเศรษฐกิจและปัจจัยลบหลายอย่าง ซึ่งเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ประสบอุบัติเหตุตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก มีผลด้านจิตวิทยา ทำให้ธุรกิจการบินจากนี้ไปยังจะไม่ดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจการบินจะตกต่ำต่อเนื่องไปอีก 2-3ปีข้างหน้า
ในช่วง ต.ค.-ธ.ค.น่าจะมี cabin factor สูงถึง 80% จากช่วงเริ่มต้นที่คาดว่าอยู่ระดับ 70%
ทั้งนี้ การบินไทยยังทำการตลาดต่อเนื่อง โดยจัดโปรโมชั่นและจะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน ได้แก่ กรุงเทพ-ลอสแองเจอลีส จากปัจจุบันทำการบิน 3 วันต่อสัปดาห์ แต่อาจจะเพิ่มเป็น 4 -5 เที่ยวบินต่อสัปดาหฺ์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพิจารณาเส้นทางบินใหม่ต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ -ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ทำการบินตรง 11 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องบินแอร์บัส A340-500 โดยทำการบิน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายวัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ กลับไปทบทวน และจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานเชิงธุรกิจทั้งหมด โดยเฉพาะแผนการลงทุน เนื่องจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวก่อนนำมาเสนอภายในวันที่ 15 มิ.ย.52นี้ เพื่อพิจารณาต่อไป
“ขณะนี้เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้กระทบต่อแผนการลงทุนของการบินไทยมาก รวมถึงเรื่องของการจัดหาเรื่องบินแอร์บัส เอ 380 จำนวน 6 ลำด้วย ที่จะต้องกลับไปทบทวนใหม่ว่าจะปรับอะไรได้บ้าง ก่อนเอามาพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 15 มิ.ย.นี้”นายโสภณ กล่าว
ก่อนหน้านี้ พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ระบุถึงแผนการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ว่า มีความเป็นไปได้ในการที่จะยกเลิกซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความคุ้มค่าการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพิจารณาเงื่อนไขในสัญญาหากมีการเลื่อนการรับมอบ และยกเลิกการซื้อจะทำให้มีการคิดค่าปรับหรือไม่ จำนวนเท่าไร และส่งผลต่อสภาพคล่องบริษัทฯอย่างไร เมือได้มีการรับมอบมาแล้ว ก่อนเสนอให้รมว.คมนาคมพิจารณา
นายปานดิษฐ์ ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) (THAI)เปิดเผยว่า การบินไทยจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน(fuel surcharge)เที่ยวบินระหว่างประเทศ ในเส้นทางยุโรป ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ในอัตรา 10 เหรียญสหรัฐ/เที่ยว มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. นี้ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันดังกล่าวนี้จะไม่ส่งผลต่อยอดขายตั๊วโดยสารของการบินไทย เนื่องจากการจัดเก็บไม่ได้สูงมากนัก
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันได้พิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทะลุเกิน 60 เหรียญ/บาร์เรลแล้ว ทางบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงน้ำมันเต็มเพดาน หรือสัดส่วน 50% ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ ตามมติของคณะกรรมการบริษัท
ในปีนี้ คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor) จะอยู่ประมาณ 71-72% ซึ่งต่ำกวว่าปีก่อนที่มีอัตราส่วนที่ 76% อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับสายการบินอื่น ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ cabin factor คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย แม้ว่าจะเจอวิกฤติเศรษฐกิจและปัจจัยลบหลายอย่าง ซึ่งเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ประสบอุบัติเหตุตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก มีผลด้านจิตวิทยา ทำให้ธุรกิจการบินจากนี้ไปยังจะไม่ดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจการบินจะตกต่ำต่อเนื่องไปอีก 2-3ปีข้างหน้า
ในช่วง ต.ค.-ธ.ค.น่าจะมี cabin factor สูงถึง 80% จากช่วงเริ่มต้นที่คาดว่าอยู่ระดับ 70%
ทั้งนี้ การบินไทยยังทำการตลาดต่อเนื่อง โดยจัดโปรโมชั่นและจะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน ได้แก่ กรุงเทพ-ลอสแองเจอลีส จากปัจจุบันทำการบิน 3 วันต่อสัปดาห์ แต่อาจจะเพิ่มเป็น 4 -5 เที่ยวบินต่อสัปดาหฺ์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพิจารณาเส้นทางบินใหม่ต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ -ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ทำการบินตรง 11 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องบินแอร์บัส A340-500 โดยทำการบิน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้
