เอเอฟพี - หญิงสาวชาวสเปนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการฮันนีมูนในบราซิลลำพัง เป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องบินของแอร์ฟรานซ์ ที่สูญหายไปเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันจันทร์ (1) ที่ผ่านมา ตามที่สื่อแดนกระทิงดุรายงานในวันนี้(3)
หนังสือพิมพ์เอลปาอิสรายงานว่า แอนนา เนกรา บาร์ราเบก วัย 28 ปี และ ชาวีเยร์ อัลวาเรซ เควโร วัย 38 ปี ใช้ชีวิตในรัฐดูไบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาโดยทั้งคู่ทำงานเป็นที่ปรึกษา และแต่งงานกันใกล้กับเมืองบาร์เซโลนาของสเปน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง
หลังจากการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในบราซิล เควโร ตัดสินใจบินตรงกลับไปยังดูไบ แต่บาร์ราเบก ตัดสินใจจะพักผ่อนต่อโดยการวางแผนไปเยี่ยมครอบครัวของเธอในทางเหนือของสเปนด้วยการเดินทางบนเที่ยวบินมรณะจากกรุงริโอเดจาไนโรไปยังกรุงปารีส
เควโร ได้รับการรับตัวจากจิตแพทย์ แพทย์ เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินในดูไบ และเพื่อน 2 คนก็บอกข่าวแก่เขาว่า ภรรยาของเขาหายไปกับเครื่องบินที่ประสบอุบัตเหตุตกในมหาสมุทรแอตแลนติก
เอลปาอิสรายงานว่า ทั้งสองเป็นที่รักในชุมชนของชาวสเปนราว 1,000 คนในนครดูไบ โดยอ้างแหล่งข่าวจากสถานทูตสเปนในกรุงอาบูดาบี อันเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งดูไบเป็นหนึ่งในรัฐนี้
รายงานข่าวเผยว่า สถานีโทรทัศน์ของสเปนเพิ่งทำรายงานเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในดูไบ ซึ่งรวมถึงการสัมภาษณ์บาร์ราเบกด้วย โดยมีกำหนดออกอากาศในวันอาทิตย์นี้ แต่ก็ยอมยกเลิกไปแล้วตามคำขอร้องของครอบครัวของเธอ
เครื่องบินแอร์บัสเอ 330 ของสายการบินสัญชาติฝรั่งเศส พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 228 ชีวิต สูญหายไปอย่างลึกลับในมหาสมุทรแอตแลนติก 4 ชั่วโมงหลังจากออกเดินทางจากสนามบินในกรุงริโอเดจาไนโร เมื่อวันจันทร์
ด้านบีอีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานสอบสวนด้านความปลอดภัยของฝรั่งเศสระบุว่า คงยากที่จะพบกล่องดำที่บันทึกข้อมูลการบิน และแม้จะพบก็คงจะไม่ช่วยอธิบายสาเหตุของการตกได้มากนัก อย่างไรก็ตาม คาดว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้นจะออกมาภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่แอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินลำนี้ระบุว่า จะให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่บีอีเอเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
แอร์บัสเผยว่า ตามปกติแล้ว แอร์บัสจะส่งทีมงานไปยังที่เกิดเหตุ แต่หายนะครั้งนี้เกิดขึ้นกลางทะเลระหว่างบราซิลและแอฟริกา ทำให้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอยางไรต่อไป