ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เผยฤดูกาลผลิตปีนี้ 51/52 รัฐอ่วมแบกภาระจำนำผลผลิตการเกษตรโคราชเมืองใหญ่อีสาน 3 สินค้าหลักการเมือง “มัน-ข้าวโพด-ข้าว” แล้วร่วม 7,000 ล้าน ล่าสุดชาวนาแห่ขนข้าวเปลือกนาปรังเข้าโครงการรับจำนำเต็มโควตาส่งท้ายแบบสายฟ้าแลบ 1.7 หมื่นตัน เช่นเดียวกับทั่วประเทศ ต้นเหตุประท้วงปิดถนนเรียกร้องเพิ่มโควตาจำนำไม่มีที่สิ้นสุด
นางสาวมารศรี ติปยานนท์ การค้าภายในจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ของ จ.นครราชสีมา ว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีนี้รัฐบาลกำหนดปริมาณหรือโควตารับจำนำ 4 ล้านตันทั่วประเทศ มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 16 มีนาคม - 31 กรกฎาคม 2552 ในราคาจำนำที่ตันละ 11,800 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 8,000 - 9,000 บาท ซึ่งปรากฏว่าทุกจังหวัดได้มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เต็มโควตาอย่างรวดเร็วเหมือนกันเกือบทุกจังหวัด
ส่วน จ.นครราชสีมา เริ่มเปิดจุดรับจำข้าวเปลือกนาปรัง เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ราย และได้มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกนาปรังมาจำนำเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ณ วันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้รับจำนำข้าวเต็มโควตาของจังหวัดแล้วที่ปริมาณ 17,291.933 ตัน เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ทั้งที่เหลือระยะเวลาดำเนินโครงการอีกตั้ง 2 เดือน คือสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้จากรายงานข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ระบุ ว่า จ.นครราชสีมา มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552 จำนวน 229,650 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 59,723 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรัม(กก.)/ไร่ ประมาณการผลผลิต 149,000 ตัน และ ได้ออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2552 แล้ว 1,107 ราย ปริมาณข้าว 14,997 ตัน
“ปัญหาการรับจำนำข้าวนาปรังโดยภาพรวมทั้งประเทศขณะนี้ คือ เกิดคำถามจากหลายฝ่ายรวมทั้งรัฐบาลว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับโครงการฯ เพราะเพิ่งเปิดรับจำนำได้ไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงเต็มโควตาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีปัญหาออกมาเรียกร้องของเกษตรกรให้รัฐบาลขยายปริมาณรับจำนำเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตันทั่วประเทศ ” นางสาวมารศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรโดยรวมทั้งหมดของ จ.นครราชสีมาในฤดูกาลผลิตปีนี้ ล่าสุดจากรายงานผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ของสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่าประกอบไปด้วย 1.โครงการรับจำนำข้าวโพด ปี 2551/2552 สิ้นสุดโครงการ 31 มีนาคม 2552 รับจำนำจำนวน 6,040 สัญญา ปริมาณ 81,177 ตัน ต้นเงินรวม 595,116,795 บาท
2.โครงการรับจำนำข้าวเปลือกยุ้งฉางนาปี 2551/52 สิ้นสุดโครงการ 28 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 3,864 สัญญา ปริมาณ 20,747 ตัน ต้นเงิน 321,574,395 บาท
3.โครงการรับจำนำข้าวเปลือกประทวนสินค้า ปี 2551/52 สิ้นสุดโครงการ 28 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 6,841 สัญญา ปริมาณ 65,747 ตัน ต้นเงิน 618,522,748 บาท
4. โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 2551/2552 สิ้นสุดโครงการ 16 พฤษภาคม 2552 (ตามข้อมูลของการค้าภายใน จ.นครราชสีมา) ปริมาณรับจำนำ 2,870,552 ตัน มูลค่าประมาณ 5,400 ล้านบาท
รวมเป็นเงินรัฐบาลที่ต้องแบกรับภาระการจำนำสินค้าเกษตรการเมืองดังกล่าว ทั้งหมดของจ.นครราชสีมาแค่จังหวัดเดียวร่วม 7,000 ล้านบาท
จำนำมันทั่วปท.รัฐขาดทุนยับแล้ว 9.7 พันล้าน
สำหรับผลสรุปโครงการรับจำนำมันสำปะหลังทั่วประเทศ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ รายงานข้อมูลต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า การดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52 โดยการรับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกรเป้าหมาย 13 ล้านตันทั่วประเทศ เป็นมาตรการที่ใช้เงินดำเนินการสูงมากประมาณ 32,745.44 ล้านบาท ได้แก่ วงเงินรับจำนำ 25,775 ล้านบาท ต้นทุนดำเนินการเป็นค่าแปรสภาพ ค่าขนส่ง ค่าฝากเก็บสินค้า 6,118.79 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายบริหารโครงการรวมดอกเบี้ยของ ธ.ก.ส. 851.65 ล้านบาท และประมาณการผลขาดทุนจากการดำเนินการ ณ สิ้นเดือน เมษายน 2552 ประมาณ 9,700 ล้านบาท
นางสาวมารศรี ติปยานนท์ การค้าภายในจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ของ จ.นครราชสีมา ว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีนี้รัฐบาลกำหนดปริมาณหรือโควตารับจำนำ 4 ล้านตันทั่วประเทศ มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 16 มีนาคม - 31 กรกฎาคม 2552 ในราคาจำนำที่ตันละ 11,800 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 8,000 - 9,000 บาท ซึ่งปรากฏว่าทุกจังหวัดได้มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เต็มโควตาอย่างรวดเร็วเหมือนกันเกือบทุกจังหวัด
ส่วน จ.นครราชสีมา เริ่มเปิดจุดรับจำข้าวเปลือกนาปรัง เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ราย และได้มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกนาปรังมาจำนำเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ณ วันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้รับจำนำข้าวเต็มโควตาของจังหวัดแล้วที่ปริมาณ 17,291.933 ตัน เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ทั้งที่เหลือระยะเวลาดำเนินโครงการอีกตั้ง 2 เดือน คือสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้จากรายงานข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ระบุ ว่า จ.นครราชสีมา มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552 จำนวน 229,650 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 59,723 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรัม(กก.)/ไร่ ประมาณการผลผลิต 149,000 ตัน และ ได้ออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2552 แล้ว 1,107 ราย ปริมาณข้าว 14,997 ตัน
“ปัญหาการรับจำนำข้าวนาปรังโดยภาพรวมทั้งประเทศขณะนี้ คือ เกิดคำถามจากหลายฝ่ายรวมทั้งรัฐบาลว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับโครงการฯ เพราะเพิ่งเปิดรับจำนำได้ไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงเต็มโควตาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีปัญหาออกมาเรียกร้องของเกษตรกรให้รัฐบาลขยายปริมาณรับจำนำเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตันทั่วประเทศ ” นางสาวมารศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรโดยรวมทั้งหมดของ จ.นครราชสีมาในฤดูกาลผลิตปีนี้ ล่าสุดจากรายงานผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ของสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่าประกอบไปด้วย 1.โครงการรับจำนำข้าวโพด ปี 2551/2552 สิ้นสุดโครงการ 31 มีนาคม 2552 รับจำนำจำนวน 6,040 สัญญา ปริมาณ 81,177 ตัน ต้นเงินรวม 595,116,795 บาท
2.โครงการรับจำนำข้าวเปลือกยุ้งฉางนาปี 2551/52 สิ้นสุดโครงการ 28 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 3,864 สัญญา ปริมาณ 20,747 ตัน ต้นเงิน 321,574,395 บาท
3.โครงการรับจำนำข้าวเปลือกประทวนสินค้า ปี 2551/52 สิ้นสุดโครงการ 28 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 6,841 สัญญา ปริมาณ 65,747 ตัน ต้นเงิน 618,522,748 บาท
4. โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 2551/2552 สิ้นสุดโครงการ 16 พฤษภาคม 2552 (ตามข้อมูลของการค้าภายใน จ.นครราชสีมา) ปริมาณรับจำนำ 2,870,552 ตัน มูลค่าประมาณ 5,400 ล้านบาท
รวมเป็นเงินรัฐบาลที่ต้องแบกรับภาระการจำนำสินค้าเกษตรการเมืองดังกล่าว ทั้งหมดของจ.นครราชสีมาแค่จังหวัดเดียวร่วม 7,000 ล้านบาท
จำนำมันทั่วปท.รัฐขาดทุนยับแล้ว 9.7 พันล้าน
สำหรับผลสรุปโครงการรับจำนำมันสำปะหลังทั่วประเทศ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ รายงานข้อมูลต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า การดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52 โดยการรับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกรเป้าหมาย 13 ล้านตันทั่วประเทศ เป็นมาตรการที่ใช้เงินดำเนินการสูงมากประมาณ 32,745.44 ล้านบาท ได้แก่ วงเงินรับจำนำ 25,775 ล้านบาท ต้นทุนดำเนินการเป็นค่าแปรสภาพ ค่าขนส่ง ค่าฝากเก็บสินค้า 6,118.79 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายบริหารโครงการรวมดอกเบี้ยของ ธ.ก.ส. 851.65 ล้านบาท และประมาณการผลขาดทุนจากการดำเนินการ ณ สิ้นเดือน เมษายน 2552 ประมาณ 9,700 ล้านบาท
