บุรีรัมย์ - เผยไร้เงาชาวนาบุรีรัมย์ไถ่ถอนข้าวเปลือกจำนำในยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส.กว่า 105,800 ตัน หลุดจำนำแล้ว 80% คาดปล่อยหลุดทั้งหมดส่งผลรัฐแบกรับอานอีกร่วม 2,000 ล้าน เหตุราคาซื้อขายท้องตลาดต่ำกว่าราคาจำนำ พร้อมขู่เอาผิดเกษตรกรหากข้าวที่จำนำสูญหายเหลือไม่ครบตามจำนวน ส่วนการเปิดรับจำนำข้าวนาปรังปีแรกยังเหลือโควตากว่า 100 ตันขณะหลายจังหวัดชุมนุมร้องรัฐเพิ่มโควตา
นายนิยม รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ฤดูกาลผลิตปี 2551/52 มีเกษตรกรจ.บุรีรัมย์นำข้าวเปลือกนาปี มาเข้าร่วมโครงการจำนำของรัฐบาลในรูปแบบจำนำในยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส. จำนวน 16,800 ราย รวมปริมาณข้าวกว่า 105,800 ตัน ใช้งบประมาณในการรับจำนำกว่า 1,931 ล้านบาท
ขณะนี้ข้าวของเกษตรกรได้หลุดจำนำไปแล้วมากกว่า 80% และภายในสิ้นเดือนมิถุนายนจะถึงนี้ จะสิ้นสุดระยะเวลาการไถ่ถอน คาดว่าไม่มีเกษตรกรมาไถ่ถอนแม้แต่รายเดียว เนื่องจากราคาซื้อขายข้าวในท้องตลาดมีราคาเพียงตันละ 14,300 บาท ต่ำกว่าราคาจำนำ ที่สูงถึงตันละ 16,000 บาท
นายนิยมกล่าวอีกว่า ส่วนข้าวที่หลุดจำนำขณะนี้ยังไม่ได้มีการแปรสภาพส่งให้โกดังกลาง อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณข้าวในยุ้งฉางของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเดือนละ 1 ครั้ง หากพบว่าข้าวของเกษตรกรรายใดสูญหาย เหลือไม่ครบตามจำนวน เกษตรกรรายนั้นต้องมาชำระหนี้ที่ทำสัญญาไว้กับ ธ.ก.ส. ภายใน 7 วัน
“หากครบกำหนดแล้วยังไม่มาชำระ ก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมทั้งหากโรงสีหรือผู้ประกอบการรายใดรับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจำนำ ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา รับซื้อของโจรเช่นกัน” นายนิยม กล่าว
นายนิยมกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในหลายจังหวัด มีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มโควตารับจำนำข้าวนาปรังปี 2552 เนื่องจากโควตาเต็ม จนกระทั่งรัฐบาลมีการเพิ่มโควตาอีก 2 ล้านตัน แต่เกรงว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จะเกิดความสับสนอาจเข้าใจผิดคิดว่ารัฐบาล ชะลอการจำนำข้าวนาปรังทั่วประเทศ จึงขอแจ้งให้เกษตรกรทราบว่าปีนี้ จ.บุรีรัมย์ได้เปิดรับจำนำข้าวนาปรังเป็นปีแรกและได้รับการจัดสรรโควตาทั้งสิ้น 455 ตัน ขณะนี้มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการแล้ว 300 ตัน ยังเหลือโควตาจำนำอีกกว่า 100 ตัน ขอให้เกษตรกรเร่งนำข้าวมาจำนำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ ก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการจำนำในวันที่ 31 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส
“ปีนี้ จ.บุรีรัมย์มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังใน 18 อำเภอ พื้นที่กว่า 24,000 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 13,000 ตัน ปัจจุบันมีราคาซื้อขายในท้องตลาดกิโลกรัมละ 8-9 บาท ส่วนราคารับจำนำอยู่ที่กิโลกรัมละ 11.80 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขาย จึงขอให้เกษตรกรนำข้าวนาปรังมาเข้าร่วมโครงการก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาจำนำ” นายนิยม กล่าว