ASTVผู้จัดการรายวัน-"อภิสิทธิ์" ระบุการรับจำนำสินค้าเกษตร ต้องไม่สูงกว่าราคาตลาด เพราะจะกลายเป็นรัฐบาลรับซื้อ ทำให้ราคาตลาดไม่ขยับขึ้น คนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการก็จะไม่ได้รับประโยชน์ สั่งคลังเร่งศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบ ยอมรับการบริหารบ้านเมืองบนพื้นฐานต่างความความคิด อาจไม่ราบรื่นนัก แต่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และต้องชี้แจงต่อสาธาณชนให้เกิดความโปร่งใส พร้อมรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พูดเป็นนัยไม่กล้าเหยียบหัวพรรคร่วมแน่นอน "จาตุรนต์" ยุแยง ปชป.-ภท. แตกคอ เชื่อไม่ใช่แตกต่างความคิด แต่เพื่อต่อรองผลประโยชน์หาเงินเข้ากระเป๋าเตรียมการเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย วิจารณ์ว่า นโยบายการประกันราคาพืชผลจะทำให้รัฐบาลขาดทุน 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ควรให้ใช้คอนแทคฟาร์มมิ่ง ว่า มาตรการอื่นๆ เช่น การสนับสนุนให้นำสินค้าเกษตรไปแปรรูป โดยมีสัญญาอะไรต่างๆ ต้องทำอยู่แล้ว แต่มีปัญหาเพียงคือ กรณีที่ต้องการเข้าไปแทรกแซงราคา จะทำวิธีใด อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา การแทรกแซงด้วยวิธีใดรัฐก็ขาดทุนอยู่แล้ว แต่จะดูว่าวิธีใดเป็นภาระน้อยที่สุด และไม่ทำให้ตลาดมีปัญหา ซึ่งผู้ที่ศึกษาส่วนใหญ่ค่อนข้างสนับสนุนแนวทางการอิงกับระบบประกัน ทั้งนี้ ตนกำลังรอกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ เสนอรูปแบบเข้ามาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การจำนำสินค้าเกษตร ถ้าทำเหมือนในอดีตที่เป็นการจำนำในราคาที่ไม่สูงกว่าตลาด เพียงเพื่อไม่ให้สินค้าทะลักเข้าสู่ตลาดในเวลาเดียวกัน ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นการจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด ก็ไม่ใช่เป็นการจำนำ แต่เป็นการรับซื้อ นอกจากนี้ระบบจำนำเดิมที่ไม่ได้ฝืนตลาด แม้ราคาต่ำแต่ก็ช่วยคนที่เข้า และไม่ได้เข้าโครงการ เพราะมันดึงราคาขึ้น แต่ระบบที่เรารับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาด เกษตรกร ที่ได้รับประโยชน์คือ คนที่สามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าโครงการ ไม่ได้รับประโยชน์ เพราะมันไม่สามารถดึงราคาตลาดขึ้นมาได้
ทั้งนี้ ถ้าเราบริหารจัดการ จะมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตามในการทำความเข้าใจกับประชาชนต่อระบบใหม่ดังกล่าว ต้องรอให้ตัวระบบใหม่มีรายละเอียดมีความชัดเจน โดยตนได้มอบหมายให้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ไปเร่งทำอยู่
เมื่อถามว่าคิดว่าเป็นการนำชาวนามาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองกับรัฐ เพื่อช่วยผู้ที่เสียประโยชน์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ แต่เราต้องมีตัวเลขยืนยันชัดเจน ซึ่งกำลังขอเข้ามาทั้งหมด และดูว่าการแทรกแซงแต่ละรูปแบบนั้น จำนวนคนที่ได้ประโยชน์มากน้อยต่างกันอย่างไร รวมถึงภาระของรัฐจะต่างกันอย่างไร นอกจากนี้ ตนจะเอาความเข้าใจ ชนะความไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่าในพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า การแทรกแซงดีกว่าการประกันราคา รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ตอนนี้กำลังอึดอัดกับการทำงานร่วมกับรัฐบาล เพราะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่มีปัญหา
“ต้องเข้าใจว่า มันคงมีประโยชน์ของหลายๆกลุ่ม ทั้งผู้บริหารโครงการ พ่อค้า อะไรต่างๆ มันมีหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่เราต้องหาคำตอบ และต้องยืนยันคือ อะไรที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกร" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ต้องรอบคอบไม่ได้จับผิดพรรคร่วม
ต่อข้อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ ดักจับงานของพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นผลงานของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดักจับอะไร ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ดักจับแปลว่าอะไร เมื่อถามต่อว่าหมายถึงจับผิดนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรจับผิด ทุกโครงการที่เข้ามาก็มีการกลั่นกรองทั้งนั้น ไม่ว่าจะของพรรคใด ทุกอย่างจะเกิดได้หรือไม่ อยู่ที่เหตุผลและประโยชน์ของส่วนรวม แต่ถ้าจะเอาเรื่องอื่นเข้ามา เช่น เรื่องการเมือง ผลประโยชน์ของกลุ่มใด ตนคิดว่าคงไม่ได้ และจะไม่ยอม
ทั้งนี้ ตนคิดว่ามีบางฝ่ายที่คิดว่า ระบบที่ทำอยู่ดีที่สุด ก็ต้องมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันด้วยเหตุผล ซึ่งได้มีการพูดคุยกับฝ่ายพรรคภูมิใจไทย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งในวันนั้นไม่มีใครโต้แย้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาการที่รัฐมนตรีไม่พูดในที่ประชุมครม. และการประชุมคณะกรรมการ แต่กลับออกมาพูดข้างนอก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่ทราบ ต้องไปถามคนพูด เมื่อถามต่อว่าปัญหาอย่างนี้จะทำให้นโยบายเดินไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายต้องเดินต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ยังคิดว่าการประกันราคาจะทำได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทำในส่วนของมันสำปะหลังแล้ว ส่วนสินค้าเกษตรตัวอื่นๆกำลังดูรายละเอียดโครงการที่จะเสนอเข้ามา
เมื่อถามว่ามองอย่างไรต่อท่าทีของสมาชิกอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ อะไรที่มีเหตุผลตนก็รับฟัง ส่วนอะไรไม่เข้าใจ ก็ต้องชี้แจงกันไป เมื่อถามย้ำว่าช่วงนี้มีแรงกดดันมากเป็นเพราะตอนนี้ร่างกฎหมายการเงินจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าบอกแล้วว่าไม่มีอะไรกดดัน
**ยันไม่เคยคิดเหยียบหัวเพื่อน
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์เหยียบหัวเพื่อนขึ้นไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มี จะไปทำอย่างนั้นทำไม เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย พยายามดูดส.ส.จากหลายพรรคเข้ามา เพื่อให้มีจำนวน ส.ส.มากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมือง และพรรคการเมืองต้องมีการทำงานของตัวเอง พรรคการเมืองก็ต้องการความเติบโต นักการเมืองก็ต้องตัดสินใจว่า จะอยู่กับใคร ซึ่งเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนส.ส.มาก ก็ไม่ส่งผลต่อจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะเราไม่ได้จัดตามโควต้าอยู่แล้ว ถ้าจัดตามโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องได้มากกว่านี้หลายตำแหน่ง เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นแรงกดดันหรือแรงต่อรองของพรรคภูมิใจไทยมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีประเด็น
ต่อข้อถามว่า พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ไปลงพื้นที่หาเสียงช่วยในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่ จ.สกลนคร เป็นการใช้อำนาจรัฐเอื้อการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูว่า เวลาลงพื้นที่ลงในลักษณะใด ถ้ามีการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ก็สามารถร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีแนวคิดที่จะไปอยู่กับชาวบ้านเหมือนที่พรรคภูมิใจไทยทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ เราทำอยู่เป็นระยะๆ มาตั้งแต่อดีต ทั้งนี้การลงพื้นที่พบประชาชน ตนกำลังดูว่าเดือนก.ค.นี้หลังจากเดินทางเยือนกลุ่มประเทศอาเซียน และจีน รวมถึงเรื่องของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะลงพื้นที่พบประชาชนในภาคใดเป็นที่แรกนั้น คงแล้วแต่งาน
**ยันรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤต จากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ถือว่า 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสามารถทำงานร่วมกับพรรคร่วม เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศ และนำความสงบกลับคืนสู่สังคมได้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งจากภาคเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนข่าวปัญหาความขัดแย้งในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ขอยืนยันว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ได้มีข้อตกลงร่วมกันในการรักษาแนวทางของบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตได้ ซึ่งทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ดูงานที่เคยทำต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว แต่ยอมรับว่ามีกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่เข้าเงื่อนไข มีการเปลี่ยนความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูแลกระทรวงนี้ และทำให้ในช่วงต้นอาจจะมีเรื่องของการประสานงาน และการทำความเข้าใจในแนวทางการแก้ปัญหาที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่
ทั้งนี้ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรมีความต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งมีการรับภาระขาดทุนจากโครงการรับจำนำในอดีต ซึ่งรัฐบาลมีจุดยืนคำนึงถึงประโยชน์เกษตรกร และรักษาระดับราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น การระบายสต็อกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว จึงต้องระวังไม่ให้กระทบทำให้ราคาต่ำลง ดังนั้น โครงการที่มีทางเลือกมากกว่า 1 ทาง เช่น ข้าว มีทั้งการจำนำ หรือการประกันราคาข้าว แม้กระทั่งโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะซื้อ หรือจะเช่า ถือว่าแกนนำพรรคร่วมสามารถช่วยกันกำกับดูแลรูปแบบการทำงานผ่านกระทรวงต่างๆ ให้ประโยชน์ตกแก่ประชาชน และดำเนินไปด้วยความโปร่งใสอย่างแท้จริง
ขณะนี้พรรคเพื่อไทย พยายามหาจังหวะยื่นถอดถอน ครม. จากการออก พ.ร.ก.การกู้เงิน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่ามีวัตถุประสงค์ในการสกัดการแก้ปัญหาให้ประชาชน และดำเนินทุกทางนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาล ทั้งการปลุกระดมให้มีการชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 27 มิ.ย. ที่จะส่งผลกระทบในเรื่องความไม่สงบของบ้านเมือง หรือการเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้ง ยุให้พรรคร่วมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ โดยหวังว่าตัวเองจะได้อำนาจรัฐกลับคืนมา โดยจะกระทบความเชื่อมั่นชองประเทศ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย กลับมาทำงานในสภา หาตัวหัวหน้าพรรคให้เจอ และเลิกทำตัวโผล่มาแต่หัว แต่ตัวอยู่ใต้ดิน และที่อ้างว่ามี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 12-15 คน เตรียมย้ายพรรค ขอท้าให้ผู้พูดกล้ารับผิดชอบคำพูด โดยการเปิดเผยชื่อออกมา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำงานที่ไม่สร้างสรรค์ มุ่งใส่ร้ายด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
**"อ๋อย"เสี้ยมปชป.-ภท. แตกคอ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า การที่รัฐบาลมีที่มาที่มีปัญหา ทำให้ต้องสาละวนอยู่กับการต่อรองผลประโยชน์ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลขาดความชัดเจนในการบริหารประเทศ และความขัดแย้งในรัฐบาลดูจะมีมากขึ้น ทั้งนี้ สิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสนใจ ไม่ใช่เรื่องความแตกต่างทางความคิด แต่เป็นความเห็นต่างในเรื่องโครงการ ซึ่งทุกฝ่ายมองว่า เป็นความพยายามหาเงินเข้ากระเป๋าเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย วิจารณ์ว่า นโยบายการประกันราคาพืชผลจะทำให้รัฐบาลขาดทุน 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ควรให้ใช้คอนแทคฟาร์มมิ่ง ว่า มาตรการอื่นๆ เช่น การสนับสนุนให้นำสินค้าเกษตรไปแปรรูป โดยมีสัญญาอะไรต่างๆ ต้องทำอยู่แล้ว แต่มีปัญหาเพียงคือ กรณีที่ต้องการเข้าไปแทรกแซงราคา จะทำวิธีใด อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา การแทรกแซงด้วยวิธีใดรัฐก็ขาดทุนอยู่แล้ว แต่จะดูว่าวิธีใดเป็นภาระน้อยที่สุด และไม่ทำให้ตลาดมีปัญหา ซึ่งผู้ที่ศึกษาส่วนใหญ่ค่อนข้างสนับสนุนแนวทางการอิงกับระบบประกัน ทั้งนี้ ตนกำลังรอกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ เสนอรูปแบบเข้ามาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การจำนำสินค้าเกษตร ถ้าทำเหมือนในอดีตที่เป็นการจำนำในราคาที่ไม่สูงกว่าตลาด เพียงเพื่อไม่ให้สินค้าทะลักเข้าสู่ตลาดในเวลาเดียวกัน ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นการจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด ก็ไม่ใช่เป็นการจำนำ แต่เป็นการรับซื้อ นอกจากนี้ระบบจำนำเดิมที่ไม่ได้ฝืนตลาด แม้ราคาต่ำแต่ก็ช่วยคนที่เข้า และไม่ได้เข้าโครงการ เพราะมันดึงราคาขึ้น แต่ระบบที่เรารับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาด เกษตรกร ที่ได้รับประโยชน์คือ คนที่สามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าโครงการ ไม่ได้รับประโยชน์ เพราะมันไม่สามารถดึงราคาตลาดขึ้นมาได้
ทั้งนี้ ถ้าเราบริหารจัดการ จะมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตามในการทำความเข้าใจกับประชาชนต่อระบบใหม่ดังกล่าว ต้องรอให้ตัวระบบใหม่มีรายละเอียดมีความชัดเจน โดยตนได้มอบหมายให้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ไปเร่งทำอยู่
เมื่อถามว่าคิดว่าเป็นการนำชาวนามาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองกับรัฐ เพื่อช่วยผู้ที่เสียประโยชน์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ แต่เราต้องมีตัวเลขยืนยันชัดเจน ซึ่งกำลังขอเข้ามาทั้งหมด และดูว่าการแทรกแซงแต่ละรูปแบบนั้น จำนวนคนที่ได้ประโยชน์มากน้อยต่างกันอย่างไร รวมถึงภาระของรัฐจะต่างกันอย่างไร นอกจากนี้ ตนจะเอาความเข้าใจ ชนะความไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่าในพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า การแทรกแซงดีกว่าการประกันราคา รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ตอนนี้กำลังอึดอัดกับการทำงานร่วมกับรัฐบาล เพราะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่มีปัญหา
“ต้องเข้าใจว่า มันคงมีประโยชน์ของหลายๆกลุ่ม ทั้งผู้บริหารโครงการ พ่อค้า อะไรต่างๆ มันมีหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่เราต้องหาคำตอบ และต้องยืนยันคือ อะไรที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกร" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ต้องรอบคอบไม่ได้จับผิดพรรคร่วม
ต่อข้อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ ดักจับงานของพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นผลงานของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดักจับอะไร ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ดักจับแปลว่าอะไร เมื่อถามต่อว่าหมายถึงจับผิดนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรจับผิด ทุกโครงการที่เข้ามาก็มีการกลั่นกรองทั้งนั้น ไม่ว่าจะของพรรคใด ทุกอย่างจะเกิดได้หรือไม่ อยู่ที่เหตุผลและประโยชน์ของส่วนรวม แต่ถ้าจะเอาเรื่องอื่นเข้ามา เช่น เรื่องการเมือง ผลประโยชน์ของกลุ่มใด ตนคิดว่าคงไม่ได้ และจะไม่ยอม
ทั้งนี้ ตนคิดว่ามีบางฝ่ายที่คิดว่า ระบบที่ทำอยู่ดีที่สุด ก็ต้องมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันด้วยเหตุผล ซึ่งได้มีการพูดคุยกับฝ่ายพรรคภูมิใจไทย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งในวันนั้นไม่มีใครโต้แย้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาการที่รัฐมนตรีไม่พูดในที่ประชุมครม. และการประชุมคณะกรรมการ แต่กลับออกมาพูดข้างนอก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่ทราบ ต้องไปถามคนพูด เมื่อถามต่อว่าปัญหาอย่างนี้จะทำให้นโยบายเดินไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายต้องเดินต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ยังคิดว่าการประกันราคาจะทำได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทำในส่วนของมันสำปะหลังแล้ว ส่วนสินค้าเกษตรตัวอื่นๆกำลังดูรายละเอียดโครงการที่จะเสนอเข้ามา
เมื่อถามว่ามองอย่างไรต่อท่าทีของสมาชิกอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ อะไรที่มีเหตุผลตนก็รับฟัง ส่วนอะไรไม่เข้าใจ ก็ต้องชี้แจงกันไป เมื่อถามย้ำว่าช่วงนี้มีแรงกดดันมากเป็นเพราะตอนนี้ร่างกฎหมายการเงินจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าบอกแล้วว่าไม่มีอะไรกดดัน
**ยันไม่เคยคิดเหยียบหัวเพื่อน
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์เหยียบหัวเพื่อนขึ้นไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มี จะไปทำอย่างนั้นทำไม เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย พยายามดูดส.ส.จากหลายพรรคเข้ามา เพื่อให้มีจำนวน ส.ส.มากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมือง และพรรคการเมืองต้องมีการทำงานของตัวเอง พรรคการเมืองก็ต้องการความเติบโต นักการเมืองก็ต้องตัดสินใจว่า จะอยู่กับใคร ซึ่งเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนส.ส.มาก ก็ไม่ส่งผลต่อจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะเราไม่ได้จัดตามโควต้าอยู่แล้ว ถ้าจัดตามโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องได้มากกว่านี้หลายตำแหน่ง เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นแรงกดดันหรือแรงต่อรองของพรรคภูมิใจไทยมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีประเด็น
ต่อข้อถามว่า พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ไปลงพื้นที่หาเสียงช่วยในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่ จ.สกลนคร เป็นการใช้อำนาจรัฐเอื้อการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูว่า เวลาลงพื้นที่ลงในลักษณะใด ถ้ามีการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ก็สามารถร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีแนวคิดที่จะไปอยู่กับชาวบ้านเหมือนที่พรรคภูมิใจไทยทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ เราทำอยู่เป็นระยะๆ มาตั้งแต่อดีต ทั้งนี้การลงพื้นที่พบประชาชน ตนกำลังดูว่าเดือนก.ค.นี้หลังจากเดินทางเยือนกลุ่มประเทศอาเซียน และจีน รวมถึงเรื่องของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะลงพื้นที่พบประชาชนในภาคใดเป็นที่แรกนั้น คงแล้วแต่งาน
**ยันรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤต จากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ถือว่า 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสามารถทำงานร่วมกับพรรคร่วม เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศ และนำความสงบกลับคืนสู่สังคมได้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งจากภาคเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนข่าวปัญหาความขัดแย้งในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ขอยืนยันว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ได้มีข้อตกลงร่วมกันในการรักษาแนวทางของบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตได้ ซึ่งทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ดูงานที่เคยทำต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว แต่ยอมรับว่ามีกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่เข้าเงื่อนไข มีการเปลี่ยนความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูแลกระทรวงนี้ และทำให้ในช่วงต้นอาจจะมีเรื่องของการประสานงาน และการทำความเข้าใจในแนวทางการแก้ปัญหาที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่
ทั้งนี้ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรมีความต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งมีการรับภาระขาดทุนจากโครงการรับจำนำในอดีต ซึ่งรัฐบาลมีจุดยืนคำนึงถึงประโยชน์เกษตรกร และรักษาระดับราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น การระบายสต็อกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว จึงต้องระวังไม่ให้กระทบทำให้ราคาต่ำลง ดังนั้น โครงการที่มีทางเลือกมากกว่า 1 ทาง เช่น ข้าว มีทั้งการจำนำ หรือการประกันราคาข้าว แม้กระทั่งโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะซื้อ หรือจะเช่า ถือว่าแกนนำพรรคร่วมสามารถช่วยกันกำกับดูแลรูปแบบการทำงานผ่านกระทรวงต่างๆ ให้ประโยชน์ตกแก่ประชาชน และดำเนินไปด้วยความโปร่งใสอย่างแท้จริง
ขณะนี้พรรคเพื่อไทย พยายามหาจังหวะยื่นถอดถอน ครม. จากการออก พ.ร.ก.การกู้เงิน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่ามีวัตถุประสงค์ในการสกัดการแก้ปัญหาให้ประชาชน และดำเนินทุกทางนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาล ทั้งการปลุกระดมให้มีการชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 27 มิ.ย. ที่จะส่งผลกระทบในเรื่องความไม่สงบของบ้านเมือง หรือการเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้ง ยุให้พรรคร่วมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ โดยหวังว่าตัวเองจะได้อำนาจรัฐกลับคืนมา โดยจะกระทบความเชื่อมั่นชองประเทศ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย กลับมาทำงานในสภา หาตัวหัวหน้าพรรคให้เจอ และเลิกทำตัวโผล่มาแต่หัว แต่ตัวอยู่ใต้ดิน และที่อ้างว่ามี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 12-15 คน เตรียมย้ายพรรค ขอท้าให้ผู้พูดกล้ารับผิดชอบคำพูด โดยการเปิดเผยชื่อออกมา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำงานที่ไม่สร้างสรรค์ มุ่งใส่ร้ายด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
**"อ๋อย"เสี้ยมปชป.-ภท. แตกคอ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า การที่รัฐบาลมีที่มาที่มีปัญหา ทำให้ต้องสาละวนอยู่กับการต่อรองผลประโยชน์ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลขาดความชัดเจนในการบริหารประเทศ และความขัดแย้งในรัฐบาลดูจะมีมากขึ้น ทั้งนี้ สิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสนใจ ไม่ใช่เรื่องความแตกต่างทางความคิด แต่เป็นความเห็นต่างในเรื่องโครงการ ซึ่งทุกฝ่ายมองว่า เป็นความพยายามหาเงินเข้ากระเป๋าเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า