นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อหาทางออกวิกฤตบ้านเมือง ว่า ประเด็นหลักที่ต้องช่วยกันต่อจากนี้ คือ สะสางปัญหาใน 2 จุด จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยย้ำว่า รัฐบาลได้รายงานสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและหลักเกณฑ์ของรัฐบาล และความจำเป็นการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์กลับคืนสู่สังคม ไม่ใช่หวังเอาชนะทางการเมือง โดยย้ำว่า การใช้สิทธิเสรีภาพประชาชนตามรัฐธรรมนูญ การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างย่อมทำได้ แต่การแสดงพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ จำเป็นต้องใช้กฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อประเทศและประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การดำเนินการที่ผ่านมา ทุกมาตรการมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และย้ำว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการเพื่อประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่วิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา จะหารือและประมวลสถานการณ์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในวันพรุ่งนี้(27 เม.ย.) โดยข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบในทุกมุม แม้จะมีคนบางกลุ่มพยายามเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและนำไปสู่อารมณ์ความรู้สึกที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูล ไตร่ตรองและแยกแยะ เพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้รัฐบาล ต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายนิติบัญญัติ และองค์กรอิสระด้วย เพื่อไม่ให้การใช้กฎหมายนำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรียอมรับว่า ต้นเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากเรื่องการเมือง ดังนั้น หลังการประชุมร่วมรัฐสภา ประธานรัฐสภาได้เชิญทุกฝ่ายหารือเพื่อหาทางออก ที่ต้องให้สังคมทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมปฏิรูปการเมืองและให้ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มี 2 มาตรฐาน ทุกคนเสมอภาคเท่ากันหมดกัน ส่วนคดีความต่างๆ หลายเรื่องเป็นหน้าที่ของตุลาการ และองค์กรอิสระ ซึ่งหน่วยนั้น ๆ ควรชี้แจง เพื่อสรุปให้ผู้ที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาและนำไปประกอบการพิจารณา และย้ำว่า การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม จะไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเป็นตัวตั้ง เพื่อกลั่นแกล้งคุกคามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การดำเนินการที่ผ่านมา ทุกมาตรการมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และย้ำว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการเพื่อประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่วิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา จะหารือและประมวลสถานการณ์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในวันพรุ่งนี้(27 เม.ย.) โดยข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบในทุกมุม แม้จะมีคนบางกลุ่มพยายามเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและนำไปสู่อารมณ์ความรู้สึกที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูล ไตร่ตรองและแยกแยะ เพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้รัฐบาล ต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายนิติบัญญัติ และองค์กรอิสระด้วย เพื่อไม่ให้การใช้กฎหมายนำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรียอมรับว่า ต้นเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากเรื่องการเมือง ดังนั้น หลังการประชุมร่วมรัฐสภา ประธานรัฐสภาได้เชิญทุกฝ่ายหารือเพื่อหาทางออก ที่ต้องให้สังคมทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมปฏิรูปการเมืองและให้ทุกฝ่ายยอมรับ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มี 2 มาตรฐาน ทุกคนเสมอภาคเท่ากันหมดกัน ส่วนคดีความต่างๆ หลายเรื่องเป็นหน้าที่ของตุลาการ และองค์กรอิสระ ซึ่งหน่วยนั้น ๆ ควรชี้แจง เพื่อสรุปให้ผู้ที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาและนำไปประกอบการพิจารณา และย้ำว่า การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม จะไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเป็นตัวตั้ง เพื่อกลั่นแกล้งคุกคามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน