xs
xsm
sm
md
lg

รายงาน:จากรถเมล์NGVสู่สินค้าเกษตรฯสุดฉาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อดทำให้คิดแบบนั้นไม่ได้ สำหรับการดองโครงการเช่ารถเมล์ NGV ต่อไปอีก 1 เดือน ด้วยการโยนเรื่องไปให้สภาพัตน์ฯทำหน้าที่ศึกษาข้อมูลทางวิชาการ แทนที่จะแตกหักกับเรื่องฉาวนี้ ว่าจะเอาหรือไม่เอาก็ตามที ซึ่งเชื่อได้ว่า นักการเมืองระดับรอบจัดนั้นย่อมจับกระแสความไม่พอใจของสังคมได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากเสี่ยงกับการขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะเป็นพรรคตัวแปรที่สำคัญทั้งวันนี้และในอนาคตข้างหน้า ดังนั้น จึงเลือกหนทางแก้ปัญหาด้วยการยืดเรื่องออกไปก่อน

แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอ เพราะอีกเรื่องร้อนเช่นเดียวกัน อย่างการระบายสินค้าพืชผลทางการเกษตร ที่ถูกตีตกจากที่ประชุม ครม.มาแล้ว 2 ครั้ง แถมยังมีรายการฟาดงวงฟาดงากันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอธิบดีกรมการค้าภายในมาแล้ว จนอธิบดียรรยง พวงราช ไม่กล้าสู้หน้า ต้องขอแรงปลัดศิริพล ยอดเมืองเจริญ เข้ามาชี้แจงแทน แต่กระนั้น อุณหภูมิในห้องประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ไม่ได้เย็นลงเลย ผิดกับการประชุมครั้งหลังสุดอย่างลิบลับ ที่เรื่องการระบายพืชผลทางการเกษตรกลับเป็นนิทานหวานเย็นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดย ครม.กลับมีมติให้ดำเนินการตามคำร้องของกระทรวงพาณิชย์ทุกอย่าง เพียงแค่ปรับเพิ่มอำนาจให้กับกรมการค้าต่างประเทศในฐานะประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ระบายสินค้าเกษตรมีบทบาทขึ้นมาแทนองค์การคลังสินค้าที่ให้ทำหน้าที่เพียงเก็บรักษาสต๊อกเท่านั้น ส่วนข้อโต้แย้งของรองนายกฯกอร์ปศักดิ์ก่อนหน้านี้ แทบไม่มีใครให้ความสนใจ แถมยังจะปล่อยให้มีการรับจำนำข้าวเพิ่มขึ้นอีก

กรณีเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า นี่คือการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองระหว่างกัน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมือง ดึงโครงการหนึ่ง เพื่อแลกกับการปล่อยอีกโครงการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือ รองนายกรัฐมนตรีเอง ต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นให้ได้ว่า นี่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องนักการเมืองกันเอง ก่อนหน้านี้เห็นเล่นงิ้วโรงใหญ่ ตีกลองโฉ่งฉ่าง แต่พอตกลงกันได้ เรื่องกลับเงียบกริบ ที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ ก็กลายพันธุ์เป็นเรื่องเล็กน้อยไปหมด

ดังนั้น สิ่งที่นักการเมืองต้องทำทันทีหลังจากการอนุมัติการระบายสินค้าการเกษตรที่ทำให้รัฐขาดทุนอีกไม่รู้กี่หมื่นล้านบาท หรือความเสียหายใด ๆ ที่จะตามมา เช่น กรณีที่มีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้ตีความสัญญาการซื้อขายข้าวกับเอกชนจำนวน 17 ราย ที่เกี่ยวข้องกับข้าวจำนวนถึง 2.6 ล้านตันนั้นมีวัตถุประสงค์เช่นไร เพราะโดยพื้นฐานทางกฎหมายนั้น การที่มีการจัดทำสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยกเลิกสัญญาด้วยเหตุไม่สมควร ฝ่ายนั้นย่อมต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉนั้น ไม่ว่าคำตอบจาสำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นเช่นไร สุดท้ายแล้วภาครัฐก็ต้องเสียเปรียบเอกชนอยู่ดี เพราะหากเลิกสัญญาไม่ได้ ก็ต้องขายในราคาขาดทุน หรือหากเลิกสัญญาได้ ก็คงไม่แคล้วต้องเสียค่าปรับให้เอกชนจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาตัวข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสัญญาอัปยศ ขัดต่อ มติ ครม.อย่างโจ่งแจ้งนั้นมาสอบสวนเอาความผิดให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบทางวินัย หรือ ผ่านคนกลางอย่าง ปปช.ไมใช่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่เช่นทุกวันนี้ เพียงเพราะทำตัวเป็นข้าราชการที่ดี จัดสรรผลประโยชร์ให้กับนักการเมืองอย่างลงตัว ขณะที่ปล่อยให้ประเทศชาติต้องรับกรรมไป
กำลังโหลดความคิดเห็น