เอเอฟพี – เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ขายหุ้นธนาคารบาร์เคลย์แบงก์ของอังกฤษ ออกไปในราคาขาดทุนประมาณ 500-600 ล้านปอนด์ (ราว 28,150 – 33,780 ล้านบาท)
รายงานข่าวในหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ฉบับวานนี้(4) อ้างแหล่งข่าวที่บอกว่า เทมาเส็กได้ขายหุ้นประมาณ 2% ของบาร์เคลย์แบงก์ทิ้งไป ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคมถึงมกราคม อย่างไรก็ตาม ทางเทมาเส็กปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องนี้
“มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเรา ที่พูดถึงข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มาอย่างแน่นอนนี้” ประชาสัมพันธ์ของเทมาเส็กกล่าว
รายงานการขายดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากมีกองทุนเพื่อการลงทุนของทางการอาบูดาบีออกมาบอกเมื่อวันอังคาร (2) ว่าได้ขายหุ้นจำนวนหนึ่งของธนาคารบาร์เคลย์ออกมาโดยทำกำไรได้มหาศาล
เครดีต์ สวิส ซีเคียวริตี้ส์ รายงานว่า กองทุนเพื่อการลงทุนของอาบูดานีที่ชื่อ อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม อินเวสเมนต์ คอมปานี (IPIC) ขายหุ้นบาร์เคลย์ออกไปในราคา 3,500 ล้านปอนด์ และได้รับกำไรจากการครั้งนี้เป็นเงินถึง 1,500 ล้านปอนด์ โดยการถือหุ้นของบาร์เคลย์เพียงแค่ 7 เดือน
IPIC ก็ได้ออกคำแถลงว่า ตนเองได้ขายหุ้นออกไป 1,300 ล้านหุ้นหรือ 13.5% ของหุ้นบาร์เคลย์ และตอนนี้IPIC เหลือหุ้นของบาร์เคลย์อยู่ในราว 5%
เทมาเส็กขายหุ้นของธนาคารอังกฤษแห่งนี้ออกไป ในช่วงเวลาที่หลายคนคิดว่าบาร์เคลย์จะถูกรัฐบาลอังกฤษเข้าควบคุมซึ่งทำให้ราคาหุ้นตกอย่างแรง แต่หลังจากนั้นบาร์เคลย์ก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้
เทมาเส็กและ เดอะ กัฟเวอร์เมนท์ ออฟ สิงคโปร์ อินเวสเมนท์ คอร์ป ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อการลงทุนอีกแห่งหนึ่งของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้เข้าซื้อหุ้นของธนาคารลุสถาบันการเงินโลกตะวันตกเป็นเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วก็ได้แต่มองราคาหุ้นที่ตนเองถือดิ่งลงรุนแรง เนื่องจากวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจโลก
เมื่อเดือนที่แล้ว เทมาเส็กประกาศว่าได้ขายหุ้นของแบงก์ออฟอเมริกาออกไปโดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ ในขณะที่บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าเทมาเส็กน่าจะขาดทุนถึง 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 158,240 ล้านบาท)
โฮชิง ซีอีโอของเทมาเส็ก กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะลดการลงทุนในประเทศตะวันตกลงและเปลี่ยนเป้าหมายมาลงทุนในเอเชียและประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่อย่างเช่น ละตินอเมริกา และรัสเซียแทน
“เนื่องจากเอเชียยังคงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จึงทำให้ความเสี่ยงมีน้อย และเราก็เชื่อมั่นในอนาคตของเอเชียมากขึ้นเรื่อย ๆ” โฮกล่าว
รายงานข่าวในหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ฉบับวานนี้(4) อ้างแหล่งข่าวที่บอกว่า เทมาเส็กได้ขายหุ้นประมาณ 2% ของบาร์เคลย์แบงก์ทิ้งไป ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคมถึงมกราคม อย่างไรก็ตาม ทางเทมาเส็กปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องนี้
“มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเรา ที่พูดถึงข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มาอย่างแน่นอนนี้” ประชาสัมพันธ์ของเทมาเส็กกล่าว
รายงานการขายดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากมีกองทุนเพื่อการลงทุนของทางการอาบูดาบีออกมาบอกเมื่อวันอังคาร (2) ว่าได้ขายหุ้นจำนวนหนึ่งของธนาคารบาร์เคลย์ออกมาโดยทำกำไรได้มหาศาล
เครดีต์ สวิส ซีเคียวริตี้ส์ รายงานว่า กองทุนเพื่อการลงทุนของอาบูดานีที่ชื่อ อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม อินเวสเมนต์ คอมปานี (IPIC) ขายหุ้นบาร์เคลย์ออกไปในราคา 3,500 ล้านปอนด์ และได้รับกำไรจากการครั้งนี้เป็นเงินถึง 1,500 ล้านปอนด์ โดยการถือหุ้นของบาร์เคลย์เพียงแค่ 7 เดือน
IPIC ก็ได้ออกคำแถลงว่า ตนเองได้ขายหุ้นออกไป 1,300 ล้านหุ้นหรือ 13.5% ของหุ้นบาร์เคลย์ และตอนนี้IPIC เหลือหุ้นของบาร์เคลย์อยู่ในราว 5%
เทมาเส็กขายหุ้นของธนาคารอังกฤษแห่งนี้ออกไป ในช่วงเวลาที่หลายคนคิดว่าบาร์เคลย์จะถูกรัฐบาลอังกฤษเข้าควบคุมซึ่งทำให้ราคาหุ้นตกอย่างแรง แต่หลังจากนั้นบาร์เคลย์ก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้
เทมาเส็กและ เดอะ กัฟเวอร์เมนท์ ออฟ สิงคโปร์ อินเวสเมนท์ คอร์ป ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อการลงทุนอีกแห่งหนึ่งของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้เข้าซื้อหุ้นของธนาคารลุสถาบันการเงินโลกตะวันตกเป็นเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วก็ได้แต่มองราคาหุ้นที่ตนเองถือดิ่งลงรุนแรง เนื่องจากวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจโลก
เมื่อเดือนที่แล้ว เทมาเส็กประกาศว่าได้ขายหุ้นของแบงก์ออฟอเมริกาออกไปโดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ ในขณะที่บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าเทมาเส็กน่าจะขาดทุนถึง 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 158,240 ล้านบาท)
โฮชิง ซีอีโอของเทมาเส็ก กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะลดการลงทุนในประเทศตะวันตกลงและเปลี่ยนเป้าหมายมาลงทุนในเอเชียและประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่อย่างเช่น ละตินอเมริกา และรัสเซียแทน
“เนื่องจากเอเชียยังคงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จึงทำให้ความเสี่ยงมีน้อย และเราก็เชื่อมั่นในอนาคตของเอเชียมากขึ้นเรื่อย ๆ” โฮกล่าว
