ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฮอร์ส ชู พอยท์ ยังมั่นใจศักยภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองพัทยา ทุ่มอีก 1.4 พันล้านบาทผุด 2 โครงการบ้านหรูบนเนื้อที่ติดโรงแรมรับกำลังซื้อระดับบน เผยปัจจุบันพัฒนาที่ดินในมือแล้ว 400 ไร่จากพื้นที่รวม 2 พันไร่ ส่วนบ้านหรูเนื้อที่ขาย 1 ไร่ขึ้นราคาเริ่มต้นที่ 17 – 33 ล้าน ขณะที่การดำเนินธุรกิจห้องพักและกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวพบไตรมาสแรกยอดเข้าพักและใช้บริการลดถึง 30% ตั้งเป้าไตรมาส 2 รุกตลาดสัมมนามากขึ้นส่วนการลงทุนเพิ่มต้องชะลอ พร้อมหาวิธีปลูกพืชผักใช้เอง และริเริ่มสวนเกษตรอินทรีย์เพิ่มจุดขายใหม่ในโรงแรม
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอร์ส ชู พอยท์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ต ฮอร์ส ชู พอยท์ โรงเรียนสอนขี่ม้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุทยานสามก๊ก ในเนื้อที่รวม 400 ไร่ เขตอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เผยถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2552ว่า ในส่วนการเข้าพักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวไตรมาสแรกพบมียอดลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาทางการเมืองและผลพวงจากเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้กลุ่มผู้เข้าพักชาวไทยซึ่งเป็นลูกค้าหลักหายไป
แผนตลาดในไตรมาส 2 นอกจากจะหันจับกรุ๊ปสัมมนาทั้งหน่วยงานราชการและกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่โดยรอบมากขึ้นแล้ว ยังจะเพิ่มกิจกรรมทางการกีฬาเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะทำให้ยอดการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวลดลง จนบริษัทฯ ต้องงดแผนลงทุนต่างๆ ในส่วนโรงแรมแต่หันมาให้ความสำคัญกับการประหยัดต้นทุนดำเนินการ รวมทั้งขยายสัดส่วนตลาดสัมมนาให้มากขึ้น และพยายามหาวิธีปลูกพืชเพื่อใช้เอง เช่นเดียวกับการริเริ่มสวนเกษตรอินทรีย์ภายใต้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรในพื้นที่ และใช้กระบวนการรีไซเคิลเพื่อให้ต้นทุนดำเนินการลดลง
ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อมองจากปัจจัยภายนอก ยังมีความมั่นใจว่าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อไป แม้ในช่วงนี้ภาคการลงทุนและการซื้อ- ขายในเมืองพัทยาจะซบเซาไปบ้าง
“เราได้กระโดดเข้ามาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการนำที่ดินจำนวนหนึ่งที่อยู่ติดกับโรงแรมที่มีพื้นที่รวม 400 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมด 2 พันไร่ มาพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรเพื่อจับตลาดระดับบน โดยใช้ชื่อ The Resident ที่มีจำนวนเพียง 25 ยูนิตเท่านั้น โครงการนี้ราคาขายเริ่มต้นจะอยู่ที่ 17 -33 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการชื่อ The Village ที่มีประมาณ 30-40 ยูนิต แต่ราคาขายจะถูกกว่าโครงการแรกประมาณครึ่งหนึ่ง”
นายเจตน์ ยังเผยถึงโครงการ The Resident ว่ารูปแบบของบ้านจะเป็นลักษณะไทยประยุกต์ที่ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบทั้งหมด พื้นที่ต่อหลังสูงสุดจะอยู่ที่ 1 ไร่ ส่วน The Village จับกลุ่มตลาดรองลงมาแต่เน้นรูปแบบบ้านที่สวยงามไม่แพ้กัน โดยมองว่าแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยาจะค่อยๆ กลับมาโตอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ฮอร์ส ชู พอยท์ ถือว่าอยู่ในจุดที่ดีเพราะมีที่ดินของตัวเองโดยเจ้าของโครงการก็คือกลุ่มครอบครัวที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ดังนั้นการลงทุนต่างๆ จึงยังไม่ใช้เงินกู้ แต่ในอนาคตหากมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะต้องใช้เงินกู้
ส่วนการขายใน 2 โครงการพบว่าขณะนี้มียอดขายแล้วถึง 30%โดยโครงการ The Village มีทิศทางตลาดที่ดีมากๆ และสามารถขายได้แล้วถึง 30 หลัง สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ของทั้ง 2 โครงการคือ กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานและทำธุรกิจในเมืองพัทยา