ศูนย์ข่าวศรีราชา – พบโอกาสการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ระยอง ยังมีต่อเนื่อง แม้ปัญหาเศรษฐกิจและการเลิกจ้างในปัจจุบันจะทำให้ทิศทางการซื้อ-ขายในปี 2552 ชะลอตัว โดยโครงการบ้านเดี่ยวในจังหวัดชลบุรีมีมากถึง 40% ของโครงการลงทุนทั้งหมด ขณะที่จังหวัดระยอง มีแนวโน้มการขายโครงการรีสอร์ตและห้องชุดตากอากาศ ที่สดใสกว่าเมืองพัทยา โดยเฉพาะโครงการราคาแพง ชี้เหตุการณ์ซื้อ-ขายในจังหวัดชลบุรี ชะลอตัวเป็นเพราะปัญหาการหดตัวทางการท่องเที่ยวที่มีผลต่อราคาขายโครงการ
เมื่อเร็วๆ นี้บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREAศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดให้มีการสัมมนาในหัวข้อ “โอกาสการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในชลบุรี-ระยอง” ปี 2552 ณ โรงแรมฮอร์สชู พอยท์ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ณ มกราคม 2552 และจังหวัดระยอง ณ พฤษภาคม 2551 โดยมีผู้เกี่ยวข้องในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดระยองและชลบุรีเข้าร่วม
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เผยถึงแนวโน้มที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีปี 2552 ว่า การพัฒนาโครงการส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ใน 3 พื้นที่หลัก คือ อำเภอเมืองชลบุรี บางละมุงและศรีราชา โดยมีกลุ่มราคาอยู่ที่ 1-2.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มราคาที่มีการเสนอขายและมียอดการขายสูงสุด ขณะที่การพัฒนาอาคารชุดจากการสำรวจพบว่าจากจำนวนหน่วยที่อยู่ในผังโครงการ 13,902 หน่วย มีหน่วยที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว (ทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2551) จำนวน 7,948 หน่วย และมีจำนวนหน่วยที่อยู่ระหว่างการขาย 5,954 หน่วย จำนวนที่โอนกรรมสิทธิ์แล้ว 787 หน่วย
ส่วนจังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่สำรวจครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองระยอง บ้านฉาง กิ่งอำเภอนิคมพัฒนา ปลวกแดงและแกลง พบมีจำนวนยูนิต เหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วยขึ้นไป 86 โครงการ รวม 6,413 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร 81 โครงการ รวม 5,976 หน่วย และโครงการอาคารชุดจำนวน 5 โครงการ รวม 437 หน่วย
จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศในจังหวัดชลบุรี และระยอง พบจำนวนโครงการทั้งหมด 426 โครงการ รวม 55,462 หน่วย มูลค่ารวม 169,276 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดชลบุรีถึง 4.7 หมื่นหน่วย และเป็นโครงการบ้านเดี่ยวถึง 40% ระดับราคาขาย 1-2 ล้านต่อหน่วยมีสัดส่วนมากที่สุด ขณะที่เมืองพัทยามีการก่อสร้างรีสอร์ตและคอนโดมิเนียมมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ส่วนพื้นที่จังหวัดระยอง พบอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 64% ขายได้แล้ว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงกว่ากลุ่มอื่นคือบ้านตากอากาศเชิงราบ ราคาเฉลี่ย 11.782 ล้านบาทต่อหน่วย รองลงมาคืออาคารชุดพักอาศัย โดยระยอง มีแนวโน้มการขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 ได้ดีกว่าเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะโครงการราคาแพงที่มีพื้นที่ติดทะเล
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 ของชลบุรีมีทิศทางชะลอตัวเกิดจากสภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดเนื่องจากวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมส่งออกยังไม่กระเตื้องมากนัก ขณะที่ปัจจัยภายนอกที่หมายถึงการท่องเที่ยวที่ลดน้อยลง ก็ทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องลดราคาลงด้วย
สรุปได้ว่า สถานการณ์การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีจะมียอดขายเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 3.1% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เช่นเดียวกับยอดขายโครงการประเภทรีสอร์ต ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนระยอง เฉลี่ยการขายต่อเดือนจะอยู่ที่ 2.7% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด
นายสุรเดช ประจวบศรีรัตน์ ผู้จัดการ ตลาดสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน ให้ความเห็นถึงทิศทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า ยังคงมีอนาคต โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีและระยอง เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว และยังมีนิคมอุตสาหกรรม โดยคาดว่าสถานการณ์การซื้อ-ขายน่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีแต่ก็จะไม่คึกคักดังเช่นหลายปีก่อน อย่างไรก็ดีเมื่อมองแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองพัทยา พบว่าไม่แตกต่างจากภูเก็ตที่ยังมีความต้องการสูง แม้ในช่วงนี้จะเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจไปบ้าง
เช่นเดียวกับนายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ โรงแรมฮอร์สชู พอยท์ บริษัท ฮอร์สชูพอยท์ จำกัด ที่กล่าวว่าหากพิจารณาจากปัจจัยภายนอกแล้วยังพบว่า อสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยา ยังคงไปได้แม้ในช่วงนี้จะหยุดการเติบโตบ้าง โดยในอนาคตการลงทุนจะย้ายจากฝั่งที่มีกิจกรรมทางการท่องเที่ยวมายังฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัว
นายวีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หากสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาดีขึ้นก็จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นด้วย แต่พัทยายังมีปัญหาด้านการจราจร เมื่อมีโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากก็ยิ่งเกิดปัญหา ขณะนี้เมืองพัทยาจึงมีโครงการที่จะพัฒนาระบบถนนในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการศึกษาโครงการรถไฟฟ้าใน 2 เส้นทางเพื่อลดปัญหาการใช้รถยนต์