ASTVผู้จัดการรายวัน - รมว.คลังมอบหมายบอร์ด กบข.สรรหาเลขาฯ ใหม่ เผยคุณสมบัตินอกจากรอบรู้งานกองทุนฯ ต้องเก่งประสานงานสมาชิกที่มีหลากหลายอาชีพทั้งทหาร ตำรวจและครู "สถิตย์" พร้อมเข้าร่วมถกบอร์ด 8 มิ.ย.นี้ ลั่นวางทิศทางอนาคตและต้องพูดคุยแจ้งข่าวสมาชิกมากขึ้นเร็วขึ้น ป.ป.ท.ส่ง 10 ประเด็นสงสัยให้ "วิสิฐ" เตรียมตัวชี้แจง ด้านบอร์ดสรุปผลสอบคณะกรรมการเฉพาะกิจ ยืนยัน ผลขาดทุน เกิดจากผลพวงวิกฤติเศรษฐกิจโลก
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการการสรรหาเลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แทนนายวิสิฐ ตันติสุนทร ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วว่า ได้มอบหมายให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กบข.เป็นผู้ดำเนินการสรรหาตามระเบียบองค์กร โดยเห็นว่าบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวนั้น นอกจากจะเป็นผู้มีความรอบรู้ด้านการลงทุนในตลาดทุนแล้ว จะต้องมีทักษะในการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ทำความเข้าใจกับสมาชิก กบข.ได้ เพราะมีสมาชิกเป็นล้านคน มีข้าราชการที่หลากหลายอาชีพทั้งครู ทหาร ตำรวจ
"ต้องไม่ใช่แค่คนที่บริหารกองทุนเท่านั้น แต่ต้องมีความสามารถในแง่การประสานงาน แต่ขณะนี้ไม่ได้มีการเจาะจงว่าต้องเป็นุบคคลใด ไม่มีการตั้งธง การสรรหาอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" รมว.คลังกล่าวและว่า การตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นของนายวิสิฐนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว เพื่อพิจารณาความผิดที่อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
"พนักงานองค์กรแบบนี้จะมาซื้อขายหุ้น ทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้ ดูแล้วแม้ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดวินัย ตอนนี้ใครจะพูดจะทำอะไรต้องระวัง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน" นายกรณ์กล่าว
***"สถิตย์" ร่วมประชุมบอร์ด กบข.
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในวันที่ 8 มิถุนายน 2552 นี้ ในฐานะที่ปลัดกระทรวงการคลังทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ กบข. โดยจะเข้าไปวางนโยบายทิศทางการเดินหน้าต่อไปในอนาคต ตนมองว่าระบบการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว มีกรอบดูแลความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว แต่ต้องเข้าใจว่าการลงทุนก็มีระยะเวลาขึ้นลง ซึ่งความเสียหายที่ผ่านมาก็เป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงิน กองทุนทุกกองทุนก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน แต่ความรวดเร็วในการสื่อสารให้สมาชิกทราบและเข้าใจถึงเรื่องเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการเปิดโอกาสให้สมาชิกรับทราบแนวทางการดำเนินงานกองทุนให้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมากองทุนมีการแจ้งข้อมูลให้กับสมาชิกรับทราบนั้นน้อยมาก
"แม้ว่าการลงทุนในด้านต่างๆ บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ แต่หลังจากนี้ การลงทุนก็จะต้องมีกระบวนการอธิบายให้ชัดเจน โปร่งใส ทั่วถึง ทันเวลา และเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา" นายสถิตย์กล่าว
สำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ขอความร่วมมือให้ กบข.ไปให้ข้อมูลนั้น ก็ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะการตรวจสอบโดยหน่วยงานอิสระ จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่สมาชิกกองทุนเสนอให้ลดสัดส่วนเงินสมทบเข้ากองทุนก็ต้องนำไปวิเคราะห์ให้ชัดเจน รวมถึงดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
***ป.ป.ท.ส่งประเด็นให้ "วิสิฐ" แจง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า วานนี้ (4มิ.ย.) ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดทำงานตรวจสอบการทำงานของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อแบ่งประเด็นการสอบสวขยายผลเชิงลึก ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ตั้งประเด็นไว้ จากนั้นจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกบข. เพื่อกำหนดวัน ที่พร้อมจะเข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ท. นอกจากนี้ ป.ป.ท.จะทำหนังสือระบุประเด็นให้นายวิสิฐ ชี้แจง 10 ประเด็น โดยจะแยกประเด็นกับคณะกรรมการหรือบอร์ด กบข. สำหรับประเด็นสงสัย คือ การซื้อขายหุ้นยานภัณฑ์ การชื้อขายหุ้นดักหน้าดักหลัง การออกระเบียบการลงทุน และอื่นๆ อย่างไรก็ตามประเด็นการสอบถามในส่วนของนายวิสิฐอาจจะมากกว่าคณะกรรมการคนอื่น เนื่องจากนายวิสิฐเป็นทั้งบอร์ดและเลขาธิการ กบข.
"ป.ป.ท.พร้อมที่จะรับฟังคำชี้แจงจากนายวิสิฐ ส่วนการส่งประเด็นข้อสงสัยไปให้ทั้งบอร์ด และนายวิสิฐ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าถูก ป.ป.ท.เอาเปรียบ และสามารถเตรียมตัวและนำข้อมูลมาชี้แจงได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่มาชี้แจงแบบเลื่อนลอย หลังจากนี้คงต้องรอนายวิสิฐ ว่าสะดวกจะเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. วันใด ส่วนบอร์ดสามารถเข้าชี้แจงได้ทุกวันทำการทางราชการตามแต่สะดวก" นายธาริตกล่าว
***บอร์ด กบข.โต้อนุฯ ลงทุนไม่ผิด
แหล่งข่าวบอร์ด กบข.กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการลงทุนของ กบข.หลายคณะเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน โดยบอร์ดใหญ่จะตั้งบอร์ดลงทุนขึ้นมาหลายชุดและมีที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในตลาดเงินตลาดทุนเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยบอร์ดใหญ่จะกำหนดทิศทางและกรอบการบริหารงานภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้และให้รายงานต่อที่ประชุมบอร์ดใหญ่ถึงผลการดำเนินงานเดือนละครั้ง
“บอร์ดใหญ่สามารถเรียกบอร์ดลงทุนแต่ละชุดเข้ามารายงานผลการลงทุนได้ตลอดเวลาหากเห็นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แต่ส่วนมากจะมีการเข้ามารายงานผลให้ทราบเดือนละครั้ง ซึ่งการลงทุนในลักษณะดังกล่าวก็สอดคล้องกันกับระเบียบปฏิบัติของ กบข. แต่ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้นจากการสอบสวนของคณะกรรมการที่มีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธานก็ระบุชัดเจนแล้วว่าการขาดทุนเป็นการขาดทุนตามมูลค่าหุ้นที่ลดลงเนื่องจากผลของวิกฤตเศรษฐกิจตัวเลขที่ออกมาจึงเป็นเพียงการรับรู้มูลค่าหุ้น ณ สิ้นปีเท่านั้น” แหล่งข่าวบอร์ด กบข.โต้กรณีที่ ป.ป.ท.กล่าวหา
***ชี้ "วิสิฐ" ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง
ส่วนการซื้อและขายหุ้นของนายวิสิฐ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรถือว่าเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวจากการนำข้อมูลภายใน (อินไซด์) มาสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ไม่มีธรรมาภิบาล ในการประชุมในวันที่ 8 มิ.ย.นี้เพื่อรับทราบการลาออกของนายวิสิฐตามที่มีการยื่นใบลาออกต่อประธานบอร์ด กบข. ความผิดที่เกิดขึ้นในระดับผู้บริหารสูงสุดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เมื่อตรวจสอบบทลงโทษทางวินัยของ กบข.เองก็เพียงการเลิกจ้างและงดจ่ายค่าตอบแทนเท่านั้น แต่กรณีนี้นายวิสิฐยื่นใบลาออกเองก็ไม่ต้องเสียเวลามาสอบสวนทางวินัยและจะดำเนินการสรรหาเลขาธิการ กบข.คนใหม่ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนความผิดอื่นๆ ก็ให้หน่วยงานตรวจสอบที่เป็นองค์กรอิสระสอบสวนเอาผิดตามกฎหมายต่อไป.
**-บอร์ดเฉพาะกิจฯแจงขาดทุนตามตลาด
นางวชิรา ณ ระนอง รองเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ( กบข. ) เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. ที่มีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธานว่า การดำเนินงานของ กบข.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริหารจัดการกองทุน กบข.ในปี 2551 เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกตามแนวทางการดูแลเงินออมเพื่อการเกษียณอายุราชการของสมาชิกที่เป็นข้าราชการประเภทต่างๆ แล้ว
สำหรับผลประกอบการที่ขาดทุนในปี 2551 นั้น มีสาเหตุเกิดจากผลกระทบของวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ส่วนผลการตรวจสอบกรณีการลงทุนในบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ของ กบข.นั้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ได้พิจารณาแล้วว่า การลงทุนในบริษัทดังกล่าว ได้มีการขออนุมัติลงทุนซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบด้านการลงทุนของ กบข. ทุกประการ โดยไม่มีประเด็นเรื่องการดำเนินการที่ผิดกฎหมายหรือระเบียบ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การให้สัตยาบันในการลงทุนหุ้นดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา ซึ่งกบข.สามารถกระทำได้ตามที่กฎหมายและระเบียบด้านการลงทุนได้กำหนดไว้ เนื่องจากได้มีการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการจัดการลงทุน และได้รายงานให้คณะกรรมการ กบข.ทราบในทันที
นางวชิราได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กบข. ได้ดำเนินการบริหารเงินลงทุนในด้านต่างๆ ถูกต้องตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งตามพระราชบัญญัติ กบข. ได้ระบุให้คณะกรรมการสามารถมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการจัดการลงทุน ซึ่งมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นประธาน ตัดสินใจลงทุนแทนได้ภายในวงเงินและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ส่วนการออกกฎกระทรวงด้านการลงทุนก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดย กบข.นำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาก่อนที่กระทรวงการคลังจะนำร่างดังกล่าวขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี อีกทั้งยังผ่านการกลั่นกรองของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามประกาศใช้อีกด้วย
ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่พนักงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กบข.ว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน พ.ศ. 2546 จำนวน 153 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นางวชิรากล่าวว่า ตามระเบียบแล้วพนักงานจำนวนดังกล่าวเป็นพนักงานที่จะต้องขออนุญาตต่อฝ่ายธรรมาภิบาลก่อนทำการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงาน มิได้หมายความว่าพนักงานดังกล่าวเป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ จากการพิจารณาในเบื้องต้นพบว่าอาจมีพนักงานบางคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวในเรื่องของการรายงานและการขออนุญาต แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ตัดหน้ากองทุน กบข. หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ในทิศทางตรงกันข้ามกับการลงทุนของ กบข. แต่อย่างใด ซึ่ง กบข.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตรวจสอบตามข้อบังคับคณะกรรมการ กบข. ว่าด้วยการพนักงาน พ.ศ.2545 และจะได้รายงานคณะกรรมการ กบข. ต่อไป
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการการสรรหาเลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แทนนายวิสิฐ ตันติสุนทร ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้วว่า ได้มอบหมายให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กบข.เป็นผู้ดำเนินการสรรหาตามระเบียบองค์กร โดยเห็นว่าบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวนั้น นอกจากจะเป็นผู้มีความรอบรู้ด้านการลงทุนในตลาดทุนแล้ว จะต้องมีทักษะในการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ทำความเข้าใจกับสมาชิก กบข.ได้ เพราะมีสมาชิกเป็นล้านคน มีข้าราชการที่หลากหลายอาชีพทั้งครู ทหาร ตำรวจ
"ต้องไม่ใช่แค่คนที่บริหารกองทุนเท่านั้น แต่ต้องมีความสามารถในแง่การประสานงาน แต่ขณะนี้ไม่ได้มีการเจาะจงว่าต้องเป็นุบคคลใด ไม่มีการตั้งธง การสรรหาอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" รมว.คลังกล่าวและว่า การตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นของนายวิสิฐนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว เพื่อพิจารณาความผิดที่อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
"พนักงานองค์กรแบบนี้จะมาซื้อขายหุ้น ทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้ ดูแล้วแม้ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดวินัย ตอนนี้ใครจะพูดจะทำอะไรต้องระวัง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน" นายกรณ์กล่าว
***"สถิตย์" ร่วมประชุมบอร์ด กบข.
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในวันที่ 8 มิถุนายน 2552 นี้ ในฐานะที่ปลัดกระทรวงการคลังทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ กบข. โดยจะเข้าไปวางนโยบายทิศทางการเดินหน้าต่อไปในอนาคต ตนมองว่าระบบการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว มีกรอบดูแลความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว แต่ต้องเข้าใจว่าการลงทุนก็มีระยะเวลาขึ้นลง ซึ่งความเสียหายที่ผ่านมาก็เป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงิน กองทุนทุกกองทุนก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน แต่ความรวดเร็วในการสื่อสารให้สมาชิกทราบและเข้าใจถึงเรื่องเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการเปิดโอกาสให้สมาชิกรับทราบแนวทางการดำเนินงานกองทุนให้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมากองทุนมีการแจ้งข้อมูลให้กับสมาชิกรับทราบนั้นน้อยมาก
"แม้ว่าการลงทุนในด้านต่างๆ บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ แต่หลังจากนี้ การลงทุนก็จะต้องมีกระบวนการอธิบายให้ชัดเจน โปร่งใส ทั่วถึง ทันเวลา และเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา" นายสถิตย์กล่าว
สำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ขอความร่วมมือให้ กบข.ไปให้ข้อมูลนั้น ก็ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะการตรวจสอบโดยหน่วยงานอิสระ จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่สมาชิกกองทุนเสนอให้ลดสัดส่วนเงินสมทบเข้ากองทุนก็ต้องนำไปวิเคราะห์ให้ชัดเจน รวมถึงดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
***ป.ป.ท.ส่งประเด็นให้ "วิสิฐ" แจง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า วานนี้ (4มิ.ย.) ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดทำงานตรวจสอบการทำงานของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อแบ่งประเด็นการสอบสวขยายผลเชิงลึก ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ตั้งประเด็นไว้ จากนั้นจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกบข. เพื่อกำหนดวัน ที่พร้อมจะเข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ท. นอกจากนี้ ป.ป.ท.จะทำหนังสือระบุประเด็นให้นายวิสิฐ ชี้แจง 10 ประเด็น โดยจะแยกประเด็นกับคณะกรรมการหรือบอร์ด กบข. สำหรับประเด็นสงสัย คือ การซื้อขายหุ้นยานภัณฑ์ การชื้อขายหุ้นดักหน้าดักหลัง การออกระเบียบการลงทุน และอื่นๆ อย่างไรก็ตามประเด็นการสอบถามในส่วนของนายวิสิฐอาจจะมากกว่าคณะกรรมการคนอื่น เนื่องจากนายวิสิฐเป็นทั้งบอร์ดและเลขาธิการ กบข.
"ป.ป.ท.พร้อมที่จะรับฟังคำชี้แจงจากนายวิสิฐ ส่วนการส่งประเด็นข้อสงสัยไปให้ทั้งบอร์ด และนายวิสิฐ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าถูก ป.ป.ท.เอาเปรียบ และสามารถเตรียมตัวและนำข้อมูลมาชี้แจงได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่มาชี้แจงแบบเลื่อนลอย หลังจากนี้คงต้องรอนายวิสิฐ ว่าสะดวกจะเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. วันใด ส่วนบอร์ดสามารถเข้าชี้แจงได้ทุกวันทำการทางราชการตามแต่สะดวก" นายธาริตกล่าว
***บอร์ด กบข.โต้อนุฯ ลงทุนไม่ผิด
แหล่งข่าวบอร์ด กบข.กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการลงทุนของ กบข.หลายคณะเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน โดยบอร์ดใหญ่จะตั้งบอร์ดลงทุนขึ้นมาหลายชุดและมีที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในตลาดเงินตลาดทุนเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยบอร์ดใหญ่จะกำหนดทิศทางและกรอบการบริหารงานภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้และให้รายงานต่อที่ประชุมบอร์ดใหญ่ถึงผลการดำเนินงานเดือนละครั้ง
“บอร์ดใหญ่สามารถเรียกบอร์ดลงทุนแต่ละชุดเข้ามารายงานผลการลงทุนได้ตลอดเวลาหากเห็นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แต่ส่วนมากจะมีการเข้ามารายงานผลให้ทราบเดือนละครั้ง ซึ่งการลงทุนในลักษณะดังกล่าวก็สอดคล้องกันกับระเบียบปฏิบัติของ กบข. แต่ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้นจากการสอบสวนของคณะกรรมการที่มีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธานก็ระบุชัดเจนแล้วว่าการขาดทุนเป็นการขาดทุนตามมูลค่าหุ้นที่ลดลงเนื่องจากผลของวิกฤตเศรษฐกิจตัวเลขที่ออกมาจึงเป็นเพียงการรับรู้มูลค่าหุ้น ณ สิ้นปีเท่านั้น” แหล่งข่าวบอร์ด กบข.โต้กรณีที่ ป.ป.ท.กล่าวหา
***ชี้ "วิสิฐ" ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง
ส่วนการซื้อและขายหุ้นของนายวิสิฐ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรถือว่าเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวจากการนำข้อมูลภายใน (อินไซด์) มาสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ไม่มีธรรมาภิบาล ในการประชุมในวันที่ 8 มิ.ย.นี้เพื่อรับทราบการลาออกของนายวิสิฐตามที่มีการยื่นใบลาออกต่อประธานบอร์ด กบข. ความผิดที่เกิดขึ้นในระดับผู้บริหารสูงสุดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เมื่อตรวจสอบบทลงโทษทางวินัยของ กบข.เองก็เพียงการเลิกจ้างและงดจ่ายค่าตอบแทนเท่านั้น แต่กรณีนี้นายวิสิฐยื่นใบลาออกเองก็ไม่ต้องเสียเวลามาสอบสวนทางวินัยและจะดำเนินการสรรหาเลขาธิการ กบข.คนใหม่ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนความผิดอื่นๆ ก็ให้หน่วยงานตรวจสอบที่เป็นองค์กรอิสระสอบสวนเอาผิดตามกฎหมายต่อไป.
**-บอร์ดเฉพาะกิจฯแจงขาดทุนตามตลาด
นางวชิรา ณ ระนอง รองเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ( กบข. ) เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. ที่มีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธานว่า การดำเนินงานของ กบข.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริหารจัดการกองทุน กบข.ในปี 2551 เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกตามแนวทางการดูแลเงินออมเพื่อการเกษียณอายุราชการของสมาชิกที่เป็นข้าราชการประเภทต่างๆ แล้ว
สำหรับผลประกอบการที่ขาดทุนในปี 2551 นั้น มีสาเหตุเกิดจากผลกระทบของวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ส่วนผลการตรวจสอบกรณีการลงทุนในบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ของ กบข.นั้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ได้พิจารณาแล้วว่า การลงทุนในบริษัทดังกล่าว ได้มีการขออนุมัติลงทุนซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบด้านการลงทุนของ กบข. ทุกประการ โดยไม่มีประเด็นเรื่องการดำเนินการที่ผิดกฎหมายหรือระเบียบ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การให้สัตยาบันในการลงทุนหุ้นดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา ซึ่งกบข.สามารถกระทำได้ตามที่กฎหมายและระเบียบด้านการลงทุนได้กำหนดไว้ เนื่องจากได้มีการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการจัดการลงทุน และได้รายงานให้คณะกรรมการ กบข.ทราบในทันที
นางวชิราได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กบข. ได้ดำเนินการบริหารเงินลงทุนในด้านต่างๆ ถูกต้องตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งตามพระราชบัญญัติ กบข. ได้ระบุให้คณะกรรมการสามารถมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการจัดการลงทุน ซึ่งมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นประธาน ตัดสินใจลงทุนแทนได้ภายในวงเงินและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ส่วนการออกกฎกระทรวงด้านการลงทุนก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดย กบข.นำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาก่อนที่กระทรวงการคลังจะนำร่างดังกล่าวขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี อีกทั้งยังผ่านการกลั่นกรองของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามประกาศใช้อีกด้วย
ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่พนักงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กบข.ว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน พ.ศ. 2546 จำนวน 153 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นางวชิรากล่าวว่า ตามระเบียบแล้วพนักงานจำนวนดังกล่าวเป็นพนักงานที่จะต้องขออนุญาตต่อฝ่ายธรรมาภิบาลก่อนทำการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงาน มิได้หมายความว่าพนักงานดังกล่าวเป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ จากการพิจารณาในเบื้องต้นพบว่าอาจมีพนักงานบางคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวในเรื่องของการรายงานและการขออนุญาต แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ตัดหน้ากองทุน กบข. หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ในทิศทางตรงกันข้ามกับการลงทุนของ กบข. แต่อย่างใด ซึ่ง กบข.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตรวจสอบตามข้อบังคับคณะกรรมการ กบข. ว่าด้วยการพนักงาน พ.ศ.2545 และจะได้รายงานคณะกรรมการ กบข. ต่อไป
