ปิดตำนานฉาว กบข.“วิสิฐ” ประกาศทิ้งเก้าอี้เลขาธิการแล้ว

เผ่นดีกว่า! “วิสิฐ ตันติสุนทร” ประกาศยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาฯ กบข.แล้ววันนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวการบริหารผิดพลาดจนขาดทุนอย่างหนัก เกิดความเสียหายต่อเงินออมของสมาชิก และการทุจริตแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งของตนเอง เจ้าตัวเปิดใจ ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยัน ไม่มีเจตนาหาผลประโยชน์ สะพัดเหตุไขก๊อกหนี "พีระพันธ์" ลงดาบเชือด

มีรายงานข่าวว่า นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ กบข.ต่อประธานคณะกรรมการ กบข.แล้ว เพื่อแสดงความเสียใจและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนากระทำผิดหรือจะหาประโยชน์จาก กบข.แต่อย่างใด

นายวิสิฐ เปิดเผยว่า การแสดงความจำนงและยื่นใบลาออกจากตำแหน่งในครั้งนี้ ถือเป็นความปรารถนาอย่างบริสุทธ์ใจอย่างแท้จริงที่จะแสดงความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขออภัยมายังสมาชิก กบข.ที่ทำให้กรณีดังกล่าวอาจจะกระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อ กบข.พร้อมกับขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ให้ความร่วมมือกับ กบข.ในการทำงานร่วมกันเป็นเวลาเกือบ 8 ปีเต็ม

รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า การยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ กบข.ลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น จากการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข.ที่มี นายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธานกรรมการ และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้แทนสมาชิกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากสมาชิกกองทุน กบข.สงสัยต่อผลขาดทุนของกองทุนในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่เกิดการจากการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นในพอร์ตส่วนตัวของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ระบุว่า เลขาธิการ กบข.มีการซื้อขายหุ้นในพอร์ตส่วนตัว ในลักษณะเป็นการซื้อตัดหน้า กบข.หรือเข้าซื้อขายหุ้นก่อนหน้า กบข.ไม่กี่วัน หรือบางตัวได้เข้าไปซื้อขายหุ้นในวันเดียวกัน

รายงานข่าวจากจากกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ในวันที่ 3 มิถุนายน 2552 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม จะประชุมร่วมกับ ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อพิจารณา ส่งเรื่องกบข.ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตามกฎหมาย นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุอีกว่า กบข. จะเรียกประชุมคณะกรรมการด่วน ในวันที่ 4 มิถุนายน 2552 นี้ด้วยเช่นกัน

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจจะตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. ที่มีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธาน ได้สรุปรายงานการตรวจสอบว่าในการสุ่มตรวจการซื้อหลักทรัพย์ 60 รายการ พบว่ามีหลักทรัพย์ 8 รายการ ที่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กบข. 153 คน ที่เข้าไปซื้อก่อนหน้าที่ กบข.จะเข้าซื้อหุ้นและขายหุ้นออกก่อน กบข. และกระทำผิดระเบียบของหน่วยงาน หนึ่งในนั้น คือ นายวิสิฐ นั่นเอง

ดังนั้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ จึงได้ให้ฝ่ายธรรมาภิบาล กบข.ตรวจสอบ และจัดทำข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของนายวิสิฐ พบว่ามีการซื้อขายจำนวนสูงและมีความถี่ในการซื้อขายมาก และหลักทรัพย์ที่นายวิสิฐมีการซื้อขายอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม ซึ่งต้องรายงานและขออนุญาตตามประกาศหลักเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับพนักงาน

ก่อนหน้านี้ นายวิสิฐ ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ โดยยืนยันว่า ประกาศดังกล่าวได้แยกจรรยาบรรณของพนักงานและเลขาธิการไว้ นายวิสิฐเข้าใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นพนักงาน จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ และเข้าใจว่าต้องรายงานเฉพาะรายไตรมาสเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายธรรมาภิบาลก็ไม่เคยแจ้งให้ทราบ

สำหรับหุ้นที่นายวิสิฐได้เข้าไปซื้อขายประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์ซีพี จำกัด (มหาชน) บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้เฮ้าส์