xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียว6แนวทางฟื้นรสก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.เห็นชอบ 6 แแนวทางพลิกฟื้น-บริหารรัฐวิสาหกิจที่ กนร.เสนอ โดยเร่งรัดการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจยังขาดอยู่ รวมถึงเร่งรับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าทั้งการนำส่งรายได้และเบิกจ่ายเงินลงทุน รวมถึงแผนฟื้นฟูการรถไฟให้จัดตั้งบ.ลูกภายใน 30 วัน-เปิดดำเนินการภายใน 180 วัน ให้ภาครัฐรับภาระค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนก่อน และจะชำระคืนเงินต้น-ดอกเบี้ยภายหลัง

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ(กนร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบหลักการตามที่คณะกรรมการ กนร. เสนอมา ทั้ง 6 เรื่อง ได้แก่ 1. เรื่องกรอบทิศทางแนวนโยบายผู้ถือหุ้นภาครัฐที่มีต่อรัฐวิสาหกิจ (SOD) เพื่อใช้เป็นกรอบการกำหนดทิศทางของรัฐวิสาหกิจในระยะปานกลาง โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทั้ง 9 สาขา จำนวน 55 แห่ง 2. เรื่องสถานะของการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจหรือ CEO ที่ขณะนี้ขาดผู้บริหารสูงสุดอยู่จำนวน 11 แห่ง ได้กำกับกำชับให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจอยู่ช่วยเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดดำเนินการสรรหาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

3. เรื่องการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ (CG) ปี 2544 โดยเทียบเคียงกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจของ OECD ปี 2548 (OECD Guidelines on Corporate Governance of State-Owned Enterprises 2005) และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2549 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้มีการกำกับดูแลที่ชัดเจน 4. เรื่องการรายงานสถานะของรัฐวิสาหกิจ โดย กนร.มีมติให้กระทรวงเจ้าสังกัด และคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงในเรื่องของการนำส่งรายได้ และเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้ รวมทั้งในเรื่องของการพิจารณาโครงการลงทุนเพิ่มเติมระหว่างปีเพื่อเป็นการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของประเทศ 5. การจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจสาขาพลังงาน ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและมีทิศทางที่เหมาะสมในการดำเนินงาน

และ 6. เรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มการขนส่งทางราง ซึ่งมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำกว่าการขนส่งทางอื่น จึงได้เห็นชอบให้ร.ฟ.ท.ปรับโครงสร้างโดยให้ ร.ฟ.ท. จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมา 2 บริษัท คือบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สินแยกจาก รฟท. โดยให้ รฟท.ถือหุ้น 100% และดำเนินการจัดตั้งบริษัททั้ง 2 ภายใน 30 วัน นับแต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ และให้เริ่มดำเนินการได้ภายใน 180 วัน โดยให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เป็นเพียงผู้จัดหาเอกชนเข้าพัฒนาที่ดินและบริหารสัญญาเท่านั้น

นอกจากนี้ ให้ภาครัฐรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพิจารณาในการแก้ไขภาระหนี้สิน โดยใช้รายได้ของ ร.ฟ.ท. และบริษัทลูกที่จะหาได้ในอนาคตจ่ายคืนและดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังช่วยเหลือ รวมถึงการเพิ่มบทบาทให้กับเอกชนในกิจการของ ร.ฟ.ท. ซึ่งผลที่จะได้จากการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ภายใน 6 ปี จำนวนขบวนรถที่วิ่งบนรางเพิ่มขึ้น 100% ปริมาณในการขนส่งโดยสารเพิ่ม 25% และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 100% พร้อมทั้งจะมีรายได้จากการบริหารสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 11,000 ล้านบาท ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า

ส่วนในเรื่องของแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ไอซีที) ไปดำเนินการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกฎหมายระหว่าง บมจ.ทีโอทีกับเอกชน พิจารณาในการให้สัญญาร่วมการงานระหว่าง บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท กับเอกชน เป็นไปตามกระบวนการของ พรบ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 พิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ของ บมจ.ทีโอที และโครงการ CDMA ของ บมจ. กสท ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการวางกรอบการลงทุนในอนาคตของทั้งสองบริษัทให้ชัดเจนไม่ซับซ้อนกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น