xs
xsm
sm
md
lg

อีลิทจ่อเลิกสัญญาทาสเอไอทีหั่นงบ53%-ลดสิทธิ์พิเศษสมาชิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – บอร์ดอีลิท เฉือนเนื้อรักษาชีวิต หั่นงบค่าใช้จ่ายประจำปี 2552 ลง 53% เหลือ 210 ล้านบาท อ้างให้องค์กรมีเงินเดินต่อไปได้อีก 2 ปี จากวงเงินสดที่คงเหลือ 505 ล้านบาท พร้อมสั่งคณะกรรมการพิจารณาด้านกฎหมาย เร่งศึกษาการลดสิทธิประโยชน์สมาชิก ยกเลิกสัญญาว่าจ้าง บริษัทแอดวานซ์ฯ และบอกเลิกสัญญากับสมาชิกที่คุณสมบัติไม่เข้าหลักเกณฑ์ คาดภายใน 2 เดือน ส่งแนวทางเลือกเสนอ “ชุมพล” ตัดสินใจยุบ-ไม่ยุบได้
 
นายธงชัย ศรีดามา ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องการปรับลดงบค่าใช้จ่ายประจำปี 2552 ของทีพีซี ลง 53% จากวง 541 ล้านบาท แบ่งเป็นงบรายจ่ายประจำ 425 ล้านบาท และ งบผูกพัน 115 ล้านบาท ให้ปรับลดเหลือ 210 ล้านบาท แบ่งเป็น งบรายจ่ายประจำ 206 ล้านบาท และงบผูกพันธ์ 3.7 ล้านบาท ซึ่งงบรายจ่ายประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายเพื่อการให้บริการสมาชิก รวมถึงค่าบริหารจัดการภายในองค์กร ส่วนงบผูกพัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของงบลงทุนต่างๆ ซึ่งขณะนี้บอร์ดมีมติให้ยกเลิกโครงการทั้งหมด
 ***พบพิรุธสัญญาเสียเปรียบ
ทั้งนี้ยังได้ให้คณะกรรมการพิจารณาด้านกฎหมาย ไปศึกษาแนวทางการขอยกเลิกสัญญากับบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอที รวมวงเงิน 77 ล้านบาท แบ่งเป็น สัญญาเช่าระบบ 28.75 ล้านบาท และสัญญาสำนักงานอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเรื่องของการวางระบบไอที อีกจำนวน 48.55 ล้านบาท โดยสัญญาดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอวางเงินมัดจำ ซึ่ง ทีพีซีได้ชะลอการจ่ายไว้ เพราะขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบองค์กร และเป็นคำสั่งจาก นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ระบุว่า ไม่ให้ทีพีซีทำธุรกิจใดๆทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่ทำแล้วจะมีผลต่อเนื่องไปในอนาคตและเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ให้ยุติทั้งหมด
 “ตามที่ได้อ่านสัญญาที่ทีพีซีทำไว้กับบริษัท แอ็ดวานซ์ฯ พบว่าเป็นสัญญาที่ทีพีซีเสียเปรียบเพียงฝ่ายเดียว แต่คู่สัญญาได้เปรียบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผิดสัญญาจ่ายเงิน การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และดอกเบี้ยปรับ และอีกหลายๆประเด็น ที่พบว่าเป็นการเสียเปรียบแบบไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งสัญญานี้ได้ดำเนินการช่วงผู้บริหารชุดที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจะให้ฝ่ายกฎหมายของทีพีซีไปเจรจากับบริษัท แอดวานซ์ โดยชี้ช่องความผิดปกติให้เขาเห็นตรงกันแต่ถ้าเขายังยืนยันตามสัญญาและหากมีการฟ้องร้อง เราก็จะฟ้องร้องด้วยเช่นกัน”
**ลดสิทธิประโยชน์ทำเทวดาตกสวรรค์
นอกจากนั้น ยังมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาด้านกฎหมาย ไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดสิทธิประโยชน์ที่ให้แก่สมาชิก โดยจำกัดจำนวนครั้งในการใช้บริการต่อปี จากเดิมที่สมาชิกบัตรที่ทำในยุคแรกๆ จะไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้บริการ และยกเลิกบริการที่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา เช่น บริการตรวจเช็คสุขภาพ คงเหลือไว้เพียง บริการ กอล์ฟ สปา และรถลีมูซีนรับ-ส่งที่สนามบิน ล่าสุดลดสเปครถลีมูซีนจาก BMW ซีรี่ย์ 7 เป็นโตโยต้า คัมรี่
 **เล็งบอกเลิกสมาชิกที่ไม่เข้าเกณฑ์
นายธงชัย กล่าวอีกว่า ยังให้ฝ่ายกฎหมายทีพีซี ไปตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด ที่มีอยู่ทั้งหมดขณะนี้ 2,570 คน ว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ให้ดำเนินการขอยกเลิกสถานภาพการเป็นสมาชิกทันที เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีสมาชิกหลายราย ที่คุณสมบัติไม่ตรง เช่น เป็นต่างชาติแต่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย เพราะได้แต่งงานจดทะเบียนกับคนไทย ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทเอ็กซ์แพค หรือ ชาวต่างชาติที่ทำในประเทศไทย เป็นต้น
 ****เชื่อ 2 เดือนเสนอ“ชุมพล”ฟันธงได้********
อย่างไรก็ตามทีพีซีจะต้องสรุปการดำเนินงานทั้งหมดดังกล่าวให้บอร์ดททท.ได้รับทราบจากนั้นจะต้องจัดทำแนวทางเลือกเสนอแก่ นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯภายใน 2 เดือนนับจากนี้ เพื่อตัดสินใจ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ซึ่งทีพีซีจะต้องเสนอหลายแนวทางพร้อมเหตุผลเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินกิจการต่อไปหรือไม่อย่างไร เบื้องต้นมั่นใจว่ามีมากกว่า 3 แนวทาง ที่เคยเสนอไปว่า 1.หาเอกชนมาร่วมทุน 2.ดำเนินกิจการต่อภายใต้การปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด และ 3. คือ ยกเลิกกิจการของทีพีซีพร้อมจ่ายค่าชดเชย
โดยแนวทางที่เพิ่มขึ้นมานั้น เช่น การฟรีซองค์กรด้วยการลดขนาดบริษัท ยุติการหาสมาชิกใหม่ ลดสิทธิประโยชน์เหลือไว้เท่าที่จำเป็นที่ระบุในสัญญา โดยอาจจะดำเนินการในรูปบริษัทต่อไป หรือ ย้ายเข้าไปเป็นฝ่ายหนึ่งที่อยู่ใน ททท. พร้อมกันนี้บริษัทต้องทำการหารายได้เพิ่มเพื่อใช้บริหารจัดการสมาชิกโดยต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่พึ่งงบประมาณจากรัฐบาลอีกต่อไป
 **หั่นงบต่ออายุองค์กรอีก 2 ปี
ทางด้านนายอุดม เมธาธำรงศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 ททท.ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ ทีพีซี กล่าวว่า ทีพีซีมีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดค่าใช้จ่าย เหลือไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้องค์กรยังอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่สามารรถทำธุรกรรมเพื่อหาร่ายได้เพิ่มเข้ามาได้ ซึ่งขณะนี้ทีพีซีมีเงินสดคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 51 เพียง 505 ล้านบาท หากไม่ปรับลด ก็จะใช้เงินได้ถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น แต่เมื่อมีการปรับลดเหลือรายจ่ายเพียง 210 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้น จะทำให้บริษัทดำเนินกิจการได้ต่อไปถึงสิ้นปี 2553 แม้จะยังไม่มีรายได้เข้ามา
ทั้งนี้ภาระกิจใหญ่ของทีพีซีขณะนี้คือเรื่องปรับลดค่าใช้จ่าย ให้เหลือเท่าที่จำเป็น ล่าสุด นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ขอความร่วมมือจากบริษัทการบินไทย ให้ลดอัตราค่าบริการ โดยระบุว่าเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเหมือนกัน ซึ่งการบินไทยก็ยินดีให้การช่วยเหลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อรองราคา ซึ่งทีพีซีต้องการให้คิดค่าบริการที่ รายละ 300 บาท จากราคาปกติ 1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้รายงานการตรวจสอบตัวเลขค่าใช้จ่ายของทีพีซี เปรียบเทียบปี 2551 กับปี 2550 โดยขาดทุนลดลง เหลือ 100 ล้านบาท จากปี 2550 ขาดทุน 169 ล้านบาท และขาดทุนสะสมเหลือ 1,412 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น