ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยไตรมาส 1/52 ผลงานบจ.ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ระดมทุนในตลาดหทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/51 เกือบ 50 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการระดมทุนพลิกมีผลกำไรที่ร้อยและ 2.2%
รายงานข่าวจากสายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า จากการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 378 บริษัท ไตรมาส 1/2552 เทียบกับไตรมาส 4/2552 พบ บจ.มีอัตราส่วนกำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น อัตราผลตอบแทนต่อทุนที่ใช้ไป ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนมีอัตราที่เพิ่มขึ้น
“จากประเด็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า บจ. มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อยอดขายที่ลดลง ขณะเดียวกันบจ. ยังมีความสามารถในการจัดหาเงินเพิ่มขึ้น ทั้งจากตลาดเงินโดยออกตราสารหนี้หรือกู้เงินระยะยาวที่เพิ่มขึ้น 47,398 ล้านบาท จากไตรมาส 4/2551 และมีการระดมทุนในตลาดทุนกว่า 10,957 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 49 เท่า”
ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน บจ.มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ระดับร้อยละ 2.2 ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ -4.2 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนต่อทุนที่ใช้ไป (Return on Capital Employed: ROCE) ที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.7 ในไตรมาส 1/2552 ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ -2.2 ซึ่งการปรับตัวนี้อาจกล่าวได้ว่า ROE ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากจุดที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่ไตรมาส 2/2542 ซึ่ง ROE อยู่ที่ระดับร้อยละ -12.4 หรือในช่วง 11 ปี
ขณะที่โครงสร้างเงินทุน พบ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/ Equity Ratio) อยู่ที่ 1.15 เท่า เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ 1.12 เท่า แต่ยังไม่ถือว่ามีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากเมื่อพิจารณาในช่วงเวลา 3 ปี พบว่า บริษัทจดทะเบียนมี D/E สูงสุดที่ไตรมาส 1/2549 ที่ระดับ 1.19 เท่า
“บจ. ยังมีความน่าเชื่อถือจึงสามารถจัดหาเงินทุนโดยการกู้ยืมหรือออกตราสารหนี้ได้ และเมื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย พบว่าความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.68 เท่า จาก -3.12 เท่าในไตรมาส 4/51”
สำหรับภาพรวมด้านการลงทุน บจ.มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสุทธิ 102,433 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.6 จากไตรมาส 4/51 ที่มีการลงทุน 125,568 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2551 นับว่ามีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเป็นการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และบางส่วนเป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงค่าใช้จ่ายในอนาคต
ส่วนภาพรวมด้านการระดมทุน มีการระดมทุนรวม 10,957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 เท่าจากไตรมาส 4/2551 ที่มีมูลค่าระดมทุน 220 ล้านบาท โดยการระดมทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายกิจการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตและลงทุนเพื่อพัฒนาระบบการทำงานที่จะช่วยลดต้นทุน โดยในไตรมาส 1/2552 มีการระดมทุนในตลาดแรกของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายใน mai 4 บริษัท มูลค่ารวม 545 ล้านบาท และการระดมทุนในตลาดรอง 10,412 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนที่เกิดจากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ (Capital Raised from Existing Shareholders: XR) มีมูลค่าระดมทุน 9,874 ล้านบาท รองลงมาเป็นการระดมทุนที่เกิดจากการ ใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ (Capital Raised from Warrant Exercising: XE) มีมูลค่าระดมทุน 538 ล้านบาท
รายงานข่าวจากสายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า จากการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 378 บริษัท ไตรมาส 1/2552 เทียบกับไตรมาส 4/2552 พบ บจ.มีอัตราส่วนกำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น อัตราผลตอบแทนต่อทุนที่ใช้ไป ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนมีอัตราที่เพิ่มขึ้น
“จากประเด็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า บจ. มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อยอดขายที่ลดลง ขณะเดียวกันบจ. ยังมีความสามารถในการจัดหาเงินเพิ่มขึ้น ทั้งจากตลาดเงินโดยออกตราสารหนี้หรือกู้เงินระยะยาวที่เพิ่มขึ้น 47,398 ล้านบาท จากไตรมาส 4/2551 และมีการระดมทุนในตลาดทุนกว่า 10,957 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 49 เท่า”
ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน บจ.มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ระดับร้อยละ 2.2 ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ -4.2 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนต่อทุนที่ใช้ไป (Return on Capital Employed: ROCE) ที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.7 ในไตรมาส 1/2552 ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ -2.2 ซึ่งการปรับตัวนี้อาจกล่าวได้ว่า ROE ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากจุดที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่ไตรมาส 2/2542 ซึ่ง ROE อยู่ที่ระดับร้อยละ -12.4 หรือในช่วง 11 ปี
ขณะที่โครงสร้างเงินทุน พบ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/ Equity Ratio) อยู่ที่ 1.15 เท่า เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/51 ที่ 1.12 เท่า แต่ยังไม่ถือว่ามีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากเมื่อพิจารณาในช่วงเวลา 3 ปี พบว่า บริษัทจดทะเบียนมี D/E สูงสุดที่ไตรมาส 1/2549 ที่ระดับ 1.19 เท่า
“บจ. ยังมีความน่าเชื่อถือจึงสามารถจัดหาเงินทุนโดยการกู้ยืมหรือออกตราสารหนี้ได้ และเมื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย พบว่าความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.68 เท่า จาก -3.12 เท่าในไตรมาส 4/51”
สำหรับภาพรวมด้านการลงทุน บจ.มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสุทธิ 102,433 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.6 จากไตรมาส 4/51 ที่มีการลงทุน 125,568 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2551 นับว่ามีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเป็นการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และบางส่วนเป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงค่าใช้จ่ายในอนาคต
ส่วนภาพรวมด้านการระดมทุน มีการระดมทุนรวม 10,957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 เท่าจากไตรมาส 4/2551 ที่มีมูลค่าระดมทุน 220 ล้านบาท โดยการระดมทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายกิจการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตและลงทุนเพื่อพัฒนาระบบการทำงานที่จะช่วยลดต้นทุน โดยในไตรมาส 1/2552 มีการระดมทุนในตลาดแรกของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายใน mai 4 บริษัท มูลค่ารวม 545 ล้านบาท และการระดมทุนในตลาดรอง 10,412 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนที่เกิดจากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ (Capital Raised from Existing Shareholders: XR) มีมูลค่าระดมทุน 9,874 ล้านบาท รองลงมาเป็นการระดมทุนที่เกิดจากการ ใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ (Capital Raised from Warrant Exercising: XE) มีมูลค่าระดมทุน 538 ล้านบาท
