ASTVผู้จัดการรายวัน – “บิ๊ก แอล.พี.เอ็นฯ” สำลักดีมานด์ลูกค้าแห่รับบัตรคิวจองซื้อคอนโดทาวน์ รามอินทรา กว่า 5,000 ราย ในวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย.นี้ ขณะที่มีห้องชุดเพียง 2,586 ยูนิต พร้อมลุยเปิดคอนโดฯเพิ่ม ตั้งเป้าเปิดปีนี้ 6 โครงการ
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า หลังจากที่ในปี 2551 ได้แอล.พี.เอ็น.ฯ ชะลอแผนการพัฒนาโครงการ และเร่งระบายสต็อกห้องชุดในโครงการต่างๆที่อยู่ในมือออก โดยเน้นการรักษาสภาพคล่องหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบริษัทเป็นหลักกระทั้งในปัจจุบันมีกระแสเงินสดเหลือกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น ยังเน้นการปรับตัวในทุกด้านทั้งในด้านการปรับรูปแบบการพัฒนาห้องชุด การบริหารการขาย และกลยุทธ์ด้านการตลาด การบริหารกระแสเงินสด และการปรับลดต้นทุนด้านการตลาดของบริษัทให้มีความคล่องตัวเพิ่มชึ้น เพื่อให้รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการปรับแบบห้องชุดและราคาขายที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศที่เกิดขึ้น
“เราคาดการณ์ตั้งแต่ 2 ปีมาแล้วว่า จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ซึ่งในแต่ละครั้งของการเกิดวิกฤติผลกระทบจะตกกับผู้ประกอบการที่ถือสต๊อกไว้ในมือเยอะๆ ซึ่งในช่วงวิกฤตนั้นการถือเงินสดในมือจะดีที่สุด นอกจากนี้ แอล.พี.เอ็น.ฯ เชื่อว่าแม้ในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นแต่ความต้องการที่อยู่อาศัยที่มียังคงต่อเนื่อง หากจะพัฒนาสินค้าแบบเดิมราคาเดิมขายนั้นคงจะทำตลาดยาก ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว”
สำหรับภาวะวิกฤตนั้นสิ่งที่สำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าคือ เรื่องราคาขาย ซึ่งต้องเหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้าแต่ละพื้นที่ และแต่ละกลุ่ม ดังนั้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาบริษัทจึงได้มีการศึกษาความต้องการห้องชุดในกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนารูปแบบห้องชุดขนาดที่เล็กลงเพื่อให้สอดรับกับราคาขายที่ลูกค้าต้องการ
ลูกค้าแห่รับบัตรคิว 5,000 ราย
ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยพัฒนาเป็นอาคารชุดสูง 25 ชั้นจำนวน 4 อาคาร จำนวน 2,586 ยูนิตราคาขายเริ่มต้น 699,000 บาท เบื้องต้นเปิดขาย 2 อาคาร ส่วนอีก 2 อาคารที่เหลือจะเปิดขายอีกครั้ง ในปลายไตรมาส 2 นี้ สำหรับโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีโดยมีลูกค้ารับบัตรคิว (Tag) เพื่อจองซื้อในวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย.นี้ กว่า 5,000 ราย
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่บริษัทได้สำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าและพัฒนาสินค้าออกมาให้สอดคล้องกับราคาขายที่ตรงความต้องการลูกค้าแล้ว ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาบริษัทจึงตัดสินใจซื้อที่ดินใหม่เพิ่ม 3 แปล่ง มูลค่า 700 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ที่ดินย่านรามอินทรา 14 ไร่เศษ พัฒนาโครงการอาคารชุดภายใต้ชื่อ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่า 2,550 ล้านบาท 2.ที่ดินย่านปิ่นเกล้า 12 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารชุดมูลค่า 3,100 ล้านบาท 3.ที่ดินย่านราชบูรณะ 5 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารชุดมูลค่า 1,200 ล้านบาทคืดเป็นมูลค่ารวม 3 โครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวในไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 3
สำหรับปีนี้ แอล.พี.เอ็น.ฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่รวม 6 โครงการ โดยคาดว่าอีก 3 โครงการที่เหลือจะเริ่มเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ของปีโดยขณะนี้แอล.พี.เอ็น.ฯยังมีเงินซื้อที่ดินรอพัฒนาโครงการเหลืออีก 800 ล้านบาท จากงบซื้อที่ดินในปีนี้ 1,500 ล้านบาท โดยที่ดินที่คาดว่าจะซื้อเข้ามารอพัฒนาโครงการใหม่อีก 3ทำเลประกอบด้วย ทำเลย่านบางแค พงษ์เพชร และรามคำแหง
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า หลังจากที่ในปี 2551 ได้แอล.พี.เอ็น.ฯ ชะลอแผนการพัฒนาโครงการ และเร่งระบายสต็อกห้องชุดในโครงการต่างๆที่อยู่ในมือออก โดยเน้นการรักษาสภาพคล่องหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบริษัทเป็นหลักกระทั้งในปัจจุบันมีกระแสเงินสดเหลือกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น ยังเน้นการปรับตัวในทุกด้านทั้งในด้านการปรับรูปแบบการพัฒนาห้องชุด การบริหารการขาย และกลยุทธ์ด้านการตลาด การบริหารกระแสเงินสด และการปรับลดต้นทุนด้านการตลาดของบริษัทให้มีความคล่องตัวเพิ่มชึ้น เพื่อให้รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการปรับแบบห้องชุดและราคาขายที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศที่เกิดขึ้น
“เราคาดการณ์ตั้งแต่ 2 ปีมาแล้วว่า จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ซึ่งในแต่ละครั้งของการเกิดวิกฤติผลกระทบจะตกกับผู้ประกอบการที่ถือสต๊อกไว้ในมือเยอะๆ ซึ่งในช่วงวิกฤตนั้นการถือเงินสดในมือจะดีที่สุด นอกจากนี้ แอล.พี.เอ็น.ฯ เชื่อว่าแม้ในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นแต่ความต้องการที่อยู่อาศัยที่มียังคงต่อเนื่อง หากจะพัฒนาสินค้าแบบเดิมราคาเดิมขายนั้นคงจะทำตลาดยาก ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว”
สำหรับภาวะวิกฤตนั้นสิ่งที่สำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าคือ เรื่องราคาขาย ซึ่งต้องเหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้าแต่ละพื้นที่ และแต่ละกลุ่ม ดังนั้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาบริษัทจึงได้มีการศึกษาความต้องการห้องชุดในกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนารูปแบบห้องชุดขนาดที่เล็กลงเพื่อให้สอดรับกับราคาขายที่ลูกค้าต้องการ
ลูกค้าแห่รับบัตรคิว 5,000 ราย
ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยพัฒนาเป็นอาคารชุดสูง 25 ชั้นจำนวน 4 อาคาร จำนวน 2,586 ยูนิตราคาขายเริ่มต้น 699,000 บาท เบื้องต้นเปิดขาย 2 อาคาร ส่วนอีก 2 อาคารที่เหลือจะเปิดขายอีกครั้ง ในปลายไตรมาส 2 นี้ สำหรับโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีโดยมีลูกค้ารับบัตรคิว (Tag) เพื่อจองซื้อในวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย.นี้ กว่า 5,000 ราย
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่บริษัทได้สำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าและพัฒนาสินค้าออกมาให้สอดคล้องกับราคาขายที่ตรงความต้องการลูกค้าแล้ว ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาบริษัทจึงตัดสินใจซื้อที่ดินใหม่เพิ่ม 3 แปล่ง มูลค่า 700 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ที่ดินย่านรามอินทรา 14 ไร่เศษ พัฒนาโครงการอาคารชุดภายใต้ชื่อ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่า 2,550 ล้านบาท 2.ที่ดินย่านปิ่นเกล้า 12 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารชุดมูลค่า 3,100 ล้านบาท 3.ที่ดินย่านราชบูรณะ 5 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารชุดมูลค่า 1,200 ล้านบาทคืดเป็นมูลค่ารวม 3 โครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวในไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 3
สำหรับปีนี้ แอล.พี.เอ็น.ฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่รวม 6 โครงการ โดยคาดว่าอีก 3 โครงการที่เหลือจะเริ่มเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ของปีโดยขณะนี้แอล.พี.เอ็น.ฯยังมีเงินซื้อที่ดินรอพัฒนาโครงการเหลืออีก 800 ล้านบาท จากงบซื้อที่ดินในปีนี้ 1,500 ล้านบาท โดยที่ดินที่คาดว่าจะซื้อเข้ามารอพัฒนาโครงการใหม่อีก 3ทำเลประกอบด้วย ทำเลย่านบางแค พงษ์เพชร และรามคำแหง