มหาสารคาม - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บรบือ รวบหัวโจกประจำหมู่บ้านวัย 17 ปี บุกจี้แม่เฒ่าวัย 73 ขณะที่แม่เฒ่าฮึดสู้ จึงถูกตีด้วยด้ามปืนและเอาไม้ทุบ จนแม่เฒ่าสิ้นใจตายอนาจ มือสังหารเตรียมหลบหนี แต่ตำรวจบุกล้อมบ้านรวบตัวได้ทันควัน
เมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (10 ก.พ.) นายสมพร พาบุ อายุ 40 ปี ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บรบือ จ.มหาสารคาม ว่าพบศพนางทองมี ปัดทุม ผู้เป็นแม่ยาย อายุ 73 เสียชีวิตนอนจมกองเลือดที่บ้านเลขที่ 133 ม.9 บ้านซำแฮด ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการนำของ พ.ต.อ.เสถียร บุญชื่น ผกก.สภ.บรบือ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ โลกะกะลิน รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.วิจิตร ทดคุย สว.สป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกว่า 10 นาย รุดไปยังที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงบ้านเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่กลางป่าหลังเดียวโดดๆ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 ก.ม.เมื่อเข้าไปที่ชายคาบ้านพบร่างของนางทองมี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตบนเตียงไม้ขนาดใหญ่สำหรับนอนพักผ่อน โดยสภาพศพคว่ำหน้า สวมเสื้อสีน้ำเงิน สวมผ้าถุงลาย จากการตรวจที่ร่างกายของผู้ตายพบบาดแผลขนาด 3 นิ้วที่ท้ายทอย 2 แห่ง ส่วนบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานอย่างอื่น
ด้าน พ.ต.อ.เสถียร บุญชื่น ผกก.สภ.บรบือ จึงเชิญนายหวัน ชิณเชษฐ กำนันตำบลบรบือ มาประชุมร่วมเพื่อติดตามคนร้าย โดยได้แบ่งกำลังออก 2 ชุด ชุดแรกให้ ร.ต.ต.สุรศักดิ์ พงษ์เพชร รองสว.สป. ติดตามหาข่าวตำบลใกล้เคียง ส่วนชุดที่ 2 ให้ พ.ต.ต.วิจิตร ทดคุย และนายหวัน ชิณเชษฐกำนัน พร้อมด้วยชุดสืบสวนไปปิดล้อมบ้านต้องสงสัย ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้องสงสัยที่นายเพลิง กงกัลยา ซึ่งเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านเดียวกัน ที่มีนิสัยเกเรและชอบลักทรัพย์
โดยในเวลา 05.00 น.ของวันที่ 10 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นายได้เข้าล้อมบ้านผู้ต้องสงสัยทราบชื่อ คือนายเพลิง กงกัลยา อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 12 ต.บรบือ อ.บรบือ จากนั้นได้ให้กำนันเข้าไปถามหานายเพลิง เมื่อนายเพลิงออกมาพบก็มีอาการสั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบุกเข้าไปเพื่อควบคุมตัวนายเพลิง ซึ่งปรากฏว่านายเพลิงยิ่งแสดงอาการตกใจและมีอาการสั่นยิ่งขึ้นจึงได้นำตัวไปยัง สภ.บรบือ จากการค้นบ้านของนายเพลิงซึ่งอยู่กับพ่อ พบว่านายเพลิงกำลังเก็บเสื้อผ้าเพื่อเตรียมหลบหนี
จากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลอกแจ้งให้นายเพลิงทราบว่า นางทองมียังไม่ตายและได้บอกตำรวจว่านายเพลิงเป็นผู้ลงมือทุบ เมื่อนายเพลิงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกเช่นนั้นก็เลยรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ลงมือทุบนางทองมีเอง
โดยนายเพลิงให้การว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 9 ก.พ.ตนได้เดินเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วได้ไปขอน้ำกินจากนางทองมี แต่นางทองมีได้ดุด่าตน จากนั้นตนจึงได้กลับออกไป จนกระทั่งเวลาผ่านไป 30 นาที ตนจึงหวนกลับไปที่บ้านของนางทองมีอีกครั้ง เพราะทราบดีว่าขณะนั้นไม่มีคนอยู่บ้าน คงมีแต่นางทองมีอยู่ตามลำพังเพราะคนอื่นเดินทางไปทำบุญที่วัดยังไม่กลับ
เมื่อเข้าไปในบ้านพบปืนลูกซองเบอร์ 12 ในบ้านจึงหยิบเอาปืนมาแล้วเข้าไปหานางทองมี เพื่อขู่ที่จะขอเงินไปกินเหล้า แต่นางทองมีไม่ให้ พอนางทองมีหันหลังให้ตนจึงใช้ด้ามปืนตีเข้าที่ท้ายทอยนางทองมีจนล้มลง แต่ด้ามปืนที่เป็นไม้เกิดหัก ตนจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้ขนาดยาว 80 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม.กระหน่ำตีอีก 2 ครั้ง ร่างของนางทองมีล้มฟุบแน่นิ่งลงบนเตียงไม้ จากนั้นตนจึงรีบหนีออกจากบ้านโดยนำปืนลูกซองไปด้วยแล้วไปทิ้งกลางป่า
ทางด้านนายสมพร พาบุ อายุ 40 ปี บุตรเขยผู้ตายให้การว่า ตนและครอบครัวได้ออกไปทำบุญที่วัดในหมู่บ้านตั้งแต่เช้า วันที่ 9 ก.พ.และได้เข้าไปพักที่บ้านพักในหมู่บ้านต่อ คงปล่อยให้นางทองมีอยู่ที่บ้านกลางทุ่งตามลำพัง จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 10 ก.พ.จึงขี่ จยย.เข้าไปที่บ้านกลางทุ่ง เมื่อถึงที่บ้านไม่เห็นวัวที่เลี้ยงไว้อยู่ในคอก จึงตกใจนึกว่ามีใครมาลักไป จึงร้องเรียกแม่ยาย แต่ไม่มีเสียงตอบ
จึงเข้าไปในบ้านเมื่อถึงเตียงไม้ที่นางทองมีเคยนอนเล่นก็ต้องตกใจเพราะเห็นร่างของนางทองมีนอนจมกองเลือด จึงเข้าไปจับตัวเขย่าแต่ก็ไม่มีการตอบสนอง จึงรีบโทร.ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.เสถียร บุญชื่น ผกก. กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ทางตำรวจจึงต้องเร่งคลี่คลายคดีโดยเร็ว โดยใช้เวลาเมื่อทราบเหตุประมาณ 2 ชม.ก็สามารถจับคนร้ายได้ทันที ทั้งนี้ก็เนื่องจากคนร้ายเคยมีประวัติในด้านการลักเล็กขโมยน้อยในหมู่บ้าน ซึ่งทางตำรวจได้มีประวัติในแฟ้มอยู่แล้วจึงทำให้คดีนี้จบลงโดยเร็ว
และในเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.วิจิตร ทดคุย สว.สป. พร้อมกำลังชุด สืบสวนกว่า 10 นายนำ นายเพลิง กงกัลยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีชาวบ้านประมาณ 10 คนมายืนดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จากนั้นจึงได้เดินทางกลับสภ.บรบือ และนำตัวผู้ต้องหาส่ง พ.ต.ท.สมพงษ์ เยาวนิตย์ (สบ 2) พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
