ASTVผู้จัดการรายวัน-ชาวนาบุกพาณิชย์ เรียกร้องรัฐบาลจำนำข้าวต่อเนื่อง หลังมีคำสั่งให้หยุดโครงการ อ้างโควตาเต็ม ทำพ่อค้าได้ทีกดราคารับซื้อต่ำติดดิน ขู่หากไม่ให้ความช่วยเหลือจะเตรียมคาราวานชาวนาจาก 46 จังหวัดบุกกรุงกดดันรัฐบาล
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วานนี้ (1 มิ.ย.) สมาคมชาวนาไทย พร้อมด้วยสมาชิกเกือบ 200 คนจากจ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมากระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ เพื่อเข้าพบนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ที่กำลังดำเนินโครงการขณะนี้อย่างต่อเนื่อง แต่นางพรทิวาติดภารกิจเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-เกาหลีใต้ ที่เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการรมว..พาณิชย์จึงรับหนังสือร้องเรียนแทน
นายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ชาวนาจ.อยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงไม่สามารถนำข้าวเปลือกนาปรังเข้าโครงการรับจำนำได้ เพราะสำนักงานค้าภายในจังหวัดได้สั่งการให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการหยุดการรับจำนำ โดยอ้างว่า โควตาของจังหวัดเต็มแล้ว จึงไม่สามารถรับจำนำได้อีก ทั้งๆ ที่ยังมีผลผลิตข้าวอีกประมาณ 350,000 ตันที่กำลังเก็บเกี่ยว และรอการเก็บเกี่ยว หากรัฐบาลไม่รับจำนำต่อ ชาวนาจะเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะจะถูกพ่อค้ากดราคารับซื้อ ปัจจุบันรับซื้อข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 30% เหลือตันละ 6,000-7,000 บาท จากราคารับจำนำตันละ 10,800-12,000 บาท
“ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกโควตารับจำนำ เพราะปีก่อนๆ ไม่เคยมี เพิ่งมีปีนี้เป็นปีแรก โดยที่ชาวนาไม่เคยรู้ว่า ในจังหวัดตัวเองจะมีโควตาเท่าไร รัฐบาลควรดูจากผลผลิตแต่ละจังหวัดมากกว่า และอยากให้รัฐบาลรับจำนำข้าวของชาวนาต่อไป ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อนมาก พ่อค้าซื้อกดราคาอย่างนัก โดยขณะนี้ต้นทุนไร่ละ 5,000-6,000 บาท ถ้ารวมค่าเช่าจะมีต้นทุนประมาณไร่ละ 7,000-8,000 บาท
ถ้ามีผลผลิต 1 ตันก็จะมีกำไร แต่ถ้าผลผลิตไม่ถึงก็จะขาดทุนแล้ว” นายวิเชียรกล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลเพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีนี้อีก จากก่อนหน้านี้ที่รับจำนำเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน และเพิ่มอีก 1.5 ล้านตัน รวมเป็น 4 ล้านตันแล้ว ขณะที่ปีก่อนๆ รัฐบาลรับจำนำ 6-8 ล้านตัน เพราะยังเหลือผลผลิตที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามที่ชาวนาเรียกร้อง ชาวนาจาก 46 จังหวัดทั่วประเทศที่มีผลผลิตข้าวนาปรังจะเดินขบวนประท้วง โดยจะจัดเป็นกองคาราวาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯกดดันรัฐบาลแน่นอน
นายวิเชียรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่เปลี่ยนวิธีการช่วยเหลือเกษตรจากระบบการรับจำนำเป็นการรับประกันราคาขั้นต่ำนั้น หากรัฐบาลทำได้จริง จะถือว่าดีมาก โดยรัฐบาลต้องกำหนดราคาประกันขั้นต่ำให้ชัดเจน และหากชาวนาขายไม่ได้ตามนั้น รัฐบาลก็จะจ่ายชดเชยให้ แต่ไม่คิดว่า รัฐบาลจะทำได้ เพราะเคยคุยกันมาหลายรัฐบาลแล้วแต่ยังไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำจริง
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ได้มีคำสั่งจากกรมการค้าภายในลงวันที่ 27 พ.ค. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศต่างๆ ให้ตรวจเช็กสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ล้นสต็อกแล้ว เนื่องจากโรงสีอ้างว่าไม่ได้รับคำสั่งให้สีแปรสภาพข้าว จึงรับจำนำเพิ่มไม่ได้ จึงขอฝากถึงรัฐบาลว่าขอให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน เพราะได้มีการปิดรับจำนำ ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งจะมีข้าวออกมาอีกราว 1 ล้านตันในเดือนก.ค.นี้ ส่วนเรื่องการประกันราคาข้าว สมาคมฯ เห็นด้วย และควรจะมีการระดมความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวนา โรงสี และผู้ส่งออก ก่อน และควรจะใช้ระยะเวลาในการเตรียมการล่วงหน้าก่อนบังคับใช้
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับตัวแทนสมาคมชาวนาไทยว่า ได้รายงานข้อเรียกร้อง และความเดือดร้อนของชาวนา ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางพรทิวา รับทราบทางโทรศัพท์แล้ว เพราะทั้ง 2 คนอยูระหว่างการปฎิบัตราชการที่ประเทศเกาหลี โดยนางพรทิวาได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลเพื่อรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วานนี้ (1 มิ.ย.) สมาคมชาวนาไทย พร้อมด้วยสมาชิกเกือบ 200 คนจากจ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมากระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ เพื่อเข้าพบนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ที่กำลังดำเนินโครงการขณะนี้อย่างต่อเนื่อง แต่นางพรทิวาติดภารกิจเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-เกาหลีใต้ ที่เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการรมว..พาณิชย์จึงรับหนังสือร้องเรียนแทน
นายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ชาวนาจ.อยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงไม่สามารถนำข้าวเปลือกนาปรังเข้าโครงการรับจำนำได้ เพราะสำนักงานค้าภายในจังหวัดได้สั่งการให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการหยุดการรับจำนำ โดยอ้างว่า โควตาของจังหวัดเต็มแล้ว จึงไม่สามารถรับจำนำได้อีก ทั้งๆ ที่ยังมีผลผลิตข้าวอีกประมาณ 350,000 ตันที่กำลังเก็บเกี่ยว และรอการเก็บเกี่ยว หากรัฐบาลไม่รับจำนำต่อ ชาวนาจะเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะจะถูกพ่อค้ากดราคารับซื้อ ปัจจุบันรับซื้อข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 30% เหลือตันละ 6,000-7,000 บาท จากราคารับจำนำตันละ 10,800-12,000 บาท
“ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกโควตารับจำนำ เพราะปีก่อนๆ ไม่เคยมี เพิ่งมีปีนี้เป็นปีแรก โดยที่ชาวนาไม่เคยรู้ว่า ในจังหวัดตัวเองจะมีโควตาเท่าไร รัฐบาลควรดูจากผลผลิตแต่ละจังหวัดมากกว่า และอยากให้รัฐบาลรับจำนำข้าวของชาวนาต่อไป ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อนมาก พ่อค้าซื้อกดราคาอย่างนัก โดยขณะนี้ต้นทุนไร่ละ 5,000-6,000 บาท ถ้ารวมค่าเช่าจะมีต้นทุนประมาณไร่ละ 7,000-8,000 บาท
ถ้ามีผลผลิต 1 ตันก็จะมีกำไร แต่ถ้าผลผลิตไม่ถึงก็จะขาดทุนแล้ว” นายวิเชียรกล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลเพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีนี้อีก จากก่อนหน้านี้ที่รับจำนำเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน และเพิ่มอีก 1.5 ล้านตัน รวมเป็น 4 ล้านตันแล้ว ขณะที่ปีก่อนๆ รัฐบาลรับจำนำ 6-8 ล้านตัน เพราะยังเหลือผลผลิตที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามที่ชาวนาเรียกร้อง ชาวนาจาก 46 จังหวัดทั่วประเทศที่มีผลผลิตข้าวนาปรังจะเดินขบวนประท้วง โดยจะจัดเป็นกองคาราวาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯกดดันรัฐบาลแน่นอน
นายวิเชียรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่เปลี่ยนวิธีการช่วยเหลือเกษตรจากระบบการรับจำนำเป็นการรับประกันราคาขั้นต่ำนั้น หากรัฐบาลทำได้จริง จะถือว่าดีมาก โดยรัฐบาลต้องกำหนดราคาประกันขั้นต่ำให้ชัดเจน และหากชาวนาขายไม่ได้ตามนั้น รัฐบาลก็จะจ่ายชดเชยให้ แต่ไม่คิดว่า รัฐบาลจะทำได้ เพราะเคยคุยกันมาหลายรัฐบาลแล้วแต่ยังไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำจริง
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ได้มีคำสั่งจากกรมการค้าภายในลงวันที่ 27 พ.ค. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศต่างๆ ให้ตรวจเช็กสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ล้นสต็อกแล้ว เนื่องจากโรงสีอ้างว่าไม่ได้รับคำสั่งให้สีแปรสภาพข้าว จึงรับจำนำเพิ่มไม่ได้ จึงขอฝากถึงรัฐบาลว่าขอให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน เพราะได้มีการปิดรับจำนำ ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งจะมีข้าวออกมาอีกราว 1 ล้านตันในเดือนก.ค.นี้ ส่วนเรื่องการประกันราคาข้าว สมาคมฯ เห็นด้วย และควรจะมีการระดมความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวนา โรงสี และผู้ส่งออก ก่อน และควรจะใช้ระยะเวลาในการเตรียมการล่วงหน้าก่อนบังคับใช้
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับตัวแทนสมาคมชาวนาไทยว่า ได้รายงานข้อเรียกร้อง และความเดือดร้อนของชาวนา ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางพรทิวา รับทราบทางโทรศัพท์แล้ว เพราะทั้ง 2 คนอยูระหว่างการปฎิบัตราชการที่ประเทศเกาหลี โดยนางพรทิวาได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลเพื่อรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้
