ASTVผู้จัดการรายวัน-“อลงกรณ์”ทำแปลกอีกแล้ว ดันแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้า เอาผิดถึงคนซื้อและครอบครองสินค้าละเมิด ปรับ 1 พัน หรือทำงานบริการสังคมแลกโทษ พร้อมเพิ่มโทษผู้ขายให้หนักขึ้น ส่วนเจ้าของสถานที่ที่ให้เช่า เจอด้วย คาดใช้บังคับได้ปีหน้า
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วานนี้ (1 มิ.ย.) ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ และร่างพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฉบับใหม่ ที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการปรับปรุง ร่วมกับผู้แทนภาครัฐและเอกชนกว่า 100 ราย โดยได้เห็นชอบในประเด็นเพิ่มบทลงโทษ ในส่วนผู้ซื้อหรือครอบครองสินค้าเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ให้มีความผิดปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์
สำหรับผู้เช่าพื้นที่ ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า หากกระทำผิดปลอมเครื่องหมายการค้าหรือบริการ มีความผิดจำคุก 2-4 ปี หรือ ปรับ 200,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นความผิดเลียนเครื่องหมายการค้าหรือบริการ จำคุก 6 เดือนถึง 2 ปี หรือ ปรับ 50,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีความผิดจำคุก 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ในส่วนผู้ให้เช่า ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลจะมีโทษแค่ปรับ ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะมีโทษเป็นเท่าไร โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ปรับปรุงถ้อยคำในกฎหมายให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเข้าการพิจารณาของคณะกรรมการกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไปโดยคาดว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กฎหมายนี้น่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2553
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะเปิดรับฟังความคิดการยกร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับในประเด็นองค์กรจัดเก็บ ที่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ไม่ต้องการให้มีองค์กรจัดเก็บกลาง แต่ให้บังคับใช้โดยกฎกระทรวงแทน ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์ทั่วไปต้องการให้มีองค์กรกลางที่มีตัวแทนจากทุกค่าย โดยให้กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำหนดหลักเกณฑ์
รายงานข่าว แจ้งว่า ได้มีการถกเถียงถึงคำนิยาม “ผู้ซื้อ ผู้ครอบครอง หรือเจตนา” ว่า มีขอบเขตแค่ไหน และอย่างไร ถึงจะถือเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย ซึ่งได้มีการยกตัวอย่างประเทศมาเลเซีย ผู้ครอบครองของละเมิดเกิน 3 ชิ้นและไม่ใช่สินค้าเหมือนกันทั้งหมดถือว่ามีความผิด โดยบางส่วนก็เห็นพ้องให้ใช้รูปแบบเดียวกับมาเลเซีย
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วานนี้ (1 มิ.ย.) ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ และร่างพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฉบับใหม่ ที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการปรับปรุง ร่วมกับผู้แทนภาครัฐและเอกชนกว่า 100 ราย โดยได้เห็นชอบในประเด็นเพิ่มบทลงโทษ ในส่วนผู้ซื้อหรือครอบครองสินค้าเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ให้มีความผิดปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์
สำหรับผู้เช่าพื้นที่ ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า หากกระทำผิดปลอมเครื่องหมายการค้าหรือบริการ มีความผิดจำคุก 2-4 ปี หรือ ปรับ 200,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นความผิดเลียนเครื่องหมายการค้าหรือบริการ จำคุก 6 เดือนถึง 2 ปี หรือ ปรับ 50,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีความผิดจำคุก 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ในส่วนผู้ให้เช่า ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลจะมีโทษแค่ปรับ ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะมีโทษเป็นเท่าไร โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ปรับปรุงถ้อยคำในกฎหมายให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเข้าการพิจารณาของคณะกรรมการกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไปโดยคาดว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กฎหมายนี้น่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2553
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะเปิดรับฟังความคิดการยกร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับในประเด็นองค์กรจัดเก็บ ที่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ไม่ต้องการให้มีองค์กรจัดเก็บกลาง แต่ให้บังคับใช้โดยกฎกระทรวงแทน ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์ทั่วไปต้องการให้มีองค์กรกลางที่มีตัวแทนจากทุกค่าย โดยให้กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำหนดหลักเกณฑ์
รายงานข่าว แจ้งว่า ได้มีการถกเถียงถึงคำนิยาม “ผู้ซื้อ ผู้ครอบครอง หรือเจตนา” ว่า มีขอบเขตแค่ไหน และอย่างไร ถึงจะถือเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย ซึ่งได้มีการยกตัวอย่างประเทศมาเลเซีย ผู้ครอบครองของละเมิดเกิน 3 ชิ้นและไม่ใช่สินค้าเหมือนกันทั้งหมดถือว่ามีความผิด โดยบางส่วนก็เห็นพ้องให้ใช้รูปแบบเดียวกับมาเลเซีย