xs
xsm
sm
md
lg

เกี้ยเซี้ยะรถเมล์ลงตัว ยอมผลิตในไทย70% ภท.เลื่อนดันเข้าครม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “ภูมิใจไทย” ต่อมสำนึกยังไม่ทำงาน ลั่นไม่ล้มโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี แค่ถอยไม่นำเข้า ครม.สัปดาห์นี้ อ้างนายกฯงานมากไม่มีเวลาศึกษา พร้อมปัดขวางโครงการให้เกษตรกรเช่าที่ดินไร่ละ 10 บาท ของ ปชป. เพื่อแก้แค้น แต่ขอตรวจสอบกลัวเหมือน ส.ป.ก.4-01 “เทพเทือก”ฟุ้งเคลียร์ปัญหาลงตัวภูมิใจไทยยอมให้ผลิตในไทย 70% ระบุไม่คิดแตกหักกับพรรคร่วมรัฐบาล “อภิสิทธิ์” เตรียมนำการระบายสินค้าเกษตรฯ เข้า ครม.สัปดาห์นี้ รับเห็นใจ ก.พาณิชย์ที่ต้องมารับช่วงระบายสินค้าเกษตรจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่รับจำนำไว้มาก สินค้าบางตัวต้องขาดทุนนับหมื่นล้านบาท ด้านสมาคมชาวนาฯ ค้านระบบประกันราคาสินค้า แทนรับจำนำ บุกพาณิชย์ยืนหนังสือวันนี้

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่ายังไม่ทราบรายละเอียดที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้าจะไม่มีการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีว่า 4 พันคันตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเห็นจากหนังสือพิมพ์เท่านั้น แต่นายกรัฐมนตรีอาจยังไม่ได้รับความกระจ่าง ท่านอาจต้องศึกษามากกว่านี้ โครงการดังกล่าวจะไม่ถอนไปก่อน แต่อาจต้องเลื่อนไปบ้าง เพราะวันๆ ก็ไม่ได้ทำงานนี้งานเดียว ท่านมีงานร้อยแปด จึงอาจยังไม่ได้ศึกษา และท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องตอบทุกปัญหาให้ประชาชนกระจ่างชัดว่าทุกอย่างโปร่งใส พิสูจน์ได้

ส่วนโครงการนี้จะเป็นปัญหาในการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชวรัตน์ ตอบว่า ได้อธิบายไปแล้วเมื่อครู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการศึกษารายละเอียด

**ปัดตรวจสอบเช่าที่ดินเพื่อแก้แค้นปชป.
ผู้สื่อข่าวถามถึงโครงการที่จะให้เกษตรกรเช่าที่ดินไร่ละ 10 บาท ของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย นายชวรัตน์ กล่าวว่าว่า กำลังรอให้นายถาวรมาชี้แจง หลักการโครงการนี้ดี แต่เป้าหมายอยากทราบว่าเป็นคนจนจริงหรือเปล่า ไม่ใช่นายทุน หรือนักฉวยโอกาส เพราะมันถูกเหลือเกินไร่ละ 10 บาทต่อปี หากไม่โปร่งใส่อาจจะซ้ำรอย สปก.4-01 และตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องเสียหายทั้ง 2 ด้าน คือประเทศชาติ และผู้ผลักดัน อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ดี ก็พร้อมผลักดัน

ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ของพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นการแก้แค้นหลังถูกขวางเรื่องเช่ารถเมล์หรือไม่นั้น นายชวรัตน์ตอบว่า ความคิดเช่นนี้เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีในหัวสมองเลย เพราะไม่ดีต่อประเทศชาติ ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ทำงานก็เหมือนกับสามีภรรยา เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกันบ้าง

**”สุเทพ”ชี้เช่ารถเมล์อยู่ที่มติครม.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวความขัดแย้งภายใน พรรคร่วมรัฐบาล ในโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ตนไม่อยากจะพูดว่ามีปัญหาหรือไม่มีปัญหา แต่อยากบอกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการนำเงินของรัฐบาล หรือเงินภาษีของประชาชนไปใช้แม้แต่บาทเดียว ทั้งนี้ตนได้ไปเจรจากับพรรคภูมิใจไทยว่าต้องให้รถเมล์จำนวนนี้ผลิตในประเทศเกินครึ่ง ซึ่งในที่สุด เขาก็แก้ไขว่าผลิตในประเทศไทยร้อยละ 70 ส่วนเรื่องราคาก็พูดกันใน ครม. ซึ่งครม.จะอนุมัติหรือไม่เป็นเรื่องของ ครม.

ผู้สื่อข่าวถามว่าให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่มีการเกี้ยเซี้ยกันทางการเมือง เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ให้เอาบ้านเมือง เป็นหลักดีกว่า รัฐบาลจะอยู่หรือไปนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้บ้านเมือง อยู่ได้ก็แล้วกัน

**ไม่ใช้วิธีแตกหักในรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่าว่าโครงการนี้จะกลายเป็นจุดแตกหักในการทำงานร่วมกัน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามจะแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ถ้าแก้ได้ก็แก้ ส่วนถ้าแก้ไม่ได้จนปัญญา ตนจะมาเรียนกับประชาชนให้ทราบ

ส่วนจะยืนยันหรือไม่ว่าจะยอมแตกหักกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์มันๆ อย่างนั้น และจะไม่พูดเรื่องแตกหักกับใคร เพราะเป็นผู้ประสานงาน แต่สิ่งที่ตนจะทำคือทำให้รัฐบาลยืนหยัดอยู่ได้และแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะปัญหาใหญ่คือความมั่นคงของบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล แต่ถ้าตนทำไปจนสุดกำลังแล้วทำไม่ได้ ตนก็แจ้งให้ประชาชนได้ทราบ แต่ตอนนี้ยังไม่ถือว่าทำจนสุดกำลัง เพียงแต่ทำอย่างเต็มกำลังและยังไม่สุดความพยายาม โดยจะทำต่อไปเรื่อยๆ

ต่อข้อถามว่าจากสถานการณ์ขณะนี้ มองว่ารัฐบาลจะสามารถทำงานไปได้ อีกนานแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

**ส.ว.จี้โอนขสมก.ให้กทม.จัดการ
นายสมชาย แสวงการ
ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการเช่ารถเมล์เอ็นจี วี 4 พันคัน ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องตัดสินใจให้ดี อย่าเพียงแต่เห็นผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ควรเห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะถ้าหากยุบสภา หรือลาออก นายอภิสิทธิ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯและอยู่ยาว แต่ถ้าหากเลือกผลประโยชน์ของพรรคร่วม เลือกตั้งครั้งต่อไปอาจจะไม่ได้กลับเข้ามา เพราะจะโดนตราหน้าว่าเป็นรัฐบาลโกง ทั้งนี้ตนเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ ถ้ายึดหลักกฎเหล็ก 9 ข้อของพรรค ก็ต้องโอนเรื่องรถเมล์ 4 พันคนไปให้ กทม.ดูแล เพราะเป็นเรื่องของ มหานคร จะให้คนบุรีรัมย์มาแก้ปัญหาของ กทม.ได้อย่างไร เพราะเขาขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้

นายสมชายกล่าวว่า อย่าลืมว่าสิ่งที่จะตามมาคือ ขสมท.จะขาดทุน 6 หมื่นกว่าล้าน เพราะถ้าโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ผ่าน ครม.ทันที อีก 2-3 ปี ขสมก.ก็จะขาดทุน เราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ดังนั้นจะเข้าทางเอกชน ที่รอแปรรูปอยู่ เพราะรัฐบาลพ..ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายที่จะแปรรูปทุกอย่าง รวมทั้ง ขสมก. ด้วย และตนเชื่อว่าคนเก่าในรัฐบาลที่ผ่านมายังอยู่ เชื่อว่าก็มีแนวคิดเช่นนั้น และการออกมาเสนอแนวคิดนี้ไม่ใช่เป็นแนวคิดของตนคนเดียว แต่เป็นแนวคิดร่วมกันของ ส.ว.ทั้ง 150 คน และยืนยันว่ไม่ได้อยู่ข้างประชาธิปัตย์

“ผมคิดว่าหน้าจะโอนมาให้ กทม.จัดการ เพราะก็ทม.เป็นผู้ที่ดูแลการจราจรทั้งหมด น่าจะเป็นผู้ที่เข้าใจคนกรุงเทพฯดีกว่า และ กทม.ก็มีเงินของตัวเองอยู่แล้ว และถ้าเอารถเช่ามาก็ไม่ควรถึง 4 พันคัน เอามาซัก 1 พันคันก็พอ และคงมีค่าเช่าที่ไม่แพง ซึ่งไม่ต้องใช้เงินถึง 7 พันล้าน อาจใช้แค่เงินแค่ 1 พันล้าน เพราะเชื่อว่ายังไง ผู้ว่าฯกทม.จะไม่ทุจริต แน่นอน เพราะต้องเอาใจประชาชน”นายสมชาย กล่าว

**แนะภท.เคลียร์การเช่ารถเมล์ให้ชัด
นายสาธิต ปิตุเตชะ
ส.ส.ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าโครงการเช่ารถเมล์ประเด็นปัญหาคือ ประโยชน์ที่ตกกับสาธารณะเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ และโครงการดังกล่าวมีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ แต่คนหลายฝ่ายมุ่งเป้าไปที่จะนำเรื่องเข้า ครม.หรือไม่ และจะมีความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ตนอยากฝากไปยังรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นเจ้าของโครงการว่าจะต้องทำความเข้าใจและชี้แจงกับสังคมให้ชัดเจนว่า โครงการนี้มีความสำคัญต่อประชาชนอย่างไร และตนเชื่อว่าโครงการดังกล่าวนั้นเป็นประโยชน์ เพราะเป็นบริการสาธารณะที่เป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย

นายสาธิต กล่าวว่า การที่โครงการเช่ารถเมล์ลดเหลือ 4,000 คัน จากเดิมที่มีถึง 6,000 คัน และจากงบประมาณแสนล้านบาท เหลือ 67,000 ล้านบาท ก็แสดงว่ารัฐบาลได้มีการกลั่นกรอง และจะมีวิธีที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ไห้ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีพยายามที่จะตรวจสอบ เรื่องงบประมาณที่จะนำมาเช่า รวมถึงค่าซ่อมว่า แพงกว่าปกติหรือไม่ ฉะนั้น อยากให้สังคมและสื่อมวลชน กลับมาติดตามข้อมูล 2 ประเด็นคือ 1.โครงการนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ และ2.ต้องติดตามว่ามีหลักฐานหรือเนื้อหาที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของฝ่ายใด หรือไม่ และที่สำคัญคือเจ้าของโครงการต้องสามารถตอบให้ได้ว่าไม่มีการล็อกเสปก เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาประกวดราคา

**มาร์คเชิญปชช.แจงเบาะแสทุจริต
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับ นายกฯอภิสิทธิ์ ว่าเรื่องที่ตนมีความรู้สึกเป็นห่วงที่สุด เพราะว่าพี่น้องประชาชนสะท้อนมาก็คือการพูดถึงว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงของรัฐบาล หรือราชการ ตนเรียนยืนยันว่าให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอด นับตั้งแต่ที่เข้ามาสู่การเมืองและเคยมีโอกาสทำงานในเรื่องนี้ ผลักดันกฎหมาย เช่น กฎหมายที่เราเรียกว่า กฎหมายฮั้ว ทำให้การฮั้วเป็นความผิดทางอาญา ก็ดี สนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระคือ ป.ป.ช.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าพี่น้องประชาชนมีเบาะแส ทราบกรณีการทุจริตที่ไหน อย่างไร สามารถที่จะร้องเรียนมาที่ตนหรือมาที่รัฐบาลได้ ตนจะดูแลเอาใจใส่เรื่อง ร้องเรียนเหล่านั้นอย่างจริงจัง ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ให้เกิดความโปร่งใส โครงการต่างๆ ของรัฐบาล อย่างเช่น โครงการที่จะมีการลงทุนกัน 8 แสนล้าน โดยเฉพาะอย่างรวดเร็ว 2แสนล้าน ก็จะมีการเปิดเผยให้ประชาชน ให้พื้นที่ตรวจสอบกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้เรามั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของพี่น้องประชาชน ไม่รั่วไหลออกไป

“ส่วนโครงการที่พี่น้องประชาชนมีความห่วงใย ผมก็ยืนยันครับว่า ในการทำงานของผม คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะพิจารณาทุกเรื่องด้วยความรอบคอบ ด้วยการรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกท่านในเรื่องนี้ว่า เราไม่สามารถที่จะประมาทหรือปล่อยให้มีโครงการใดและมีช่องโหว่ในเรื่องการ ทุจริตได้เลยในยามที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ ที่สำคัญเราต้องการ ที่จะสร้างบรรทัดฐาน มาตรฐานที่ดี ธรรมาภิบาลในทางการเมือง เพราะฉะนั้น ก็ขอความร่วมมือจากทุกกระทรวงไปแล้ว”

**นายกฯเห็นใจพาณิชย์รับไม้ต่อ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีปัญหาการระบายสินค้าเกษตรด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ก็อยู่ในฐานะที่น่าเห็นใจ รัฐบาลนี้เข้ามาต้องมาสานต่อโครงการการรับจำนำพืชผลการเกษตร ที่มีการตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูงเกินความเป็นจริง และนำเอาสินค้าต่างๆ เข้ามาจำนำจำนวนมาก ทำให้สต็อกของสินค้าเกษตรเหล่านี้ของรัฐสูงมาก และมีความจำเป็นที่จะต้องระบาย และต้องไม่ให้เสื่อมคุณภาพ ระบายโดยไม่ให้กระทบตลาดจึงมีปัญหามาก ซึ่งในช่วงปีที่แล้วที่เริ่มต้นการจำนำ สินค้าเกษตรอย่างนี้ ทำให้การระบายสินค้ารัฐบาลเสียหายมากต้องขาดทุนเยอะ บางทีเป็นหมื่นล้านบาท แต่คนที่ได้ประโยชน์มีน้อยมาก

ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังทำในขณะนี้ก็คือ 1. ในแง่ของการระบายสินค้า ทำหลักเกณฑ์ให้เรียบร้อย และเรื่องนี้มีคณะทำงานที่ทางครม.ได้ตั้งขึ้นมา ประชุมกันเรียบร้อย จะเสนอหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันพุธที่ 3มิ.ย.นี้ ซึ่งตนมั่นใจว่าจะทำให้แนวทางการระบายสินค้านั้น สามารถรักษาประโยชน์ของประเทศชาติได้มากขึ้น ทั้งในแง่ของการขาดทุนน้อยลง หรือถ้าไม่ขาดทุนได้ก็ยิ่งดี รวมไปถึงการระบายสินค้าในลักษณะที่ไม่ไปกระทบกับราคาพืชผลการเกษตรในตลาด ขณะเดียวกันในระยะยาว เราก็จะต้องมาปรับแนวทางของการแทรกแซงพืชผล ทางการเกษตร

**มันสำปะหลังนำร่องประกันราคา
นายอภิสิทธิ์ ขณะนี้สิ่งที่ครม.ได้อนุมัติไปแล้วคือกรณีของมันสำปะหลัง ที่จะเริ่มต้นวิธีใหม่คือว่าเราจะรับจดทะเบียนเกษตรกรที่ปลูกมันตั้งแต่ต้นฤดูกาล จากนั้นจะมีการกำหนดราคาที่เรียกว่าเป็นราคาประกันที่จะไปใช้ ขณะนี้กำหนดไว้ที่ 1.70 บาท เมื่อพี่น้องเกษตรกรได้เอาผลผลิตออกมาขายแล้ว ถ้าได้ต่ำกว่าราคานี้เท่าไหร่ รัฐบาลก็จะชดเชยให้กับทุกรายที่มาขึ้นทะเบียนตามโครงการนี้

“โครงการนี้จะทำให้เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนจะได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง ไม่เหมือนกรณีจำนำ ซึ่งเราเห็นแล้วว่า เราเปิดรับจำนำได้ ก็ต้องกำหนดโควตา และจะมีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้ คนที่อยู่นอกโควตาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ซึ่งแนวทางนี้จะไม่มีภาระของภาครัฐในการเก็บสินค้าในสต๊อกและมาบริหารจัดการให้เกิดปัญหาอื่นๆ โดยจะเป็นแนวทางที่จะนำร่องไป สินค้าตัวอื่นๆ”

**โทษสื่อคุ้ยเกาเหลามากกว่าเนื้อหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงรอยร้าวในรัฐบาลว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างมีแน่นอน ของอย่างนี้จะไปบอกไม่มีอะไรเลยก็หลอกกันเปล่าๆ แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ก็เป็นเรื่องของมาตรการการทำงาน แต่สิ่งที่พูดคุยกันก็ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และสำคัญที่สุดก็คือต้องยึดประโยชน์ของประชาชนที่เป็นตัวได้ข้อยุติ

“ผมยังเชื่อมั่นว่า เราล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมือง จะพรรคเดียวกันหรือคนละพรรคก็ตาม สุดท้ายถ้าหากว่าเรายึดประโยชน์ประชาชน ทุกคนก็พอใจ แต่ถ้าเราไม่ยึดประโยชน์ประชาชน ถึงเราตกลงกันเองได้ วันข้างหน้าก็ไปไม่ได้ คือถ้าถามประชาชนทุกครั้งว่าเขาไม่ชอบอะไรที่สุดในเรื่องการเมือง มี2เรื่อง ติดอันดับตลอด คือ ความขัดแย้งกับการทุจริต”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากจะบอกว่าเวลามีความคิดเห็นที่แตกต่าง ตนก็เห็นการรายงานของสื่อจะเน้นอยู่ตรงนี้ แต่จริงๆ แล้วตนอยากให้เน้นว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นี้ ต้องการทำอะไร ถ้านำไปสู่ตัวเนื้องาน เอาเนื้องานมาพูดกัน เหมือนที่ตนอธิบายไปเมื่อสักครู่ว่าทำไมถึงคิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องการ แทรกแซงและการระบายสินค้าเกษตรมันทำเหมือนเดิมไม่ได้ หน่วยงานเขาอาจจะคิดว่ามันเคยทำมาแล้ว และก็คิดว่าเขาอาจจะปรับปรุงแล้ว แต่ตนก็มีบางมุมมองว่าอาจจะต้องทำเรื่องอีกแบบหนึ่งอีกวิธีหนึ่ง ก็มาดูกัน และอะไรประโยชน์สูงสุดก็ต้องไปอย่างนั้น ซึ่งวันพุธนี้น่าจะเรียบร้อยในแง่ของรูปแบบวิธีการของการระบายสินค้า เพราะยิ่งเก็บเอาไว้ในสต็อกก็มีปัญหาเยอะ

**อ้างเป็นเกษตรกรค้านระบบประกันราคา
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า วันนี้ (1 มิ.ย.) สมาคมชาวนาไทย ซึ่งอ้างว่ามีชาวนาจากภาคกลาง กว่า 1,000 คน จะเข้ายื่นหนังสือต่อรัฐบาลผ่าน รมว.พาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ หลังจากที่รัฐบาลแสดงความชัดเจนจะไม่มีโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตร และจะหันไปใช้วิธีประกันราคาพืชผลทางการเกษตรแทน ทั้งนี้หากรัฐบาลยังยืนยันเช่นเดิม จะมีกลุ่มชาวนาและเกษตรกรทุกกลุ่มจากทั่วประเทศ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อประท้วงรัฐบาลแน่นอน

กลุ่มที่อ้างว่า เป็นสมาคมชาวนาไทยและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเปลี่ยนจากโครงการรับจำนำ เป็นการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรแทน เนื่องจากวิธีการรับจำนำแบบเดิมรัฐบาลจะเป็นผู้จัดหายุ้งฉางเก็บผลผลิตทางการเกษตรและรัฐดำเนินการ ให้เกษตรกร ทุกอย่าง เกษตรกรมีหน้าที่นำผลผลิตไปเข้าโครงการรับจำนำเท่านั้น แต่หากเป็นการ ประกันราคาผลผลิตทางการเกษตรจะสร้างภาระให้กับเกษตรกร อีกทั้งเชื่อว่าจะไม่สามารถแทรกแซงราคาหรือพยุงราคาตลอดจนดึงราคาให้สินค้าเกษตรสูงขึ้นได้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้ง หากการรับจำนำสินค้าเกษตรเกิดปัญหาตรงจุดไหนก็ควรไปแก้ตรงจุดนั้น

นอกจากนี้ยังมีข้อร้องเรียน คือการขอเพิ่มโควตารับจำนำข้าวในแต่ละจังหวัด เนื่องจากขณะนี้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในหลายพื้นที่ประสบปัญหา ผลผลิตข้าวในแต่ละจังหวัดเกินโควตาที่รัฐบาลจัดสรรให้ เช่น ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับจัดสรรโควตารับจำนำเพียง 54,374 ตัน แต่จนถึงขณะนี้มียอดรับจำนำเกินไป ถึงกว่า 1,000 ตัน ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องขายข้าวเปลือกแก่พ่อค้าในราคาต่ำ เพียง 7,000 - 8,000 บาท

**กอร์ปศักดิ์”ล้มรับจำนำกุ้ง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือ เกษตรกร (คชก.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไม่อนุมัติให้มีการรับจำนำกุ้งตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอในโครงการ ช่วยเหลือราคากุ้งขาวแวนนาไม ของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง 8 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้พิจารณา 2 แนวทาง คือ 1.ให้เปิดรับจำนำ 10,000 ตัน ราคากก.ละ 105-160 บาท จากปริมาณผลผลิตรวม 400,000 ตัน ตามที่ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์เสนอมา เพราะเรื่องนี้ถูกกดดันจาก กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์

ส่วนแนวทางที่ 2.ให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กลุ่มสหกรณ์ ผู้เลี้ยงกุ้งกู้ยืม และทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (คอนแทรค ฟาร์มมิ่ง) ให้เอกชนไปรับซื้อจากมือเกษตรกรโดยตรง โดยที่ประชุมได้อนุมัติในแนวทางนี้เท่านั้น

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมตัวแทน จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงมหาดไทยได้คัดค้าน เพราะเห็นว่าการเปิดรับจำนำขัดกับนโยบายรัฐที่ต้องการยกเลิกระบบจำนำ โดยให้ไปดำเนินการรับประกันสินค้าการเกษตรแทน และยังเห็นว่า การเปิดจำนำเพียง 10,000 ตัน ไม่ส่งผลดีต่อภาพรวมของเกษตรกร ขณะที่ประธานในที่ประชุม ได้ให้นำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาในการประชุม คชก. ครั้งหน้า

**ปธ.วุฒิฯสงสัยโครงการเช่ารถเมล์
นายประสพสุข บุญเดช
ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันรัฐบาลกำลังตรวจสอบรายละเอียดคิดว่าโครงการนี้คงชะลอไว้ก่อน ซึ่งเป็นอำนาจของ นายกรัฐมนตรีที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน คิดว่าคงไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะโครงการไหนดีก็ได้หน้ากัน แต่ถ้าโครงการไหน เกิดผลกระทบก็เสียทั้ง ครม.

“โครงการนี้เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งรัฐบาล ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่กระทรวงไหนทำไม่ดีก็พังไปทั้งรัฐบาล สำหรับผมยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด แต่ก็มีข้อสงสัยเหมือนหลายคนซึ่งสงสัยทุกเรื่อง ทำไมต้องเช่า ทำไมแพง ทำไมดอกเบี้ยสูง หาก ครม. จะอนุมัติโครงการนี้ต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจน”

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเคยคัดค้านโครงการนี้ แต่ขณะนี้เหมือนกับจะจำยอม นายประสพสุข กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้นเรื่องที่ค้านก็คงค้าน สนับสนุนก็คงสนับสนุน เมื่อถามว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายประสพสุข ตอบว่า ไม่ใช่ถึงจะเป็นพรรครัฐบาล หากมีเรื่องทุจริต ก็ต้องคัดค้าน เพราะจะโดนไปด้วยกันและจะถูกฟ้องทั้ง ครม. ส่วนที่วิจารณ์ว่าจะเหมือนบุฟเฟ่ต์คาบิเนต นายประสพสุขตอบว่า เหรอ ต้องติดตามดู
กำลังโหลดความคิดเห็น