ใครที่ได้เห็นการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ก็จะต้องประทับใจ โดยเฉพาะการใช้สิทธิโดยตรงในการพิจารณาตั้งพรรค นับว่าเป็นวิธีการหนึ่งของ “การเมืองใหม่” ที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดทำมาก่อน
เมื่อพันธมิตรฯ ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง ก็ไม่ได้หมายความว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาฯ จะต้องไม่มี เพียงแต่จะต้องไม่มีการชุมนุมประท้วงอย่างยืดยาว และมีการยึดสถานที่ทำการของรัฐบาลเท่านั้น หากใครคิดว่า เมื่อมีพรรคการเมืองแล้ว พันธมิตรฯ จะชุมนุมนอกสภาฯ ไม่ได้ก็คิดผิด เพราะสิทธิของการชุมนุมยังคงมีอยู่ นอกจากนั้น พรรคพันธมิตรฯ ก็คงจะใช้การจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อให้การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชนต่อไป
ผมชอบใจที่จิตตนาถ ลิ้มทองกุล พูดตรงๆ ว่า ASTV เป็นสื่อที่เลือกข้างแล้ว แทนที่จะแอบๆ ให้การสนับสนุนนักการเมืองคนใดคนหนึ่งอยู่อย่างที่ชอบทำกัน
ผู้ที่น่าจะเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกของพันธมิตรฯ ก็คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แม้ว่าคุณสนธิ จะไม่เคยมีความปรารถนาในการเข้ามาทำงานการเมือง แต่ก็มีคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนักการเมืองที่ดีได้หลายประการ ทั้งทางด้านการศึกษา ประสบการณ์ ความตั้งใจ และแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง
คุณสนธิมีเลือดนักต่อสู้ แม้จะบอกว่าเป็นลูกเจ๊กลูกจีน แต่ก็ไม่ใช่เจ๊กจีนธรรมดา บิดาของคุณสนธิเป็นนักเรียนนายร้อยหวงผู่ มีบทบาทในการเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่น มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้นำจีนที่ร่วมต่อต้านญี่ปุ่นด้วยกัน ตัวคุณสนธิเองก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้นำจีนระดับโปลิตบูโร
คุณสนธิ มีความรู้และประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ด้านการเงินการลงทุน รู้จักนักวาณิชธนกิจ และบริษัทวาณิชธนกิจนานาชาติ เพราะเคยไปซื้อกิจการโรงพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา และตั้งบริษัทเอเชีย อิงค์ ที่ฮ่องกง ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา คุณสนธิเดินทางรอบโลก รู้จักผู้คนมากมาย ทั้งในอเมริกา ยุโรป เอเชีย โดยเฉพาะอินโดจีน และจีน ทั้งจีนใหญ่ และไต้หวัน
การที่เป็นคนชอบอ่าน ชอบคิด ทำให้คุณสนธิมีความรอบรู้เท่าทันโลก คุณสนธิอ่านหนังสือด้วยตนเอง ต่างกับคุณทักษิณที่มีผู้อ่านแล้วย่อความเป็นภาษาไทยให้ คุณสนธิมีความสามารถทางภาษา พูดภาษาอังกฤษได้ สามารถแสดงปาฐกถาได้ดี และพูดภาษาจีนกลางได้ นอกจากนั้นก็ยังชอบศิลปะ มีน้อยคนที่รู้ว่าคุณสนธิมีภาพวาดของศิลปินชั้นนำของจีนมากที่สุด
คุณสนธิเป็นผู้ใฝ่ในธรรม มีครูบาอาจารย์ และเคยบวชเรียนมาแล้ว ทำให้มีการพัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วและมั่นคง จนเกิดความอดทนอดกลั้นอันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักการเมือง
ถ้าคุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็จะเป็นที่คร้ามเกรงของหลายพรรคการเมือง พรรคพันธมิตรฯ ที่ยึดแนวทางการเมืองใหม่ จะเป็นพรรคทางเลือก แม้จะต้องดำเนินงานทางการเมืองยากลำบากหน่อย แต่ในระยะยาวก็จะมีความยั่งยืน
พรรคพันธมิตรฯ ที่มีแนวทางการเมืองใหม่ จะเป็นอย่างไรนั้น พอจะคาดการณ์ได้ดังนี้
1. การก่อตั้งพรรค และการเลือกหัวหน้าพรรคมาจากการประชุมใหญ่ของพรรค
2. การคัดเลือกตัวผู้สมัครมาจากประชาชนผู้เป็นสมาชิกของเขตเลือกตั้งนั้นๆ
3. พรรคจะเลือกเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีประวัติการทำงานที่สะอาด
4. พรรคจะไม่ใช้วิธีการซื้อสิทธิในการเลือกตั้ง
5. ผู้นำพรรคไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปร่วมเป็นรัฐมนตรี
6. ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับสมาชิกจะมีอยู่ตลอดเวลา โดยผ่านทางกิจกรรมทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ
7. พรรคจะไม่อาศัยตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ
8. พรรคจะพยายามดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองโดยเสนอแนวความคิดใหม่ๆ ในการจัดโครงสร้างทางการเมือง
9.การระดมเงินจะอาศัยฐานสมาชิก และการจัดทำสิ่งของขายแก่สมาชิก
โดยเฉพาะข้อสุดท้ายนี้ หากสมาชิกให้ค่าบำรุงพรรคคนละ 100 บาทต่อเดือนอย่างสม่ำเสมอ พรรคพันธมิตรฯ ก็จะเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ลดการพึ่งพาการเงินจากนายทุนเพียงไม่กี่คน และก็จะมีอิสระในการดำเนินงานทางการเมืองได้
การได้คุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรค จะทำให้พรรคพันธมิตรฯ เป็นพรรคที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะคุณสนธิได้รับศรัทธาจากประชาชนจำนวนมาก มีผู้คะเนว่า ผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ทั่วประเทศมีไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน และยิ่ง ASTV ขยายจานดาวเทียมออกไปสู่ชนบทมากขึ้น ผู้สนับสนุนก็จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ ในการเลือกตั้งครั้งแรกพรรคใหม่นี้อาจได้ที่นั่งในสภาฯ ไม่มากนัก แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่สองคงจะได้เพิ่มขึ้น สามารถเป็นพรรคขนาดกลางได้ในระยะเวลา 2-3 ปี
จะอย่างไรก็ตาม พรรคพันธมิตรฯ จะส่งผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวงต่อการเมืองไทยอย่างแน่นอน
เมื่อพันธมิตรฯ ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง ก็ไม่ได้หมายความว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาฯ จะต้องไม่มี เพียงแต่จะต้องไม่มีการชุมนุมประท้วงอย่างยืดยาว และมีการยึดสถานที่ทำการของรัฐบาลเท่านั้น หากใครคิดว่า เมื่อมีพรรคการเมืองแล้ว พันธมิตรฯ จะชุมนุมนอกสภาฯ ไม่ได้ก็คิดผิด เพราะสิทธิของการชุมนุมยังคงมีอยู่ นอกจากนั้น พรรคพันธมิตรฯ ก็คงจะใช้การจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อให้การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชนต่อไป
ผมชอบใจที่จิตตนาถ ลิ้มทองกุล พูดตรงๆ ว่า ASTV เป็นสื่อที่เลือกข้างแล้ว แทนที่จะแอบๆ ให้การสนับสนุนนักการเมืองคนใดคนหนึ่งอยู่อย่างที่ชอบทำกัน
ผู้ที่น่าจะเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกของพันธมิตรฯ ก็คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แม้ว่าคุณสนธิ จะไม่เคยมีความปรารถนาในการเข้ามาทำงานการเมือง แต่ก็มีคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนักการเมืองที่ดีได้หลายประการ ทั้งทางด้านการศึกษา ประสบการณ์ ความตั้งใจ และแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง
คุณสนธิมีเลือดนักต่อสู้ แม้จะบอกว่าเป็นลูกเจ๊กลูกจีน แต่ก็ไม่ใช่เจ๊กจีนธรรมดา บิดาของคุณสนธิเป็นนักเรียนนายร้อยหวงผู่ มีบทบาทในการเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่น มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้นำจีนที่ร่วมต่อต้านญี่ปุ่นด้วยกัน ตัวคุณสนธิเองก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้นำจีนระดับโปลิตบูโร
คุณสนธิ มีความรู้และประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ด้านการเงินการลงทุน รู้จักนักวาณิชธนกิจ และบริษัทวาณิชธนกิจนานาชาติ เพราะเคยไปซื้อกิจการโรงพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา และตั้งบริษัทเอเชีย อิงค์ ที่ฮ่องกง ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา คุณสนธิเดินทางรอบโลก รู้จักผู้คนมากมาย ทั้งในอเมริกา ยุโรป เอเชีย โดยเฉพาะอินโดจีน และจีน ทั้งจีนใหญ่ และไต้หวัน
การที่เป็นคนชอบอ่าน ชอบคิด ทำให้คุณสนธิมีความรอบรู้เท่าทันโลก คุณสนธิอ่านหนังสือด้วยตนเอง ต่างกับคุณทักษิณที่มีผู้อ่านแล้วย่อความเป็นภาษาไทยให้ คุณสนธิมีความสามารถทางภาษา พูดภาษาอังกฤษได้ สามารถแสดงปาฐกถาได้ดี และพูดภาษาจีนกลางได้ นอกจากนั้นก็ยังชอบศิลปะ มีน้อยคนที่รู้ว่าคุณสนธิมีภาพวาดของศิลปินชั้นนำของจีนมากที่สุด
คุณสนธิเป็นผู้ใฝ่ในธรรม มีครูบาอาจารย์ และเคยบวชเรียนมาแล้ว ทำให้มีการพัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วและมั่นคง จนเกิดความอดทนอดกลั้นอันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักการเมือง
ถ้าคุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็จะเป็นที่คร้ามเกรงของหลายพรรคการเมือง พรรคพันธมิตรฯ ที่ยึดแนวทางการเมืองใหม่ จะเป็นพรรคทางเลือก แม้จะต้องดำเนินงานทางการเมืองยากลำบากหน่อย แต่ในระยะยาวก็จะมีความยั่งยืน
พรรคพันธมิตรฯ ที่มีแนวทางการเมืองใหม่ จะเป็นอย่างไรนั้น พอจะคาดการณ์ได้ดังนี้
1. การก่อตั้งพรรค และการเลือกหัวหน้าพรรคมาจากการประชุมใหญ่ของพรรค
2. การคัดเลือกตัวผู้สมัครมาจากประชาชนผู้เป็นสมาชิกของเขตเลือกตั้งนั้นๆ
3. พรรคจะเลือกเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีประวัติการทำงานที่สะอาด
4. พรรคจะไม่ใช้วิธีการซื้อสิทธิในการเลือกตั้ง
5. ผู้นำพรรคไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปร่วมเป็นรัฐมนตรี
6. ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับสมาชิกจะมีอยู่ตลอดเวลา โดยผ่านทางกิจกรรมทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ
7. พรรคจะไม่อาศัยตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ
8. พรรคจะพยายามดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองโดยเสนอแนวความคิดใหม่ๆ ในการจัดโครงสร้างทางการเมือง
9.การระดมเงินจะอาศัยฐานสมาชิก และการจัดทำสิ่งของขายแก่สมาชิก
โดยเฉพาะข้อสุดท้ายนี้ หากสมาชิกให้ค่าบำรุงพรรคคนละ 100 บาทต่อเดือนอย่างสม่ำเสมอ พรรคพันธมิตรฯ ก็จะเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ลดการพึ่งพาการเงินจากนายทุนเพียงไม่กี่คน และก็จะมีอิสระในการดำเนินงานทางการเมืองได้
การได้คุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรค จะทำให้พรรคพันธมิตรฯ เป็นพรรคที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะคุณสนธิได้รับศรัทธาจากประชาชนจำนวนมาก มีผู้คะเนว่า ผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ทั่วประเทศมีไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน และยิ่ง ASTV ขยายจานดาวเทียมออกไปสู่ชนบทมากขึ้น ผู้สนับสนุนก็จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ ในการเลือกตั้งครั้งแรกพรรคใหม่นี้อาจได้ที่นั่งในสภาฯ ไม่มากนัก แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่สองคงจะได้เพิ่มขึ้น สามารถเป็นพรรคขนาดกลางได้ในระยะเวลา 2-3 ปี
จะอย่างไรก็ตาม พรรคพันธมิตรฯ จะส่งผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวงต่อการเมืองไทยอย่างแน่นอน