xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯลอยตัวมาบตาพุดซื้อเวลา 1 เดือนรอคำตอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวทีกรอ.เอกชนเสนอธปท.ให้แยกจัดการค่าเงินบาทเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้ส่งออกและกลุ่มนักลงทุนหรือบริหารเป็น 2 ตลาดเพื่อดูแลส่งออกไทยไม่ให้ได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้เหตุบาทแข็งค่าซ้ำเติมส่งออกไทย ขณะที่ธปท.รายงานบาทเคลื่อนไหวปกติรับปากจะไปดูแล “มารค์”จี้อีกทางยันไม่ได้แทรกแซงธปท. ขณะที่ความชัดเจนกรณีคุมมลพิษมาบตาพุดยังไม่มีรอคำตอบอีก 1 เดือน

นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยหลังการหารือในเวทีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) วานนี้(27พ.ค.) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ภาคเอกชนได้หารือถึงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยที่มีความแข็งค่ามากขึ้นในช่วง 1-2เดือนที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกค่อนข้างมากจึงได้ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ช่วยเหลือด้วยการแยกแนวทางการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนออกเป็น 2 กลุ่มระหว่าง กลุ่มผู้ส่งออก และกลุ่มผู้ลงทุน ซึ่งธปท.พร้อมจะนำไปศึกษาว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร
“เราเป็นห่วงค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้นซึ่งจะกระทบกับส่งออกที่แย่อยู่แล้วให้หนักขึ้น โดยเห็นว่าน่าจะแยกออกเป็น 2 ตลาดได้คือตลาดสำหรับผู้ส่งออก และตลาดการเงิน”นายสันติกล่าว
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องของผู้ประกอบการที่ล่าสุดผู้ประกอบการมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามาแต่สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเนื่องจากไม่มีหลักค้ำประกันเพียงพอว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)รับเป็นเจ้าภาพไปหารือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิม แบงก์)ให้ เพราะเอ็กซิมแบงก์มีวงเงินค้ำประกันผู้ส่งออกอยู่ 1.5 แสนล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี แต่ปัจจุบันวงเงินดังกล่าวมีการใช้ไปเพียง 8-9%เท่านั้น นอกจากนี้สภาพัฒน์ฯรับไปหารือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอี แบงก์)ให้ช่วยด้วย

นายกฯมอบธปท.ดูแลค่าบาท
นายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธปท.ได้รายงานที่ประชุมเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาท โดยระบุว่าเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นปกติและสอดคล้องกับภูมิภาค แต่ยอมรับว่าผู้ส่งออกไทยอาจได้รับผลกระทบเมื่อค่าบาทแข็งค่าขึ้นดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้ธปท.ติดตามความเชื่อไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดโดยรัฐบาลไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานเพราะเป็นอำนาจ ธปท.

มาบตาพุดรอไปอีก 1 เดือน
สำหรับกรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่บริเวณมาบตาพุด นายพุฒิพงศ์กล่าวว่า ภาคเอกชนเสนอให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน เพราะหลังจากมติออกมา ทำให้ส่วนราชการทุกส่วนไม่กล้าออกใบอนุญาต ส่งผลทุกโครงการหยุดชะงักลงนายกฯจึงให้หน่วยงานภาครัฐ ทั้งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกไปหารือร่วมกัน เพื่อให้ภาคเอกชนมีความชัดเจนว่าจะสามารถลงทุนต่อเนื่องได้หรือไม่ โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนแผนควบคุมมลพิษก็น่าจะมีความชัดเจนออกมา
นายดุสิต นนทะนาคาร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนได้มีการเสนอในที่ประชุม กรอ.ให้ทบทวนระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(อีอ็อกชั่น)ใหม่ เพราะมีประสบการณ์ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาแล้วว่าควรจะต้องมีการปรับปรุงระเบียบดังกล่าวในบางประเด็น เช่นการจัดซื้อจัดจ้างของอุตสาหกรรมก่อสร้าง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเวชภัณฑ์ควรยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีอีอ็อกชัน โดย กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับภาคเอกชนในการทบทวนการใช้ระบบอีอ็อกชัน คาดว่าน่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 เดือนก่อนที่จะมาเสนอในที่ประชุม กรอ.ครั้งต่อไป

หนุนพ.ร.ก.กู้เงิน
ส่วน พ.ร.ก.กู้เงินนั้น เห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องกู้ เพราะต้องยอมรับว่าเงินไม่มีและปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวก็เกิดทั่วโลกไม่แค่ไทยประเทศเดียว ดังนั้นหากมัวนั่งทะเลาะกันและขัดแย้งกันเองแล้วจะทำให้ประเทศชาติผ่านวิกฤตไปได้อย่างไร โดยไตรมาสแรกปีนี้จีดีพีก็ติดลบไปแล้ว 7.1% และไตรมาส2 ก็มีแนวโน้มติดลบเช่นกัน ซึ่งหากปัญหาการตีความกฎหมายต่างๆผ่านพ้นไปก็ควรเลิกใช้วิธีขัดแข้งขัดขากันเองแล้วหันมาร่วมมือกันแก้ปัญหาจะดีกว่า เพราะปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข
กำลังโหลดความคิดเห็น