นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 เพื่อพิจารณาเรื่องการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา
วันนี้ (27 พ.ค.) เวลา 09.00 น.ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 เพื่อพิจารณาเรื่องการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา
โดยการประชุมพิจารณาเรื่องการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเลกทรอนิกส์ พ.ศ.2549 รวมทั้งการยกเลิกการใช้ระเบียบ e-Auction ที่เกี่ยวกับงานการประมูลก่อสร้างซึ่งเป็นเอกสารบัญชีแสดงรายการวัสดุและปริมาณสินค้า (Bill of Quantity: BOQ) ที่มีหลากหลายรายการในโครงการเดียวกัน งานประมูลจัดซื้อประเภทสินค้าและบริการสินค้าเทคโนโลยี และงานการประมูลจัดซื้อพัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น สินค้าเวชภัณฑ์ สายส่งไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น รวมถึงเรื่องการใช้ระเบียบ e-Auction ที่ใช้กับการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ทั่วไปที่เป็นของประเภทครุภัณฑ์มาตรฐาน (Common Goods) เช่น โต๊ะ เก้าอี้ กระดาษ ซึ่งไม่มีความซ้ำซ้อนและไม่มีวงเงินสูง
โดยในเรื่องดังกล่าวที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (ก.ก.ร.) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการประเมินผลการบังคับใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเลกทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการปรับปรุง/แก้ไขระเบียบฯ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ภายในเวลา 2 เดือน โดยให้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
ส่วนการประชุมพิจารณาเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา ซึ่งสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย ได้เสนอในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการให้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ภายใต้กำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี หรือเพิ่มบทบาทหน้าที่ในหน่วยงานเดิม (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม) ในการรับทราบปัญหาและแนวทางแก้ไขจากสมาคมตัวแทนธุรกิจสาขาต่างๆ เพื่อให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะสมาคมต่างๆ สะท้อนปัญหาและแนวทางแก้ไขเป็นรายอุตสาหกรรม รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงเงินกู้ฉุกเฉินผ่านระบบธนาคารพาณิชย์สำหรับผู้ส่งออก ที่ขอให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ สำหรับการกู้เงินของผู้ประกอบการที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการสามารถนำสัญญาหรือเอกสารคำสั่งซื้อมาเป็นเอกสารค้ำประกันได้ และขอให้มีการกำหนดใช้มาตรการดังกล่าวจนถึงเดือนธันวาคม 2552
ที่ประชุมได้มีมติที่ประชุม มอบหมายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับไปพิจารณาจัดทำข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่ครบวงจรทั้งระบบของอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง (รวมถุงมือยาง) โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อการพัฒนาได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน แล้วนำเสนอคณะกรรมการ ก.ก.ร.และคณะกรรมการ กรอ.ต่อไป และให้สมาคมธนาคารไทยรับไปพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการผลิตถุงมือยาง กรณีที่ไม่สามารถขยายวงเงินเครดิตได้อีกด้วย
