รอยเตอร์ – ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน บ่งชี้ถึงการกระเตื้องขึ้นของภาวะเศรษฐกิจ หลังจากย่ำแย่ซึมเซาหนักในไตรมาสแรกปีนี้ โดยตัวเลขล่าสุดของช่วงดังกล่าวที่แถลงกันออกมา นั่นคือ ราคาบ้าน ก็ปรากฏว่าร่วงลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
เดอะ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์การภาคธุรกิจชื่อดัง รายงานเมื่อวันอังคาร(26)ว่า ดัชนีผู้บริโภคที่กลุ่มจัดทำนั้น ดีดขึ้นไปอยู่ที่ 54.9 ในเดือนพฤษภาคม เทียบกับตัวเลขที่ปรับแล้วของเดือนเมษายนซึ่งอยู่ที่ 40.8 และตัวเลขคาดการณ์เดือนพฤษภาคมของพวกนักเศรษฐศาสตร์ที่ 42.0 ก็จะเห็นว่าดีกว่ากันมาก นอกจากนั้นยังเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเดือนต่อเดือน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2003 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงระยะที่อเมริกาทั้งเชื่อว่าสงครามอิรักจะสิ้นสุดในไม่ช้า
การกระเตื้องขึ้นอันเห็นได้ชัดของเดือนพฤษภาคมนี้ แสดงถึงอารมณ์และความรู้สึกอันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด หล่นลงไปแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการดีดขึ้นครั้งนี้ก็ส่งให้ดัชนีหลักในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นมากกว่า 2%
อย่างไรก็ตาม หาใช่ตัวเลขเศรษฐกิจทุกตัวจะดีขึ้นกันทั่วหน้า ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์สำหรับราคาบ้านครอบครัวเดี่ยวในสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งเพิ่งแถลงออกมาเมื่อวันอังคารเช่นกัน ปรากฏว่ายังคงตกลงไปอีก 18.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และตลอดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาบ้านร่วงลงไปถึง 19.1% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 21 ปีของการทำดัชนี และสะท้อนถึงสภาพอันย่ำแย่มากที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัย
“จำนวนบ้านที่ล้นตลาดรวมทั้งสินเชื่อตึงตัวเป็นปัจจัยที่กดราคาบ้านให้ลงไปอีก” แกรี เทเยอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งเวลส์ ฟาร์โก แอดไวเซอร์ ที่ เมืองเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรีกล่าว
ปัจจัยเรื่องราคาที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งซึ่งกดให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดฮวบลงสู่ระดับต่ำสุดๆ เป็นประวัติการณ์ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นการพุ่งพรวดของดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม จึงน่าจะแสดงให้เห็นถึงภาวการณ์ที่ดีขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย
เหล่านักวิเคราะห์เชื่อว่า การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยจะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เนื่องจากสถานะการเงินของผู้บริโภคสหรัฐฯนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับราคาบ้านของพวกเขาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเช่นนี้ ยังดูจะสะท้อนให้เห็นถึงการผ่อนคลายในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ จากที่เคยเขม็งเกลียวเพราะมีคนตกงานเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากการสำรวจของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกันที่บอกว่างานหายากมากนั้น ลดลงไปจากที่เคยอยู่ที่ 46.6% มาเป็น 44.7% ส่วนคนที่บอกว่างานหาง่ายนั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.9% มาเป็น 5.7%
ข้อมูลนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับหลักฐานด้านเศรษฐกิจที่บอกว่า แม้เศรษฐกิจจะยังคงหดตัวต่อไปอีกในไตรมาสนี้ แต่อัตราความเร็วของการทรุดตัวก็เริ่มช้าลงไปแล้ว
“อัตราการดิ่งลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลงนี้ ทำให้เกิดความหวังว่าการกระเตื้องขึ้นอันแท้จริงจะบังเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” มาร์ก วิทเนอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งวาโคเวียกล่าว “แต่จนถึงเวลานี้ยังแทบไม่เห็นการกระเตื้องขึ้นชนิดจับต้องได้ สภาพการณ์ตอนนี้ก็เพียงแต่ไม่เลวร้ายเหมือนกับที่เคยเป็นเมื่อเดือนก่อนๆ
เดอะ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์การภาคธุรกิจชื่อดัง รายงานเมื่อวันอังคาร(26)ว่า ดัชนีผู้บริโภคที่กลุ่มจัดทำนั้น ดีดขึ้นไปอยู่ที่ 54.9 ในเดือนพฤษภาคม เทียบกับตัวเลขที่ปรับแล้วของเดือนเมษายนซึ่งอยู่ที่ 40.8 และตัวเลขคาดการณ์เดือนพฤษภาคมของพวกนักเศรษฐศาสตร์ที่ 42.0 ก็จะเห็นว่าดีกว่ากันมาก นอกจากนั้นยังเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเดือนต่อเดือน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2003 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงระยะที่อเมริกาทั้งเชื่อว่าสงครามอิรักจะสิ้นสุดในไม่ช้า
การกระเตื้องขึ้นอันเห็นได้ชัดของเดือนพฤษภาคมนี้ แสดงถึงอารมณ์และความรู้สึกอันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด หล่นลงไปแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการดีดขึ้นครั้งนี้ก็ส่งให้ดัชนีหลักในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นมากกว่า 2%
อย่างไรก็ตาม หาใช่ตัวเลขเศรษฐกิจทุกตัวจะดีขึ้นกันทั่วหน้า ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์สำหรับราคาบ้านครอบครัวเดี่ยวในสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งเพิ่งแถลงออกมาเมื่อวันอังคารเช่นกัน ปรากฏว่ายังคงตกลงไปอีก 18.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และตลอดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาบ้านร่วงลงไปถึง 19.1% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 21 ปีของการทำดัชนี และสะท้อนถึงสภาพอันย่ำแย่มากที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัย
“จำนวนบ้านที่ล้นตลาดรวมทั้งสินเชื่อตึงตัวเป็นปัจจัยที่กดราคาบ้านให้ลงไปอีก” แกรี เทเยอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งเวลส์ ฟาร์โก แอดไวเซอร์ ที่ เมืองเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรีกล่าว
ปัจจัยเรื่องราคาที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งซึ่งกดให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดฮวบลงสู่ระดับต่ำสุดๆ เป็นประวัติการณ์ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นการพุ่งพรวดของดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม จึงน่าจะแสดงให้เห็นถึงภาวการณ์ที่ดีขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย
เหล่านักวิเคราะห์เชื่อว่า การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยจะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เนื่องจากสถานะการเงินของผู้บริโภคสหรัฐฯนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับราคาบ้านของพวกเขาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเช่นนี้ ยังดูจะสะท้อนให้เห็นถึงการผ่อนคลายในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ จากที่เคยเขม็งเกลียวเพราะมีคนตกงานเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากการสำรวจของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกันที่บอกว่างานหายากมากนั้น ลดลงไปจากที่เคยอยู่ที่ 46.6% มาเป็น 44.7% ส่วนคนที่บอกว่างานหาง่ายนั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.9% มาเป็น 5.7%
ข้อมูลนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับหลักฐานด้านเศรษฐกิจที่บอกว่า แม้เศรษฐกิจจะยังคงหดตัวต่อไปอีกในไตรมาสนี้ แต่อัตราความเร็วของการทรุดตัวก็เริ่มช้าลงไปแล้ว
“อัตราการดิ่งลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลงนี้ ทำให้เกิดความหวังว่าการกระเตื้องขึ้นอันแท้จริงจะบังเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” มาร์ก วิทเนอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งวาโคเวียกล่าว “แต่จนถึงเวลานี้ยังแทบไม่เห็นการกระเตื้องขึ้นชนิดจับต้องได้ สภาพการณ์ตอนนี้ก็เพียงแต่ไม่เลวร้ายเหมือนกับที่เคยเป็นเมื่อเดือนก่อนๆ
