เอเอฟพี - ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี กล่าวเมื่อวันอังคาร (14) ว่าเริ่มมีสัญญาณแสดงให้เห็นแล้วว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างยาวนานกำลังทำท่าดีขึ้น แต่ก็เตือนว่ายังคงจำเป็นต้องทำให้ภาคการเงินมีเสถียรภาพ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ
เบอร์นันกีกล่าวว่า เขาเห็น "สัญญาณหลายอย่างซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดิ่งลงรุนแรงก่อนหน้านี้นั้น การทรุดต่ำน่าจะกำลังชะลอตัวลงแล้ว" เขายังได้อ้างถึงยอดขายบ้าน, จำนวนบ้านสร้างใหม่, และการใช้จ่ายของผู้บริโภค, รวมทั้งยอดขายรถใหม่ด้วย
ประธานเฟดชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังจะไม่สามารถฟื้นตัวอย่างยั่งยืน หากยังไม่สามารถทำให้ระบบการเงินและตลาดสินเชื่อมีเสถียรภาพ
"เรากำลังสร้างความคืบหน้าไปในด้านที่กล่าวนี้(ภาคการเงิน)ด้วย ธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังทุ่มเทเพื่อทำให้กลับมีเสถียรภาพทางการเงินกันอีกครั้ง เพราะนี่คือก้าวแรกแห่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ" เขากล่าว
ปัญหาใหญ่ของตลาดการเงินต่าง ๆก็คือ สินทรัพย์ "เน่าเสีย" ที่ยังคงค้างอยู่ในงบดุลของธนาคาร ซึ่งกำลังเป็นเครื่องถ่วงหน่วงเหนี่ยวตลาดการเงิน ไม่ให้เกิดการพัฒนาเพื่อให้พ้นจากภาวะปั่นป่วน ทั้งนี้สินทรัพย์เน่าเสียเหล่านี้ เกิดจากการที่ตลาดตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ล้มครืนไปแล้วนั่นเอง
เบอร์นันกีกล่าวว่า เขามีความเชื่ออย่างมากในรากฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ "สถานการณ์เศรษฐกิจในวันนี้แม้จะยังคงยากลำบาก แต่พื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นแข็งแกร่ง และไม่มีปัญหาใดที่เราจะไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ด้วยความพยายามแก้ไข ความอดทนและการเดินหน้ามาตรการต่าง ๆต่อไป"
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมที่ออกมาก็ไม่เป็นไปในทางเดียวกับสิ่งที่เบอร์นันกีกล่าว เพราะยอดค้าปลีกเดือนที่แล้วที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศออกมาในวันอังคารนั้น หดตัวลง 1.1% หลังจากเพิ่มขึ้นมาสองเดือนก่อนหน้านี้ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานก็เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวปัญหาการเข้าถึงเม็ดเงินของธุรกิจและผู้คนก็ยังคงอยู่ต่อไป
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีบารัค โอบามาก็ได้ออกมากล่าวในทิศทางเดียวกับเบอร์นันกีว่า เริ่มมีประกายแรกแห่งความหวังว่าเศรษฐกิจจะพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนว่าจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น อัตราการบังคับขายบ้านทอดตลาดก็ยังคงไม่ลดน้อยลง ความเจ็บปวดจากปัญหาเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ไปอีกหลายเดือนข้างหน้า
เบอร์นันกีกล่าวว่า "ยาขนานพิเศษของเฟด"ในการแก้ไขปัญหาสินเชื่อไม่ไหลเวียนไปยังภาคครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ ยังคงสามารถนำมาใช้และออกฤทธิ์ต่อเศรษฐกิจได้ แม้ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปใกล้ 0% แล้ว ซึ่งไม่สามารถจะลงไปได้มากกว่านี้แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาก็แสดงความกังวลว่ายังคงมีความพยายามไม่เพียงพอ ในการสร้างเสถียรภาพในตลาดบ้านซึ่งเป็นศูนย์กลางของปัญหา
"การพลิกฟื้นตลาดที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด" เขากล่าวและเอ่ยถึงมาตรการหลายอย่างที่จะสางปัญหาหลักทรัพย์ที่อิงอยู่กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หมดสภาพคล่องแล้วให้ออกไปจากตลาด
เฟดได้เริ่มเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่อิงอยู่กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในตลาดแล้ว โดยการอนุมัติเม็ดเงินมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ เพื่อเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการประกันจากแฟนนี เมและเฟรดดี แม็ค สองบริษัทสินเชื่อบ้านยักษ์ใหญ่ของประเทศที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล
"แน่นอนว่าตลาดที่อยู่อาศัยตอนนี้ยังคงย่ำแย่ แต่การลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมทั้งราคาบ้านที่ถูกลงจะทำให้คนจำนวนมากสามารถกลับมาซื้อบ้านได้อีกครั้งหนึ่ง" เขากล่าว
นอกจากนี้เบอร์นันกีก็กล่าวว่า เฟดจับตามองสัญญาณของเงินเฟ้ออยู่อย่างใกล้ชิด และหากว่ามีสัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เฟดก็พร้อมที่จะหันกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดทางการเงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อควบคุมสถานการณ์เอาไว้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์หลายรายออกมาวิจารณ์ว่า การอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่เศรษฐกิจของเฟด อาจกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อขึ้นได้
