การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด เดือนมีนาคม ได้คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไปในทิศทางที่เลวร้ายกว่าที่เคยประชุมกันเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยเชื่อว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ที่แท้จริงจะเริ่มการขยายตัวอย่างช้าๆ ในปีหน้า เนื่องจากความตึงเครียดในตลาดการเงินผ่อนคลายลง อีกทั้งมาตรการการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผล ในขณะที่การปรับฐานของราคาบ้านที่อยู่อาศัยมาถึงจุดสิ้นสุด
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายในครั้งนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเกือบทั้งหมดชี้ว่า สภาวะแวดล้อมต่างๆ ในขณะนี้เลวร้ายลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเมื่อเดือนมกราคม การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างกว้างขวางและทั่วทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการดำดิ่งของราคาหุ้นอย่างขนานใหญ่ ราคาบ้านลดลงมากขึ้น และจำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่กระทบต่อการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุน
เฟดยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจของต่างประเทศก็จะดิ่งตัวลงอย่างชัดเจนและรุนแรง อันเนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ตกต่ำ ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 เดือนก่อน เฟดเคยประเมินว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะหดตัวลงระหว่างร้อยละ 0.5-1.3 ส่วนในปี 2553 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมาเติบโตในราวร้อยละ 2.5-3.3
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายในครั้งนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเกือบทั้งหมดชี้ว่า สภาวะแวดล้อมต่างๆ ในขณะนี้เลวร้ายลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเมื่อเดือนมกราคม การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างกว้างขวางและทั่วทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการดำดิ่งของราคาหุ้นอย่างขนานใหญ่ ราคาบ้านลดลงมากขึ้น และจำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่กระทบต่อการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุน
เฟดยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจของต่างประเทศก็จะดิ่งตัวลงอย่างชัดเจนและรุนแรง อันเนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ตกต่ำ ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 เดือนก่อน เฟดเคยประเมินว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะหดตัวลงระหว่างร้อยละ 0.5-1.3 ส่วนในปี 2553 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมาเติบโตในราวร้อยละ 2.5-3.3
