เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เปลี่ยนท่าทีไปจากเดิมอย่างชัดเจน โดยระบุว่ามองไม่เห็นสัญญาณที่เศรษฐกิจอเมริกาจะฟื้นตัวได้ภายในปีนี้ อีกทั้งคาดว่าปี 2010 สถานการณ์จะกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ตามรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี)ครั้งล่าสุด ซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ(8)
แม้เฟดและหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะทุ่มเทความพยายามเป็นมูลค่ามหาศาล เข้าแทรกแซงตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขความตึงตัวในตลาดสินเชื่ออย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ที่ประชุมเอฟโอเอ็มซีประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ยังมองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลบมากกว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้
ตามการคาดการณ์ของเฟดนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเดินเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินอันเนื่องมาจากการล่มสลายของตลาดสินเชื่อที่พักอาศัย อาจจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างช้า ๆ ในปีหน้า แม้ว่าจะยังมีปัญหาอุปสรรคที่จะต้องสะสางอีกมากมายก็ตาม
รายงานการประชุมนัดวันที่ 17-18 มีนาคมที่ผ่านมาของเอฟโอเอ็มซี ระบุตอนหนึ่งว่า "คาดหมายว่าจีดีพีที่แท้จริงจะค่อยๆ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะเริ่มขยายตัวอย่างช้า ๆ ในปีหน้า"
เฟดให้คำจำกัดความว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น เมื่อภาวะความตึงตัวในตลาดการเงินเริ่มคลี่คลาย มาตรการกระตุ้นทางการคลังเริ่มส่งผล สินค้าคงคลังร่อยหรอ และกระบวนการปรับฐานในตลาดบ้านพักอาศัยสิ้นสุดลง
เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มเดินเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007 หลังจากการล่มสลายของตลาดสินเชื่อที่พักอาศัย เป็นชนวนให้เกิดวิกฤตการณ์รุนแรงในตลาดการเงินที่แผ่ขยายออกไปทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจทั้งระบบทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
รายงานการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดนำเสนอต่อการประชุมเอฟโอเอ็มซี ที่มีประธานเฟด เบน เบอร์นันกี นั่งเป็นประธาน ในเดือนมีนาคมคราวนี้ เห็นได้ชัดว่า มีการปรับลดตัวเลขต่าง ๆ ลงต่ำกว่าการคาดการณ์เมื่อครั้งประชุมเอฟโอเอ็มซีเดือนมกราคมเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ รายงานการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเจ้าหน้าที่เฟดเมื่อเดือนมกราคมระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 นี้ ขณะที่อัตราการขยายตัวตลอดทั้งปีจะยังคงอยู่ในแดนลบประมาณ 0.5 ถึง 1.3 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้น เฟดยังพยากรณ์ด้วยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเร่งตัวขึ้นอยู่ในระดับ 2.5 ถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010 ตัวเลขการมองการณ์เช่นนี้ได้มีนักวิจารณ์หลายคนชี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า เป็นการมองสถานการณ์ในแง่ดีจนเกินไป
"ผู้เข้าประชุมเกือบทุกท่านต่างเห็นพ้องกันว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเสื่อมทรุดลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมกราคมเป็นอย่างมาก" รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเอฟโอเอ็มซีระบุ
การทรุดตัวในขณะนี้แผ่ขยายครอบคลุมไปทุกภาคของเศรษฐกิจ ซึ่งหมายรวมถึงการตกต่ำอย่างรุนแรงของตลาดหุ้น การทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาบ้านพักอาศัย การเลิกจ้างงานซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของภาคธุรกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ที่ประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งล่าสุดนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า การทรุดตัวอย่างรุนแรงของระบบเศรษฐกิจต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเหล่านั้นไม่มีพลังเกื้อหนุนต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้น
ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องกันด้วยว่า เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงที่จะทรุดตัวลงอีกในระยะสั้น ด้วยผลกระทบเชิงลบจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และตัวเลขการขาดทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งก่อให้เกิดการตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
แม้เฟดและหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะทุ่มเทความพยายามเป็นมูลค่ามหาศาล เข้าแทรกแซงตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขความตึงตัวในตลาดสินเชื่ออย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ที่ประชุมเอฟโอเอ็มซีประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ยังมองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลบมากกว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้
ตามการคาดการณ์ของเฟดนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเดินเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินอันเนื่องมาจากการล่มสลายของตลาดสินเชื่อที่พักอาศัย อาจจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างช้า ๆ ในปีหน้า แม้ว่าจะยังมีปัญหาอุปสรรคที่จะต้องสะสางอีกมากมายก็ตาม
รายงานการประชุมนัดวันที่ 17-18 มีนาคมที่ผ่านมาของเอฟโอเอ็มซี ระบุตอนหนึ่งว่า "คาดหมายว่าจีดีพีที่แท้จริงจะค่อยๆ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะเริ่มขยายตัวอย่างช้า ๆ ในปีหน้า"
เฟดให้คำจำกัดความว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น เมื่อภาวะความตึงตัวในตลาดการเงินเริ่มคลี่คลาย มาตรการกระตุ้นทางการคลังเริ่มส่งผล สินค้าคงคลังร่อยหรอ และกระบวนการปรับฐานในตลาดบ้านพักอาศัยสิ้นสุดลง
เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มเดินเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007 หลังจากการล่มสลายของตลาดสินเชื่อที่พักอาศัย เป็นชนวนให้เกิดวิกฤตการณ์รุนแรงในตลาดการเงินที่แผ่ขยายออกไปทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจทั้งระบบทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
รายงานการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดนำเสนอต่อการประชุมเอฟโอเอ็มซี ที่มีประธานเฟด เบน เบอร์นันกี นั่งเป็นประธาน ในเดือนมีนาคมคราวนี้ เห็นได้ชัดว่า มีการปรับลดตัวเลขต่าง ๆ ลงต่ำกว่าการคาดการณ์เมื่อครั้งประชุมเอฟโอเอ็มซีเดือนมกราคมเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ รายงานการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเจ้าหน้าที่เฟดเมื่อเดือนมกราคมระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 นี้ ขณะที่อัตราการขยายตัวตลอดทั้งปีจะยังคงอยู่ในแดนลบประมาณ 0.5 ถึง 1.3 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้น เฟดยังพยากรณ์ด้วยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเร่งตัวขึ้นอยู่ในระดับ 2.5 ถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010 ตัวเลขการมองการณ์เช่นนี้ได้มีนักวิจารณ์หลายคนชี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า เป็นการมองสถานการณ์ในแง่ดีจนเกินไป
"ผู้เข้าประชุมเกือบทุกท่านต่างเห็นพ้องกันว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเสื่อมทรุดลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมกราคมเป็นอย่างมาก" รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเอฟโอเอ็มซีระบุ
การทรุดตัวในขณะนี้แผ่ขยายครอบคลุมไปทุกภาคของเศรษฐกิจ ซึ่งหมายรวมถึงการตกต่ำอย่างรุนแรงของตลาดหุ้น การทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาบ้านพักอาศัย การเลิกจ้างงานซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของภาคธุรกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ที่ประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งล่าสุดนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า การทรุดตัวอย่างรุนแรงของระบบเศรษฐกิจต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเหล่านั้นไม่มีพลังเกื้อหนุนต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้น
ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องกันด้วยว่า เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงที่จะทรุดตัวลงอีกในระยะสั้น ด้วยผลกระทบเชิงลบจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และตัวเลขการขาดทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งก่อให้เกิดการตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
