ตอนที่ได้ซองขาวจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรสเมื่อต้นปี สก็อตต์ บรูกส์ ตัดสินใจหันหลังให้แวดวงการเงิน และปัดฝุ่นความฝันที่ทิ้งขว้างมาหลายปี นั่นคือการเป็นครูคณิตศาสตร์
บังเอิญที่บรูคส์อยู่ในนิวเจอร์ซีย์ ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษากังวลมาพักใหญ่เกี่ยวกับการขาดแคลนครูสอนเลข
สัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยินข่าวโครงการใหม่ ‘จากเทรดเดอร์มาเป็นครู’ ของมหาวิทยาลัยมองต์แคลร์ ที่เปิดรับสมัครผู้ที่ถูกปลดจากอุตสาหกรรมการเงินในวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าเจ็ดทศวรรษ
“ผมเคยพอใจกับอาชีพของตัวเอง กับการมีรายได้เป็นตัวเลขหกหลัก แต่บางครั้งไฟก็ไหม้บ้านก่อนที่คุณจะทันเก็บข้าวของ และคุณต้องออกเดินทางอีกครั้ง ธุรกิจบัตรเครดิตและวอลล์สตรีทเหมือนบ้านที่กำลังถูกพระเพลิงเผาผลาญไม่มีผิด” บรูคส์เล่าหลังไปสอบสัมภาษณ์เพื่อดูว่าเขามีสิทธิ์เข้าโครงการที่ว่าที่จะเริ่มต้นเดือนกันยายนนี้หรือไม่
บรูคส์ ที่มีลูกสองคนอายุแปดขวบและสิบขวบ เป็นโค้ชฟุตบอลและเบสบอลให้โรงเรียนแถวบ้านมาหลายปี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่บอกว่าช่วยรื้อฟื้นความสนใจในการสอนของเขาที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์และศึกษาศาสตร์
ทั้งนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการของคณะศึกษาศาสตร์ของมองต์แคลร์ 146 คน จากที่เปิดรับรุ่นแรกเพียง 25 คน ผู้ได้รับคัดเลือกจะได้เข้าอบรมหลักสูตรเร่งรัดนานสามเดือน ตามด้วยงานสอนที่โรงเรียนมัธยมศึกษาต้นปีหน้า
ในปีแรกของการทำงานนั้น อาจมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาใกล้ชิด และหลังผ่านช่วงทดลองงานนานสองปี บุคคลเหล่านี้จะได้เป็นครูคณิตศาสตร์ที่มีใบรับรองวิทยฐานะเต็มตัว
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถิติผู้เรียนไม่จบมากที่สุดในโลกอุตสาหกรรม และนักเรียนอเมริกันยังติดอันดับท้ายๆ ในด้านการอ่านและคณิตศาสตร์เมื่อเทียบกับชาติตะวันตกอื่นๆ
หลังจากหาเสียงโดยชูประเด็นการสนับสนุนบริการสาธารณะและการตอบแทนชุมชน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ประกาศยกระดับมาตรฐานการศึกษาของประเทศอย่างเต็มที่
นิวเจอร์ซีย์ ซึ่งอยู่ติดกับนิวยอร์กและเป็นบ้านของนายแบงก์หลายคนในวอลล์สตรีท ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสำหรับโครงการจากเทรดเดอร์มาเป็นครู
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้ที่ถูกปลดจากงาน และจบการศึกษาปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย แม้ไม่ใช่สาขาคณิตศาสตร์โดยตรงก็ตาม เนื่องจากจะมีการทดสอบคณิตศาสตร์ร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นการทดสอบที่ยากเอาการ เพราะปรากฏว่ามีผู้สอบผ่านเพียง 69 คนเท่านั้น
“เป็นการระดมผู้มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง” เอดา เบ็ธ คัตเลอร์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ กล่าวและเสริมว่าอายุเฉลี่ยของผู้สมัครอยู่ในวัยเลข 4 นำหน้า และส่วนใหญ่เอกการเงินหรือการบัญชี
สำหรับเงินเดือนที่ผู้เข้าโครงการจะได้รับอยู่ระหว่าง 45,000-60,000 ดอลลาร์ รวมถึงสวัสดิการการรักษาพยาบาลและแผนการบำนาญ
โทนี มาแลงกา อดีตโบรกเกอร์วัย 46 ปีที่ถูกปลดจากแนตทิซิส แคปิตอล มาร์เก็ตส์ในเดือนกุมภาพันธ์ บอกว่าชื่อเสียงของพนักงานธนาคารส่วนใหญ่เสียหายจากความขึ้งโกรธของประชาชนว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตสินเชื่อและเศรษฐกิจ แต่คนวอลล์สตรีทมากมายต่างมีความปรารถนาในการ ‘มอบสิ่งดีๆ คืนกลับสังคม’
“ผมไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นลูกหม้อวอลล์สตรีท ผมไม่ได้เป็นสมาชิกคันทรีคลับ ขับแค่ฮอนด้าคันเล็กๆ ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์”
เพราะมีลูกถึงหกคนและชินกับไลฟ์สไตล์หรูหราที่ต้องมีรายได้ที่มากกว่ารายได้ครูหลายเท่ามาสนับสนุน มาแลงกาบอกว่าเขาคงต้องเสียสละหลายอย่างและเอาเงินออมออกมาใช้
“เราอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถตอบสนองความจำเป็นของสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวได้ แต่เราสามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมยังหวังว่าคุณภาพชีวิตและความสุขจากงานจะชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้
“ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เคยประสบความสำเร็จและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองสูง ผมสงสัยว่าพวกเขาจะเข้าใจจริงๆ หรือไม่ว่างานใหม่ที่จะต้องทำต่อไปหนักแค่ไหน”
บังเอิญที่บรูคส์อยู่ในนิวเจอร์ซีย์ ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษากังวลมาพักใหญ่เกี่ยวกับการขาดแคลนครูสอนเลข
สัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยินข่าวโครงการใหม่ ‘จากเทรดเดอร์มาเป็นครู’ ของมหาวิทยาลัยมองต์แคลร์ ที่เปิดรับสมัครผู้ที่ถูกปลดจากอุตสาหกรรมการเงินในวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าเจ็ดทศวรรษ
“ผมเคยพอใจกับอาชีพของตัวเอง กับการมีรายได้เป็นตัวเลขหกหลัก แต่บางครั้งไฟก็ไหม้บ้านก่อนที่คุณจะทันเก็บข้าวของ และคุณต้องออกเดินทางอีกครั้ง ธุรกิจบัตรเครดิตและวอลล์สตรีทเหมือนบ้านที่กำลังถูกพระเพลิงเผาผลาญไม่มีผิด” บรูคส์เล่าหลังไปสอบสัมภาษณ์เพื่อดูว่าเขามีสิทธิ์เข้าโครงการที่ว่าที่จะเริ่มต้นเดือนกันยายนนี้หรือไม่
บรูคส์ ที่มีลูกสองคนอายุแปดขวบและสิบขวบ เป็นโค้ชฟุตบอลและเบสบอลให้โรงเรียนแถวบ้านมาหลายปี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่บอกว่าช่วยรื้อฟื้นความสนใจในการสอนของเขาที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์และศึกษาศาสตร์
ทั้งนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการของคณะศึกษาศาสตร์ของมองต์แคลร์ 146 คน จากที่เปิดรับรุ่นแรกเพียง 25 คน ผู้ได้รับคัดเลือกจะได้เข้าอบรมหลักสูตรเร่งรัดนานสามเดือน ตามด้วยงานสอนที่โรงเรียนมัธยมศึกษาต้นปีหน้า
ในปีแรกของการทำงานนั้น อาจมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาใกล้ชิด และหลังผ่านช่วงทดลองงานนานสองปี บุคคลเหล่านี้จะได้เป็นครูคณิตศาสตร์ที่มีใบรับรองวิทยฐานะเต็มตัว
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถิติผู้เรียนไม่จบมากที่สุดในโลกอุตสาหกรรม และนักเรียนอเมริกันยังติดอันดับท้ายๆ ในด้านการอ่านและคณิตศาสตร์เมื่อเทียบกับชาติตะวันตกอื่นๆ
หลังจากหาเสียงโดยชูประเด็นการสนับสนุนบริการสาธารณะและการตอบแทนชุมชน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ประกาศยกระดับมาตรฐานการศึกษาของประเทศอย่างเต็มที่
นิวเจอร์ซีย์ ซึ่งอยู่ติดกับนิวยอร์กและเป็นบ้านของนายแบงก์หลายคนในวอลล์สตรีท ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสำหรับโครงการจากเทรดเดอร์มาเป็นครู
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้ที่ถูกปลดจากงาน และจบการศึกษาปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย แม้ไม่ใช่สาขาคณิตศาสตร์โดยตรงก็ตาม เนื่องจากจะมีการทดสอบคณิตศาสตร์ร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นการทดสอบที่ยากเอาการ เพราะปรากฏว่ามีผู้สอบผ่านเพียง 69 คนเท่านั้น
“เป็นการระดมผู้มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง” เอดา เบ็ธ คัตเลอร์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ กล่าวและเสริมว่าอายุเฉลี่ยของผู้สมัครอยู่ในวัยเลข 4 นำหน้า และส่วนใหญ่เอกการเงินหรือการบัญชี
สำหรับเงินเดือนที่ผู้เข้าโครงการจะได้รับอยู่ระหว่าง 45,000-60,000 ดอลลาร์ รวมถึงสวัสดิการการรักษาพยาบาลและแผนการบำนาญ
โทนี มาแลงกา อดีตโบรกเกอร์วัย 46 ปีที่ถูกปลดจากแนตทิซิส แคปิตอล มาร์เก็ตส์ในเดือนกุมภาพันธ์ บอกว่าชื่อเสียงของพนักงานธนาคารส่วนใหญ่เสียหายจากความขึ้งโกรธของประชาชนว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตสินเชื่อและเศรษฐกิจ แต่คนวอลล์สตรีทมากมายต่างมีความปรารถนาในการ ‘มอบสิ่งดีๆ คืนกลับสังคม’
“ผมไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นลูกหม้อวอลล์สตรีท ผมไม่ได้เป็นสมาชิกคันทรีคลับ ขับแค่ฮอนด้าคันเล็กๆ ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์”
เพราะมีลูกถึงหกคนและชินกับไลฟ์สไตล์หรูหราที่ต้องมีรายได้ที่มากกว่ารายได้ครูหลายเท่ามาสนับสนุน มาแลงกาบอกว่าเขาคงต้องเสียสละหลายอย่างและเอาเงินออมออกมาใช้
“เราอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถตอบสนองความจำเป็นของสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวได้ แต่เราสามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมยังหวังว่าคุณภาพชีวิตและความสุขจากงานจะชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้
“ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เคยประสบความสำเร็จและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองสูง ผมสงสัยว่าพวกเขาจะเข้าใจจริงๆ หรือไม่ว่างานใหม่ที่จะต้องทำต่อไปหนักแค่ไหน”
