ASTVผู้จัดการรายวัน-“โสภณ”ไม่เสียหน้าถูกเบรกค่าเช่ารถเมล์เอ็นจีวีแพง กัดฟันยันไม่บานปลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่าง"ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย "กรรมการร่วม 3 ฝ่ายประชุมวันนี้ (21 พ.ค.) เชื่อม้วนเดียวเตรียมจบชงครม.ใหม่สัปดาห์หน้า “ประจักษ์”ยันค่าซ่อมเหมาะสม รอดูข้อมูลสำนักงบ-คลัง หากไม่ตรงหลักเกณฑ์พร้อมปรับ ด้านรถร่วมฯยื่น”อภิสิทธิ์”ขอความเป็นธรรม รื้อ145เส้นทางทับซ้อน
วันนี้ (20 พ.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกเสียหน้า หรือจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง หรือความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยครั้งใหม่ กรณีที่คณะรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะกรรมการพิเศษทบทวนราคา โครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หรือ รถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เนื่องจากเชื่อว่าหลักการบริหารงานบ้านเมืองภายใต้พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้เกิดความรอบคอบและโปร่งใส ก็ต้องยึดหลักความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ กรณีตัวเลขการคำนวณค่าซ่อมรถต่อคันต่อกิโลเมตร ที่กระทรวงคมนาคม และสถาบันพระปกเกล้า เห็นต่างกันนั้น นายโสภณกล่าวว่า เบื้องต้นต้องยอมรับความจริงว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทางเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวต้องรับสภาพการขาดทุน อย่างไรก็ตาม ตนเองพร้อมจะยอมรับผลการพิจารณาของทางคณะกรรมการพิเศษร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงการคลังสำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อสรุปเรื่องตัวเลขค่าซ่อมรถในวันนี้ (21 พ.ค.) โดยหากที่ประชุมได้ข้อสรุป ร่วมกันก็จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าทันที
นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวยืนยันว่า อัตราค่าซ่อมบำรุงที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 7.50 บาทต่อวันต่อคันนั้นมีความเหมาะสมตามการศึกษา แต่ทั้งนี้คงต้องดูข้อมูลจากสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังประกอบด้วยว่า ตัวเลขที่ต่างกันนั้นมีเหตุผลมาจากอะไรบ้าง โดยเชื่อว่าทั้ง 3 ฝ่ายจะหารือได้ข้อสรุปร่วมกันและจะนำเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาโครงการในสัปดาห์หน้า
สำหรับกรณีที่ รถร่วมบริการเอกชนระบุว่า ขสมก.กำหนดเส้นทางวิ่งรถเอ็นจีวี 4,000 คัน จำนวน 145 เส้นทางทับเส้นทางของรถร่วมฯ นั้นนายประจักษ์กล่าวว่า จะไม่มีการปรับ 145 เส้นทางที่กำหนดแล้ว ซึ่งรถร่วมฯต้องดูในเรื่องคุณภาพของการให้บริการด้วยว่า มีมาตรฐานหรือไม่
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะรักษาการ ผู้อำนวยการขสมก. และ ประธานคณะกรรมการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนขสมก. จะรอฟังความเห็นจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายก่อนเนื่องจาก ทั้งสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังถือเป็นหน่วยงานหลักของประเทศซึ่งมีมาตรฐานในการดำเนินงานโครงการต่างๆ หากระบุว่าสิ่งที่ขสมก.ได้ดำเนินงานมาไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็พร้อมที่จะปรับแก้
ด้านสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 พ.ค.52 คัดค้านโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันของขสมก. โดยยืนยันว่า 145 เส้นทางที่ขสมก.กำหนดขึ้นมาใหม่และจะนำรถ จากโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันมาวิ่งนั้นทับซ้อนกับเส้นทางของรถร่วมฯซึ่งผู้ประกอบการได้ร้องเรียนกับขสมก.มาโดยตลอดแต่ไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ โดยเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบและศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ โดยให้ยกเลิก 145 เส้นทางและจัดเส้นทางเดินรถที่เหมาะสมใหม่ รวมถึงให้เช่ารถเอ็นจีวีจำนวน 3,500 คันเพื่อทดแทนจำนวนรถปรับอากาศเดิมของขสมก.
วันนี้ (20 พ.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกเสียหน้า หรือจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง หรือความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยครั้งใหม่ กรณีที่คณะรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะกรรมการพิเศษทบทวนราคา โครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หรือ รถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เนื่องจากเชื่อว่าหลักการบริหารงานบ้านเมืองภายใต้พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้เกิดความรอบคอบและโปร่งใส ก็ต้องยึดหลักความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ กรณีตัวเลขการคำนวณค่าซ่อมรถต่อคันต่อกิโลเมตร ที่กระทรวงคมนาคม และสถาบันพระปกเกล้า เห็นต่างกันนั้น นายโสภณกล่าวว่า เบื้องต้นต้องยอมรับความจริงว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทางเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวต้องรับสภาพการขาดทุน อย่างไรก็ตาม ตนเองพร้อมจะยอมรับผลการพิจารณาของทางคณะกรรมการพิเศษร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงการคลังสำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อสรุปเรื่องตัวเลขค่าซ่อมรถในวันนี้ (21 พ.ค.) โดยหากที่ประชุมได้ข้อสรุป ร่วมกันก็จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าทันที
นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวยืนยันว่า อัตราค่าซ่อมบำรุงที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 7.50 บาทต่อวันต่อคันนั้นมีความเหมาะสมตามการศึกษา แต่ทั้งนี้คงต้องดูข้อมูลจากสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังประกอบด้วยว่า ตัวเลขที่ต่างกันนั้นมีเหตุผลมาจากอะไรบ้าง โดยเชื่อว่าทั้ง 3 ฝ่ายจะหารือได้ข้อสรุปร่วมกันและจะนำเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาโครงการในสัปดาห์หน้า
สำหรับกรณีที่ รถร่วมบริการเอกชนระบุว่า ขสมก.กำหนดเส้นทางวิ่งรถเอ็นจีวี 4,000 คัน จำนวน 145 เส้นทางทับเส้นทางของรถร่วมฯ นั้นนายประจักษ์กล่าวว่า จะไม่มีการปรับ 145 เส้นทางที่กำหนดแล้ว ซึ่งรถร่วมฯต้องดูในเรื่องคุณภาพของการให้บริการด้วยว่า มีมาตรฐานหรือไม่
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะรักษาการ ผู้อำนวยการขสมก. และ ประธานคณะกรรมการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนขสมก. จะรอฟังความเห็นจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายก่อนเนื่องจาก ทั้งสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังถือเป็นหน่วยงานหลักของประเทศซึ่งมีมาตรฐานในการดำเนินงานโครงการต่างๆ หากระบุว่าสิ่งที่ขสมก.ได้ดำเนินงานมาไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็พร้อมที่จะปรับแก้
ด้านสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 พ.ค.52 คัดค้านโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันของขสมก. โดยยืนยันว่า 145 เส้นทางที่ขสมก.กำหนดขึ้นมาใหม่และจะนำรถ จากโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันมาวิ่งนั้นทับซ้อนกับเส้นทางของรถร่วมฯซึ่งผู้ประกอบการได้ร้องเรียนกับขสมก.มาโดยตลอดแต่ไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ โดยเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบและศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ โดยให้ยกเลิก 145 เส้นทางและจัดเส้นทางเดินรถที่เหมาะสมใหม่ รวมถึงให้เช่ารถเอ็นจีวีจำนวน 3,500 คันเพื่อทดแทนจำนวนรถปรับอากาศเดิมของขสมก.
