ASTVผู้จัดการรายวัน –หวิดวุ่น!หลังหญิงเยอรมันผู้ป่วยเฝ้าระวังรายแรกเสียชีวิตกระทันหันในไทย ก่อนสธ.แถลงผลแล็บยันไม่เกี่ยวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เผยผู้ตายมีโรคประจำตัว กินยาชนิดหนึ่งมา 1 ปี ทำให้เม็ดเลือดขาวลดภูมิต้านทานร่างกายต่ำ ด้านWHO ยืนกรานยังไม่ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยเป็นขั้นสูงสุด แม้ถูกแรงกดดันอย่างหนัก ขณะที่เชื้อมรณะยังลามไม่เลิก จนยอดผู้ติดเชื้อมีเกือบ 10,000 ราย ส่วนญี่ปุ่นต้องประกาศปิดโรงเรียนและสถานศึกษาก่อนวัยเรียนมากกว่า 4,000 แห่ง
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมัน วัย 65 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ป่วยเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของไทยว่า ผู้ป่วยได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 พ.ค.พร้อมกับสามี และลูก เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 16 พ.ค.โดยได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซ็นต์เปาโล หัวหิน เมื่อวันที่ 18 พ.ค. มีอาการเจ็บคอ รับประทานอาหารได้น้อยลง แต่ไม่มีอาการไข้ หรือไอ แพทย์ตรวจพบมีการติดเชื้อที่ปอด เริ่มมีอาการเขียวที่ปลายมือ ปลายเท้า จึงใส่เครื่องช่วยหายใจ และส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กทม. แต่ระหว่างเดินทาง ผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดหายใจ จึงต้องส่งตัวเข้ารักษาด่วนที่โรงพยาบาลมหาชัย สมุทรสาคร และผู้ป่วยเสียชีวิตลงในเวลา 21.00 น. ของวันที่18 พ.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ยืนยันว่าหญิงชาวเยอรมันคนดังกล่าว ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่เสียชีวิตจากอาการปอดบวม และเป็นไข้หวัดธรรมดา
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า สาเหตุของการเสียชีวิตนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดใดต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการอีกครั้งภายใน 3-7 วันนี้
ทั้งนี้จากการซักถามประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว และทานยาชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งยาดังกล่าวผลต่อทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง แม้จะเป็นเชื้อธรรมดาก็ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จะต้องมีไข้สูง อย่างน้อย 3-7 วันก่อนอาการรุนแรง และจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งอาการมีความแตกต่างกัน ประกอบกับผลออกมาว่า ไม่ใช่ไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัวเฝ้าระวังทีมแพทย์และญาติแต่อย่างใด
"ได้คุยกับแพทย์ที่ตรวจผู้ป่วยเป็นรายแรกยืนยันว่า ผู้ป่วยไม่มีไข้ ไม่ไอแต่เจ็บคอและหอบ หลังเสียชีวิตได้ส่งเชื้อตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สมุทรสงคราม พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ รวมทั้งส่งตรวจยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ก็พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
รพ.ตำรวจกักตัวเจ้าหน้าที่ 14 คน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ผลแล็บจะออกมา พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ (พตร.). กล่าวถึงผลการตรวจชันสูตรหญิงชาวเยอรมันว่า สาเหตุการตายเนื่องจากปอดติดเชื้อ ปอดซ้ายแฟบ หัวใจล้มเหลว โดยศพยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่เก็บไว้อย่างดี พร้อมมีคำสั่งไปยังนิติเวชวิทยาให้กักบริเวณเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจศพ แพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ และนักศึกษาแพทย์จาก ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร รวมจำนวน 14 คนไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจชั้นที่ 2
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำหน้ากากป้องกันการติดเชื้อมาแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผลแล็บยืนยันว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกักตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 คนอีกต่อไป
สธ.ติวเข้มผอ.รพ.-สสจ.
วันเดียวกันที่ ร.ร.อมารี แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อติดตาม รับฟังความก้าวหน้า และมอบนโยบาย การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 และโรคชิคุนกุนยา
นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงมีผู้ป่วยยืนยัน 2 รายเท่าเดิม และมีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง 21 ราย ซึ่งแม้ว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบ จะมีความรุนแรงน้อยกว่าช่วงแรกที่พบการระบาด โดยมีลักษณะการระบาดคล้ายกันกับไข้หวัดใหญ่ที่พบตามฤดูกาลเป็นประจำทุกปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วย 4 รายที่เสียชีวิตในอเมริกาและแคนาดานั้น พบว่ามีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น แต่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ประชาชนทั่วโลกยังไม่มีภูมิต้านทาน จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ และการระบาดจะแพร่กระจายไปทั่วโลก ดังนั้นทุกประเทศรวมถึงไทยด้วย ต้องเตรียมความพร้อมรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ฮูยันไม่เพิ่มระดับเตือนภัย
เหยื่อเชื้อมรณะพุ่งเฉียด10,000แล้ว
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวยืนยัน ระหว่างการประชุมพิเศษเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เอ (เอช1เอ็น1)ในที่ประชุมใหญ่ประจำปีครั้งที่ 62 ขององค์การอนามัยโลก ที่นครเจนีวาวันที่ 2 เมื่อวานนี้ (19) โดยยืนยันว่าองค์การอนามัยโลกจะยังคงไม่ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จากระดับที่ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน แม้จะได้รับแรงกดดันจากหลายประเทศเนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ โดยยึดข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทำให้ต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัย
นอกจากนั้น เวทีการประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ ก็ยังคงไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทั้งประเด็นเรื่องการเตรียมความพร้อมของประเทศยากจนในการรับมือกับการแพร่ระบาด และประเด็นเรื่องการพัฒนาวัคซีนและการแจกจ่ายตัวอย่างเชื้อไวรัสระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดจากรายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อวานนี้ได้เพิ่มเป็น 9,830 รายใน 40 ประเทศแล้ว ซึ่งยังไม่รวมข้อมูลจากทางการกรีซที่ยืนยันว่า พบชายชาวกรีกคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐฯติดเชื้อเป็นรายแรกของประเทศ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดได้เพิ่มเป็น 79 รายทั่วโลก
ตัวเลขดังกล่าวขยับขึ้นมาจากรายงานขององค์การอนามัยโลกในวันอาทิตย์(17) ซึ่งระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 8,480 คน ใน 39 ประเทศ และเสียชีวิต 72 คนโดยตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานขึ้นประมาณ 1,000 รายต่อวัน
ด้านเคอิจิ ฟูกุดะ รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในทวีปเอเชียอย่างใกล้ชิดหลังจากมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากเป็นลำดับที่ 4 ของโลกในขณะนี้ รองจากสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา ก็มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 178 รายแล้ว แม้ว่าญี่ปุ่นเพิ่งจะพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเท่านั้น ขณะที่ในจีนและเกาหลีใต้ก็พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกประเทศละ 1 รายเมื่อวานนี้เช่นกัน
การที่ยอดผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นพุ่งไปอยู่ที่178 คนทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องสั่งปิดโรงเรียน วิทยาลัยและโรงเรียนอนุบาล 4,043 แห่ง ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ขณะที่นักไวรัสวิทยาประจำมหาวิทยาลัยนาโงยา ในภาคกลางของญี่ปุ่นเตือนว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อาจแพร่เชื้อลามไปยังพื้นที่อื่นของญี่ปุ่นแล้ว เช่น กรุงโตเกียวซึ่งมีประชากรมากถึง 36 ล้านคน และถือเป็นเขตตัวเมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งจะก่อให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
ขณะที่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกนั้น ดร. ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกมายอมรับว่า ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงแต่อย่างใด โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ได้เพิ่มเป็น 5,123 ราย ใน 48 มลรัฐแล้ว
เบสเซอร์ยอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (19) โดยระบุว่า ในขณะนี้หมดหนทางที่จะควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ แล้ว เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ลุกลามไปเกือบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว และเด็ก พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มากกว่า 100,000 คนหากการแพร่ระบาดยังไม่ยุติลง
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมัน วัย 65 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ป่วยเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของไทยว่า ผู้ป่วยได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 พ.ค.พร้อมกับสามี และลูก เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 16 พ.ค.โดยได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซ็นต์เปาโล หัวหิน เมื่อวันที่ 18 พ.ค. มีอาการเจ็บคอ รับประทานอาหารได้น้อยลง แต่ไม่มีอาการไข้ หรือไอ แพทย์ตรวจพบมีการติดเชื้อที่ปอด เริ่มมีอาการเขียวที่ปลายมือ ปลายเท้า จึงใส่เครื่องช่วยหายใจ และส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กทม. แต่ระหว่างเดินทาง ผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดหายใจ จึงต้องส่งตัวเข้ารักษาด่วนที่โรงพยาบาลมหาชัย สมุทรสาคร และผู้ป่วยเสียชีวิตลงในเวลา 21.00 น. ของวันที่18 พ.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ยืนยันว่าหญิงชาวเยอรมันคนดังกล่าว ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่เสียชีวิตจากอาการปอดบวม และเป็นไข้หวัดธรรมดา
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า สาเหตุของการเสียชีวิตนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดใดต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการอีกครั้งภายใน 3-7 วันนี้
ทั้งนี้จากการซักถามประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว และทานยาชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งยาดังกล่าวผลต่อทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง แม้จะเป็นเชื้อธรรมดาก็ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จะต้องมีไข้สูง อย่างน้อย 3-7 วันก่อนอาการรุนแรง และจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งอาการมีความแตกต่างกัน ประกอบกับผลออกมาว่า ไม่ใช่ไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัวเฝ้าระวังทีมแพทย์และญาติแต่อย่างใด
"ได้คุยกับแพทย์ที่ตรวจผู้ป่วยเป็นรายแรกยืนยันว่า ผู้ป่วยไม่มีไข้ ไม่ไอแต่เจ็บคอและหอบ หลังเสียชีวิตได้ส่งเชื้อตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สมุทรสงคราม พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ รวมทั้งส่งตรวจยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ก็พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
รพ.ตำรวจกักตัวเจ้าหน้าที่ 14 คน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ผลแล็บจะออกมา พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ (พตร.). กล่าวถึงผลการตรวจชันสูตรหญิงชาวเยอรมันว่า สาเหตุการตายเนื่องจากปอดติดเชื้อ ปอดซ้ายแฟบ หัวใจล้มเหลว โดยศพยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่เก็บไว้อย่างดี พร้อมมีคำสั่งไปยังนิติเวชวิทยาให้กักบริเวณเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจศพ แพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ และนักศึกษาแพทย์จาก ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร รวมจำนวน 14 คนไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจชั้นที่ 2
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำหน้ากากป้องกันการติดเชื้อมาแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผลแล็บยืนยันว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกักตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 คนอีกต่อไป
สธ.ติวเข้มผอ.รพ.-สสจ.
วันเดียวกันที่ ร.ร.อมารี แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อติดตาม รับฟังความก้าวหน้า และมอบนโยบาย การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 และโรคชิคุนกุนยา
นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงมีผู้ป่วยยืนยัน 2 รายเท่าเดิม และมีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง 21 ราย ซึ่งแม้ว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบ จะมีความรุนแรงน้อยกว่าช่วงแรกที่พบการระบาด โดยมีลักษณะการระบาดคล้ายกันกับไข้หวัดใหญ่ที่พบตามฤดูกาลเป็นประจำทุกปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วย 4 รายที่เสียชีวิตในอเมริกาและแคนาดานั้น พบว่ามีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น แต่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ประชาชนทั่วโลกยังไม่มีภูมิต้านทาน จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ และการระบาดจะแพร่กระจายไปทั่วโลก ดังนั้นทุกประเทศรวมถึงไทยด้วย ต้องเตรียมความพร้อมรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ฮูยันไม่เพิ่มระดับเตือนภัย
เหยื่อเชื้อมรณะพุ่งเฉียด10,000แล้ว
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวยืนยัน ระหว่างการประชุมพิเศษเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เอ (เอช1เอ็น1)ในที่ประชุมใหญ่ประจำปีครั้งที่ 62 ขององค์การอนามัยโลก ที่นครเจนีวาวันที่ 2 เมื่อวานนี้ (19) โดยยืนยันว่าองค์การอนามัยโลกจะยังคงไม่ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จากระดับที่ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน แม้จะได้รับแรงกดดันจากหลายประเทศเนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ โดยยึดข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทำให้ต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัย
นอกจากนั้น เวทีการประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ ก็ยังคงไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทั้งประเด็นเรื่องการเตรียมความพร้อมของประเทศยากจนในการรับมือกับการแพร่ระบาด และประเด็นเรื่องการพัฒนาวัคซีนและการแจกจ่ายตัวอย่างเชื้อไวรัสระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดจากรายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อวานนี้ได้เพิ่มเป็น 9,830 รายใน 40 ประเทศแล้ว ซึ่งยังไม่รวมข้อมูลจากทางการกรีซที่ยืนยันว่า พบชายชาวกรีกคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐฯติดเชื้อเป็นรายแรกของประเทศ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดได้เพิ่มเป็น 79 รายทั่วโลก
ตัวเลขดังกล่าวขยับขึ้นมาจากรายงานขององค์การอนามัยโลกในวันอาทิตย์(17) ซึ่งระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 8,480 คน ใน 39 ประเทศ และเสียชีวิต 72 คนโดยตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานขึ้นประมาณ 1,000 รายต่อวัน
ด้านเคอิจิ ฟูกุดะ รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในทวีปเอเชียอย่างใกล้ชิดหลังจากมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากเป็นลำดับที่ 4 ของโลกในขณะนี้ รองจากสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา ก็มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 178 รายแล้ว แม้ว่าญี่ปุ่นเพิ่งจะพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเท่านั้น ขณะที่ในจีนและเกาหลีใต้ก็พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกประเทศละ 1 รายเมื่อวานนี้เช่นกัน
การที่ยอดผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นพุ่งไปอยู่ที่178 คนทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องสั่งปิดโรงเรียน วิทยาลัยและโรงเรียนอนุบาล 4,043 แห่ง ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ขณะที่นักไวรัสวิทยาประจำมหาวิทยาลัยนาโงยา ในภาคกลางของญี่ปุ่นเตือนว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อาจแพร่เชื้อลามไปยังพื้นที่อื่นของญี่ปุ่นแล้ว เช่น กรุงโตเกียวซึ่งมีประชากรมากถึง 36 ล้านคน และถือเป็นเขตตัวเมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งจะก่อให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
ขณะที่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกนั้น ดร. ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกมายอมรับว่า ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงแต่อย่างใด โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ได้เพิ่มเป็น 5,123 ราย ใน 48 มลรัฐแล้ว
เบสเซอร์ยอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (19) โดยระบุว่า ในขณะนี้หมดหนทางที่จะควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ แล้ว เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ลุกลามไปเกือบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว และเด็ก พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มากกว่า 100,000 คนหากการแพร่ระบาดยังไม่ยุติลง