xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.บีบแบงก์ลดดอกกู้งดค่าธรรมเนียมใช้หนี้เร็วคาดหั่นอาร์/พีอีก0.25%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากสั่งผ่านสื่อไม่ได้ผล ธปท.ฮึดอีกรอบวานนี้ เรียกนายแบงก์เข้าพบ บีบลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังสูงสวนทางดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำติดดิน คาดประชุม กนง. 20 พ.ค.นี้ ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% บิ๊กกสิกรไทยขานรับนโยบายแต่ขอลดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงกลุ่มลูกค้า ส่วนการยกเว้นค่าธรรมเนียมคืนเงินกู้ก่อนกำหนดเป็นการชั่วคราว ต้องเข้าที่ประชุมสมาคมธนาคารอีกครั้ง ขณะที่หุ้นแบงก์คึกคักจากแรงเก็งกำไร เฉพาะ SCB บวก 5.75 บาท ซื้อขายสูงสุดอันดับ 3

วานนี้ (15 พ.ค.) นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เรียกผู้บริหารธนาคารพาณิชย์มาที่ ธปท.เพื่อถก 3 ประเด็นสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย 1.ปัญหาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับสูง 2.ค่าธรรมเนียม (fee) การชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด 3.โครงการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยมีนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงในสายนโยบายสถาบันการเงินและสายกำกับสถาบันการเงินร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ภายหลังการหารือ ผู้บริหาร ธปท.ไม่มีการแถลงรายละเอียดแต่อย่างใด มีเพียงนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธปท.ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งพิจารณาว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดแล้วหรือยังและสามารถลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เหมาะสมได้อีก เป็นการสะท้อนความเสี่ยงด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มด้วย เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีโครงสร้าง ต้นทุนความเสี่ยงด้านการเงินและค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
การยกเว้นค่าธรรมเนียมการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดเป็นการชั่วคราว เป็นการถกกันหลังจากมีลูกค้าร้องเรียนเข้ามายัง ธปท.มาก และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในอนาคต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขอนำเข้าที่ประชุมสมาคมธนาคารไทยต่อไป สุดท้ายเรื่องที่ ธปท.ได้ให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งส่งแผนทั้งจำนวนลูกค้าและวงเงินที่ขอสินเชื่อในโครงการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท
นายปกรณ์เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีพอร์ตสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งสิ้น 3 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนนี้มีลูกหนี้ของกสิกรไทยใช้บริการค้ำประกันจาก บสย.ในโครงการทั่วไป 3% และธนาคารจะคัดเลือกลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีจากความเป็นไปได้ของธุรกิจมากกว่าคำนึงถึงหลักประกัน
“ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยธุรกิจเอสเอ็มอีไม่ได้สูงเกินไปอย่างที่มีผู้ร้องเรียนมา โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) เฉลี่ย 6% เทียบกับในช่วงวิกฤตปี40 สูงถึง 17-18% จึงมองว่าขณะนี้ลูกค้าเอสเอ็มอีส่วนใหญ่อยากได้สภาพคล่องมากกว่าที่จะมองแค่หลักประกัน” นายปกรณ์กล่าว

***คาด กนง.ลดดอกเบี้ยอีก 0.25%
การเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ปิดที่ระดับ 533.92 จุด เพิ่มขึ้น 7.37 จุด (+1.40%) มูลค่าการซื้อขาย 26,257.44 ล้านบาท นักวิเคราะห์หลายรายมีความเห็นตรงกันว่า มีแรงเก็งกำไรจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์กับอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีข่าวว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันพุธที่ 20 พ.ค.นี้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของปี เป็นการมองจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ขณะนี้เห็นว่ายังไม่มีประเด็นที่จะต้องทำให้เกิดความกังวลเนื่องจากราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา
โดยวานนี้หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ติดอันดับ 3 ของหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 1,887.09 ล้านบาท ปิดที่ 70.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 5.75 บาท
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปลายปี 51 ธปท.โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายรวม 2.50% แต่การส่งสัญญาณดังกล่าวผ่านมายังระบบสถาบันการเงินดูเหมือนจะไม่ได้ผลนัก เพราะธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้น้อยมาก และหันไปลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแทนซึ่งยิ่งทำให้ผู้ฝากเงินได้รับผลตอบแทนน้อยจากการฝากเงิน ส่วนต่างดอกเบี้ย (สเปรด) ถ่างออกอย่างไม่เป็นธรรมและผู้ฝากเงินเริ่มโยกเงินมาลงทุนในรูปแบบอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้น
เมื่อถูกสังคมกดดันประเด็นดังกล่าว ทำให้ผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการ รองผู้ว่าฯ กระทั่งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าฯ ธปท. ได้กล่าวในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 9 MONEY EXPO 2009 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในเชิงขอร้องให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย โดยระบุว่า "ต่อไปมีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก" แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
แหล่งข่าวจาก ธปท.ยอมรับว่า ในการประชุม กนง.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้มีความเป็นไปได้ที่กนง.จะหยุดปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากในช่วง 4 ครั้งที่ผ่านมาลดลงมาตลอด โดยเหตุผลหลัก คือ ผู้ฝากเงินกลับได้รับผลตอบแทนน้อยลงจึงสะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่องและระดับความแรงในการลดแต่ละครั้งไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้เลย
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 6.25% กรณีผิดนัดชำระธนาคารคิดร้อยละ 15 ส่วนบัตรเครดิตคิดดอกเบี้ย 20% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เหลือเพียงร้อยละ 0.75%.
กำลังโหลดความคิดเห็น