xs
xsm
sm
md
lg

นายแบงก์ ยัน สเปรด ดบ.เงินฝาก-เงินกู้ 3.0-4.0% เหมาะสมแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแบงก์ ระบุ ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ 3.0-4.0% ถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะแบงก์แต่ละแห่งมีต้นทุนไม่เท่ากัน พร้อมแสดงความเป็นห่วงเอ็นพีแอลในระบบ เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารกสิกรไทยขณะนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.6 แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายการดำเนินการและอื่นๆ ส่วนต่างดังกล่าวจะเหลือประมาณร้อยละ 1 ซึ่งถือว่าไม่สูงมาก และการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ก็ต้องสอดคล้องกับต้นทุนเงินฝาก และสภาพคล่องที่เหลือในระบบการเงินที่มีประมาณ 1 ล้านล้านบาท โดยเมื่อ 20 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ลดดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 0.15

ส่วนปัญหาเอ็นพีแอล ทางสถาบันการเงินทุกแห่งยังมีความกังวล เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี การขยายตัวของสินเชื่อและการชำระคืนเงินกู้จะมีความล่าช้า โดยเอ็นพีแอลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดยเอ็นพีแอลบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 เอ็นพีแอลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ประมาณร้อยละ 1.8 ส่วนเอ็นพีแอลทั้งระบบของธนาคารกสิกรไทยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 สำหรับอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดเอ็นพีแอลมากที่สุด ยังคงเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) แม้ว่าเอสเอ็มอีจะมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อสูงสุดคือ ประมาณ 3 ล้านล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือ สินเชื่อส่วนบุคคล

ส่วนการประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของธนาคารกสิกรไทยคาดว่า จีดีพีจะติดลบร้อยละ 3.5 และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดจีดีพีอาจจะติดลบถึงร้อยละ 6 โดยหากรัฐบาลเร่งฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กลับมาได้เร็วขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยยังมีศักยภาพอยู่

ขณะที่นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากและกู้ทั้งระบบอยู่ที่ร้อยละ 3 ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูง การที่จะลดดอกเบี้ยเงินกู้ต้องขึ้นกับต้นทุนของดอกเบี้ยเงินฝาก โดยต้องปรับให้สอดคล้องกัน

ส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารปีนี้ตั้งเป้าให้ลดจากร้อยละ 7 เหลือร้อยละ 5 จากพอร์ตสินเชื่อรวม 300,000 ล้านบาท โดยหวังให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น หลังจากผ่านเหตุการณ์การผลักดันการชุมนุม โดยเฉพาะการสนับสนุนการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ ปัญหาเอ็นพีแอล สถาบันการเงินทุกแห่งยังมีความกังวล โดยเอ็นพีแอลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว โดยอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดเอ็นพีแอลมากที่สุด ยังเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ส่วนสินเชื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือ สินเชื่อส่วนบุคคล
กำลังโหลดความคิดเห็น