ASTVผู้จัดการรายวัน – “กรีนแลนด์ฯ” ฮุบ คาราด้า ทำเอง “เอส พีอาร์ ฟู๊ดฯ” แก้เกม ระเบิดศึกขนมขึ้นรูป ปั้น “โคโคริ” สู้ หวังปีแรกโกยแชร์ 3% ยอดขาย 120 ล้านบาท พร้อมปรับแผน เน้นส่งออกเป็น 40% ทั้งปีมั่นใจรายได้เท่าปีก่อนที่ 200 ล้านบาท
นายกิติพัฒน์ เหรียญชัยวานิช ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส พี อาร์ ฟู๊ด อินดัสทรี จำกัด เปิดเผยว่า เดิมบริษัท ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิตขนมอบกรอบขึ้นรูปมากกว่า 25 ปี ซึ่งมีทั้งลักษณะโออีเอ็ม ส่งออก และสร้างแบรนด์จำหน่ายในประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ คาราด้า ซึ่งเป็นเป็นขนมอบกรอบขึ้นรูปที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2546 ร่วมกับทางบริษัท กรีนแลนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดในลักษณะช่วยกันทำงานร่วมกันมาโดยตลอด โดยทางบริษัททำในส่วนการผลิต และทางกรีนแลนด์ ดูเรื่องการจำหน่าย แต่ในแง่การทำตลาดต่างฝ่ายช่วยกันฝ่ายละ 50% เท่าๆกัน
แต่ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ทางกรีนแลนด์ได้ตั้งโรงงานขึ้นมา ผลิตขนมขึ้นรูปแบบอื่น แต่อยู่ภายใต้แบรนด์ คาราด้า ซึ่ง เป็นการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้บอกกล่าวกับทางเรา ดังนั้นในแง่ของคู่สัญญาจึงเหมือนทางกรีนแลนด์ทำผิดสัญญา ทางบริษัทจึงได้มีการดำเนินการและสอบถามอยู่ตลอด ปรากฏว่าทางกรีนแลนด์ได้ขอยกเลิกสัญญา และผลิต คาราด้า เองทั้งหมดทำให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงนั้น ซึ่งเชื่อว่าทางกรีนแลนด์ได้เตรียมการณ์ไว้ลวงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ส่งผลให้ทางบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ เน้นเรื่องการส่งออกมากขึ้น จากเดิมสัดส่วน 30% มาเป็น 40% ของรายได้รวมทั้งหมดตั้งแต่ ต.ค. ปีที่ผ่านมา พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ โคโคโร ซึ่งเป็นขนมอบกรอบขึ้นรูป ขึ้นมาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน มีวางจำหน่ายทั้งหมด 5 รสชาติ คือ รสปลาหมึก รสมะพร้าว รสสาหร่าย รสไก่ทอด และปลาหมึกย่างและจะเสริมรสชาติใหม่เข้ามาอีกภายในปีนี้ ซึ่งมีวางจำหน่ายตั้งแต่ในราคา 2,5,10 และ 20 บาท เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดให้กับโคโคริ จะเน้นเรื่องของรสชาติ และสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคว่าบริษัทได้ย้ายมาทำโคโรริ โดยการแทรกใบปลิวไปกับถุงขนมด้วย พร้อมกับแจกสินค้าตัวอย่างราว 1 ล้านถุง ภายใต้งบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าโคโคโร จะมียอดขายที่ 120 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดขนมขึ้นรูป 3% ใน 3-5 ปี หวังขยับแชร์เป็น 5%
ขณะที่ภาพรวมรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 200 ล้านบาท เท่าปีก่อน แบ่งออกเป็น ส่งออก 40% และจำหน่ายในประเทศ 60% จากขนมอบกรอบขึ้นรูปทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ โคโคริ, โอโตริ และ เวก้า โดย 2 แบรนด์แรกมีจำหน่ายในไทย ส่วนแบรนด์สุดท้ายเป็นการส่งออก
ทั้งนี้ในส่วนของโรงงาน บริษัท ได้ลงทุนอีกราว 10 ล้านบาท ในการเพิ่มเครื่องจักรจากญี่ปุ่นและไต้หวัน เข้ามาทำให้การผลิตมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
นายกิติพัฒน์ เหรียญชัยวานิช ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส พี อาร์ ฟู๊ด อินดัสทรี จำกัด เปิดเผยว่า เดิมบริษัท ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิตขนมอบกรอบขึ้นรูปมากกว่า 25 ปี ซึ่งมีทั้งลักษณะโออีเอ็ม ส่งออก และสร้างแบรนด์จำหน่ายในประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ คาราด้า ซึ่งเป็นเป็นขนมอบกรอบขึ้นรูปที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2546 ร่วมกับทางบริษัท กรีนแลนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดในลักษณะช่วยกันทำงานร่วมกันมาโดยตลอด โดยทางบริษัททำในส่วนการผลิต และทางกรีนแลนด์ ดูเรื่องการจำหน่าย แต่ในแง่การทำตลาดต่างฝ่ายช่วยกันฝ่ายละ 50% เท่าๆกัน
แต่ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ทางกรีนแลนด์ได้ตั้งโรงงานขึ้นมา ผลิตขนมขึ้นรูปแบบอื่น แต่อยู่ภายใต้แบรนด์ คาราด้า ซึ่ง เป็นการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้บอกกล่าวกับทางเรา ดังนั้นในแง่ของคู่สัญญาจึงเหมือนทางกรีนแลนด์ทำผิดสัญญา ทางบริษัทจึงได้มีการดำเนินการและสอบถามอยู่ตลอด ปรากฏว่าทางกรีนแลนด์ได้ขอยกเลิกสัญญา และผลิต คาราด้า เองทั้งหมดทำให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงนั้น ซึ่งเชื่อว่าทางกรีนแลนด์ได้เตรียมการณ์ไว้ลวงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ส่งผลให้ทางบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ เน้นเรื่องการส่งออกมากขึ้น จากเดิมสัดส่วน 30% มาเป็น 40% ของรายได้รวมทั้งหมดตั้งแต่ ต.ค. ปีที่ผ่านมา พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ โคโคโร ซึ่งเป็นขนมอบกรอบขึ้นรูป ขึ้นมาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน มีวางจำหน่ายทั้งหมด 5 รสชาติ คือ รสปลาหมึก รสมะพร้าว รสสาหร่าย รสไก่ทอด และปลาหมึกย่างและจะเสริมรสชาติใหม่เข้ามาอีกภายในปีนี้ ซึ่งมีวางจำหน่ายตั้งแต่ในราคา 2,5,10 และ 20 บาท เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดให้กับโคโคริ จะเน้นเรื่องของรสชาติ และสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคว่าบริษัทได้ย้ายมาทำโคโรริ โดยการแทรกใบปลิวไปกับถุงขนมด้วย พร้อมกับแจกสินค้าตัวอย่างราว 1 ล้านถุง ภายใต้งบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าโคโคโร จะมียอดขายที่ 120 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดขนมขึ้นรูป 3% ใน 3-5 ปี หวังขยับแชร์เป็น 5%
ขณะที่ภาพรวมรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 200 ล้านบาท เท่าปีก่อน แบ่งออกเป็น ส่งออก 40% และจำหน่ายในประเทศ 60% จากขนมอบกรอบขึ้นรูปทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ โคโคริ, โอโตริ และ เวก้า โดย 2 แบรนด์แรกมีจำหน่ายในไทย ส่วนแบรนด์สุดท้ายเป็นการส่งออก
ทั้งนี้ในส่วนของโรงงาน บริษัท ได้ลงทุนอีกราว 10 ล้านบาท ในการเพิ่มเครื่องจักรจากญี่ปุ่นและไต้หวัน เข้ามาทำให้การผลิตมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
