xs
xsm
sm
md
lg

บุหรี่ซองละ83-ภาษีน้ำมันทุบศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังออกประกาศเป็นทางการขึ้นภาษีบุหรี่ – น้ำมันหลังกฎหมายขยายเพดานภาษีมีผลบังคับใช้ น้ำมันขึ้น 2 บาทต่อลิตร บุหรี่ไทย 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท ส่งผลกรองทิพย์ปรับเพิ่มขึ้นจาก 45 บาทเป็น 58 บาท มาร์ลโบโรจาก 68 บาทเป็น 83 บาท เผยรีดเบนซินดีเซล 2 บาท บี 5 ที่ 2.85 บาท รัฐบาลจะใช้เงินกองทุนน้ำมัน 2 หมื่นล้าน ลดภาระประชาชนได้แค่ 1 เดือน เอกชนผวาเก็บภาษีน้ำมันฉุดเศรษฐกิจวูบต่อ ประชาชนและภาคธุรกิจเดือดร้อน

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมว.คลังเปิดเผยว่า หลังจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การขยายเพดานจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจากลิตรละ 5 บาทเป็น 10 บาทและขยายเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่จาก 80% เป็น 90% ของมูลค่าหน้าโรงงานหรือมูลค่านำเข้ามีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 13 พฤษภาคม กระทรวงการคลังได้ออกประกาศของกระทรวง เพื่อให้มีผลบังคับเกี่ยวกับอัตราการจัดเก็บภาษีให้มีผลทันทีวันที่ 14 พฤษภาคมเช่นกัน

อัตราการจัดเก็บภาษีน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อลิตร แต่รัฐบาลจะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ 2 หมื่นล้านบาทเข้ามาช่วยลดภาระของประชาชนในช่วงแรก ส่วนภาษีสรรพสามิตยาสูบจะจัดเก็บในอัตรา 85% ซึ่งจะทำให้บุหรี่ในประเทศปรับขึ้นประมาณ 10-13 บาทต่อซอง บุหรี่ต่างประเทศปรับขึ้นประมาณ 15-17 บาทต่อซอง

“การจัดเก็บภาษีทั้งสุรา ยาสูบและน้ำมันเพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยในส่วนของบุหรี่นั้นเป็นการกำหนดเพดานราคาปลีกเท่านั้น แต่ราคาที่จะปรับขึ้นเท่าใด ขึ้นกับผู้ผลิตจะเป็นผู้ประกาศ” นพ.พฤติชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมสรรพสามิตได้ประกาศเพดานราคาขายปลีกบุหรี่ ซึ่งมีผลวันที่ 14 พฤษภาคมคือ กรองทิพย์ปรับเพิ่มขึ้นจาก 45 บาทเป็น 58 บาท วันเดอร์จาก 32 บาทเป็น 42 บาท มาร์ลโบโร จาก 68 บาทเป็น 83 บาท และ แอลเอ็ม จาก 49 บาทเป็น 60 บาท

นางชื่นใจ ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง กล่าวว่าโรงงานยาสูบได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกของบุหรี่ที่โรงงานผลิตนั้นเป็นราคาเดียวกับที่กรมสรรพสามิตประกาศ เพราะเป็นราคาที่บวกภาระภาษีทุกประเภทไว้หมดแล้วจึงถือเป็นการปรับราคาเต็มเพดาน ซึ่งครั่งนี้ถือว่ามีการประกาศปรับราคาที่เร็วและมีการปรับขึ้นสูงมากทำให้มีการกักตุนบุหรี่น้อยกว่าการปรับราคาทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

“วันนี้มีการซื้อบุหรี่เข้ามาไม่มากนัก เพราะก่อนหน้านี้มีการซื้อไปกักตุนไว้แล้ว จึงเป็นไปได้ที่จะระบายสินค้าเก่าออกไปให้หมดก่อน ซึ่งในครั้งนี้โรงงานยาสูบถือโอกาสปรับเพิ่มค่าการตลาดให้ผู้ค้าส่งด้วย จาก 4.50 บาทต่อห่อเพิ่มเป็น 5.50 บาทต่อห่อ เนื่องจากมองว่าหลังการปรับเพิ่มราคาครั้งนี้ยอดขายจะลดลงอย่างแน่นอน เพราะราคาที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ค่าส่งมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากรับบุหรี่ราคา 20,050 บาท เป็น 22,000 บาทต่อหีบ(มี 50 ห่อ) หรือราคา 405 ต่อห่อเพิ่มเป็น 527 บาทต่อ โดยเมื่อรับไปแล้วก็จะขายอยู่ที่ห่อละ 532.50 บาท โดยได้กำไรห่อละ 5.50 บาท” นางชื่นใจ กล่าว และว่าในส่วนของโรงงานยาสูบไมได้รับผลกระทบหรือได้ประโยชน์จากการปรับราคาครั้งนี้ เพราะเป็นเม็ดเงินภาษีทั้งหมด

อย่างไรก็ตามในส่วนของบุหรี่นอกอย่างมาร์โปโรนั้นมีการปรับราคาจาก 63 บาทเป็น 83 บาทหรือขึ้นถึง 20 บาท เนื่องจากเป็นบุหรี่พรีเมี่ยมและคิดจากราคาหน้าโรงานที่มีต้นทุนสูงเมื่อปรับเพิ่มอัตรา 85% ทำให้มีราคาขยับขึ้นสูงมาก จึงอาจทำให้ผู้สูบบุหรี่หันมาสูบบุหรี่ไทยอย่างวันเดอร์แทนเพราะมีราคาที่ต่ำกว่ามาก แต่คุณภาพไม่แตกต่างกัน ซึ่งโรงงานยาสูบไมได้สนับสนุนให้สูบหรี่แต่ต้องการผลิตรองรับกลุ่มที่เลิกไม่ได้เท่านั้น

*** รัฐรีดภาษีฯน้ำมันมีผลแล้ว
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานประกาศลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันในวันเดียวกันกับที่ขึ้นภาษีน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบต่อการปรับขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมัน
“ เราใช้กลไกน้ำมันลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯไปอุ้มไว้เพื่อไม่ให้ราคาขึ้น ส่วนราคาขายปลีกที่ปรับและมีผลวันที่ 14 พ.ค. จำนวน 60 สตางค์ต่อลิตร เป็นผลจากราคาตลาดโลกไม่เกี่ยวกับการขึ้นภาษีฯแต่อย่างใด”รมว.พลังงานกล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานจะดำเนินการใช้เงินกองทุนเข้ามาลดภาระประชาชนในช่วงเปลี่ยนผ่านภาษีให้ได้ภายใน 1 เดือนเท่านั้น จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมัน และคาดว่าจะทยอยปรับประมาณ 2-3 ครั้ง ใน 1 เดือน โดยอาจจะทยอยขึ้นครั้งละ 60-70 สตางค์ต่อลิตร ในช่วงราคาน้ำมันเป็นขาลง
แต่ยอมรับว่าราคาน้ำมันตลาดโลกขณะนี้เป็นขาขึ้นคงจะต้องติดตามใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ฐานะกองทุนฯติดลบ

***รีดเบนซินดีเซล 2 บ.B5กระฉูด2.85
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ปรับขึ้น 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้อัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัoเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นดังนี้ เบนซิน 95 และ 91 จาก 5.00 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 2.00 บาทต่อลิตร เป็น 7.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และ 91 จาก 4.50 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.80 บาทต่อลิตร เป็น 6.30 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 จาก 4.00 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.60 บาทต่อลิตร เป็น 5.60 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E85) จาก 0.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร เป็น 1.05 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2 จาก 3.305 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 2.005 บาทต่อลิตร เป็น 5.31 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 จาก 2.19 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 2.85 บาทต่อลิตร เป็น 5.04 บาทต่อลิตร
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกจึงใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมัน ดังนี้เบนซิน 95 เดิมก็บ 7.00 บาทต่อลิตร ลดลง 2.20 บาทต่อลิตร เหลือ 4.80 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เดิมเก็บ 5.70 บาทต่อลิตร ลดลง 2.20 บาทต่อลิตร เหลือ 3.50 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล 95 เดิมเก็บ 2.35 บาทต่อลิตร ลดลง 1.98 บาทต่อลิตร เหลือ 0.37 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล 91 เดิม เก็บ 1.75 บาทต่อลิตร ลดลง 1.98 บาทต่อลิตร ชดเชย 0.23 บาทต่อลิตร E20 เดิมชดเชย 0.30 บาทต่อลิตร ชดเชยเพิ่ม 1.76 บาทต่อลิตร เป็น 2.06 บาทต่อลิตร E85 เดิมชดเชย 8.00 บาทต่อลิตร เพิ่ม ชดเชย 0.33 บาทต่อลิตร เป็น 8.33 บาทต่อลิตร ดีเซลB2 เดิมเก็บ 1.70 บาทต่อลิตร ลดลง 2.20 บาทต่อลิตร ชดเชย 0.50 บาทต่อลิตร และ B5 จากเดิมชดเชย 0.20 บาทต่อลิตร เพิ่มการชดเชย 3.13 บาทต่อลิตร เป็น 3.33 บาทต่อลิตร
การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินส่งเข้าเชื้อเพลิงใหม่นี้จะทำให้กองทุนน้ำมันฯมีภาระการชดเชยเดือนละประมาณ 5,300 ล้านบาท ขณะที่ก่อนการชดเชยกองทุนน้ำมันมีเงินไหลเข้าเดือนละ 3,600 ล้านบาท แต่เมื่อมีการชดเชยทำให้กองทุนมีเงินไหลออกเดือนละ 1,700 ล้านบาท สำหรับสถานะกองทุนปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 16,000 ล้านบาท
ซึ่งมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันครั้งนี้ โดยจะชดเชยชั่วคราวประมาณ 1 เดือน
นายสมศักดิ์ วิวัฒน์พนชาติ รองประธานคณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลควรดำเนินนโยบายด้วยความรอบคอบ เพราะหากเพิ่มภาษีน้ำมันจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันต้องอปรับเพิ่มขึ้นและจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของไทยในที่สุด เพราะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการเอกชนเดือดร้อน
ทั้งนี้ รัฐบาลควรรอให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวมากกว่านี้ คือ ประมาณไตรมาส 3 จึงค่อยดำเนินนโยบาย เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยซบเซามากพออยู่แล้ว จึงไม่ควรซ้ำเติมสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนอีก โดยที่ผ่านมาภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป ก็มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ค่อนข้างมากอยู่แล้ว
“อยากเตือนให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง อย่าหักโหม เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังกระตุ้นการบริโภคเพื่อให้เกิดกำลังซื้อภายในประเทศ แต่เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นผู้บริโภคและประชาชนย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสวนทางกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล” นายสมศักดิ์กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น