ตอนนี้มุ่งมั่นกับการเรียนทำอาหาร และธรรมะ ชีวิตยุ่งขิงแนวสร้างสรรค์ ทำให้ร้องเพลงลั้ลลากับพี่น้องพันธมิตรฯ ได้นิดหน่อย ซึ่งมีทั้งคนเสียดาย และดีใจคละเคล้ากันไป เหมือนการเมืองไทยมีทั้งฝ่ายสีเหลือง และสีแดง
พูดถึง “สีแดง” แล้วแสลงใจอยากเล่าเรื่อง “พี่เรือน้อย ”....แต่ผู้อ่านต้องสัญญาก่อนนะ...ว่า รู้แล้วเหยียบไว้ อย่าไปบอกใคร ไม่งั้น “เจ๊ปอง” ตายแน่!!!
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า “พี่เรือน้อย” ญาติผู้ใหญ่ของ “พี่แม้วแรพ” คนที่กำลังจะไปเป็นพลเมืองคนใหม่ของ “สาธารณรัฐมอนเตเนโกร” นั่นนะ หล่อนกำลังถูก “ทวงหนี้” ยิกๆ จากคอนโดมิเนียมหรูหรา พัทยา!!!
ไฮโซรุ่นใหญ่กระซิบป้องปากในวันฝนตกหนักที่สปอตคลับ จับความได้ว่า “พี่เรือน้อย” ซึ่งคุยนักคุยหนาว่า ใหญ่โต มีเงินทองมากมายเพราะพ่อ แม่ รวยล้นฟ้า แถมโม้ว่าเป็นลูกคนเดียวที่ได้รับมรดกพกห่อมากมายก่ายกองกินไปสามชาติก็ไม่หมด จนพี่น้องอีก 3 คนที่คลานตามกันมานั่งไม่ติด ได้แต่มองตากันปริบๆ ที่โดนพี่เรือน้อย ฉายาแม่ร้อยวิก ฮุบมรดกที่บุพการีทิ้งไว้ให้ไปต่อหน้าต่อตาหาได้แบ่งให้ใครไม่
ที่ไหนได้เล่า....พี่เรือน้อยร้อยวิก กลับกลายเป็นคนเหนียวหนี้ ประเภทมีแต่ไม่จ่าย ใครจะมาทำไม? แถมเที่ยวคุยอวดไปทั่วว่า รู้จักคนใหญ่คนโตมากมายในแผ่นดินนี้ ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าแหยม!!!
ยกเว้น!!! “นิติบุคคล” ของคอนโดฯ หรูแห่งนี้...กล้าโว้ย!!! เชื่อไม่เชื่อตามมาดู
หนึ่งในลูกบ้านที่คอนโดฯ แห่งนั้น เล่าให้ฟังด้วยเสียงกระซิบบนหาดทรายที่เต็มไปด้วยร่ม และส้มตำว่า “พี่เรือน้อยร้อยวิก” ไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางมานานแล้ว ทวงทีไรแกก็บอกว่า “ไม่จ่าย เพราะไม่ค่อยได้มาอยู่ แล้วทำไมต้องจ่าย อยากได้มาทวงเอาเอง”
ครั้นตอนนี้พี่เรือน้อยติดกับดักตัวเอง เป็นข่าวครึกโครมไปทั่ว ทำให้นิติบุคคลกล้าแข็งข้อ ยื่นโนติ๊สเรียกมาชำระเงินด่วน แถมกำชับว่าถ้าไม่รีบมาเคลียร์หนี้สินในวันสองวันนี้ จะยื่นฟ้องให้เข็ดหลาบ
ฟังแล้วได้แต่ร้องในใจว่า ร้อยไม่เชื่อ! พันไม่เชื่อ! เป็นไปได้อย่างไร? เห็นพี่เรือน้อยล้มหน่อยเดียว นิติบุคคลรีบข้ามเลย แถมข้ามไม่ข้ามเปล่า แอบฝากบาทากลางหลังด้วยแก่นเซี้ยวเสียจริงๆ เชียวคนสมัยนี้
พูดถึงพี่เรือน้อยแล้วประหลาดใจ ไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดสิงใจพี่เรือน้อย ถึงได้กล้าลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องเพชรให้สัมภาษณ์ อ้างฟ้าอ้างแผ่นดินเป็นวรรคเป็นเวรด้วยถ้อยคำที่แต่ละคำสะดุดหูดูไม่จืด
คำหนึ่งก็ใกล้ชิด สองคำก็สนิทสนม แล้วพาลด่าคนอื่นเขาไปทั่ว ราวกับกลัวว่าคนเขาจะไม่รู้ว่าตัวเลว!
กลุ้มใจแทนพี่เรือน้อยจัง ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่า ขี้กลากเริ่มกินกบาลแล้ว
ล่าสุดได้ยินมากับหู เห็นมากับตาว่า พี่เรือน้อยของเราทำใบปลิว “ด่า” คนดีๆ ที่เขาไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าของพลเมืองนิการากัว แล้วเดินแจกเองเลย เอากะหล่อนสิ ไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนราดรดกะลาหัวของ “เจ้านาย” ดันไปยืนเข้าข้างคนที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่ว่า อยากเป็น “เจ้านาย” เสียเอง
ล่าสุดไปนั่งชมนกชมแม้ว และนินทาว่าร้าย “องคมนตรี” อยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ซึ่งขอเขา “ตีฟรี” เป็นประจำ จนเจ้าของเขาเอือมระอา แต่ไม่กล้าว่า เพราะกลัว “วัง”
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้พี่เรือน้อยก็ไปตีกอล์ฟฟรีที่นี่อีก คราวนี้มาตีกับ “ขุนทหาร” อีก 3 คน บิ๊กเบ้งกันทั้งนั้น เป็นก๊วนตีกอล์ฟประกอบการสนทนาหัวข้อ “สนธิ ลิ้มทองกุล”
หนึ่งในก๊วนนี้พูดโพล่งออกมาว่า “รอดมาได้ยังไงไม่รู้”.....อยากรู้ไหม....ถ้าอยากรู้ มาหาคำตอบด้วยตัวเองที่บ้านพระอาทิตย์สิ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่า ใครเป็นใคร
พูดถึง “ตีกอล์ฟฟรี” ก็มีเรื่องเล่าจากเพื่อนนักกอล์ฟว่า พี่เรือน้อยชอบของฟรี ชอบเบ่งกินฟรี ตีกอล์ฟฟรี เวลาตีกอล์ฟแต่ละที พี่เรือน้อยจะเอาแต่ใจตัวเอง ล่าสุดเที่ยวนี้ก็ไปตีกอล์ฟ “อัด” ก๊วนหน้าเขา จนโดนด่าเละเป็นโจ๊ก
อันพฤติกรรมชอบของฟรีนี้ไม่ได้เป็นมาแต่อ้อนออก แต่เพิ่งมาเปลี่ยนตอนเริ่มเข้าสู่วัยชรา ก่อนหน้านี้ตอนพี่เรือน้อยยังสาวยังสด พี่เรือน้อยเป็นสุภาพสตรีผู้มีแต่ให้ โดยเริ่มให้ตั้งแต่ “ไข่แดง” เป็นต้น
ด้วยความที่เป็นคนใจคอกว้างขวางนี่เอง ศิษย์เก่านักเรียนอังกฤษ ยุคกระโปรงสุ่ม จึงเรียกพี่น้อยว่า Thailand Open
และอุปนิสัยใจเป็นแม่น้ำอย่างนี้ติดตัวมาถึงเมืองไทย ภายหลังพี่เรือน้อยหันมาค้าอาวุธสงคราม บรรดาแม่ทัพนายกองเลยได้ลิ้มลอง “น้ำใจ” ของพี่เรือน้อยกันคับคั่ง อย่าถามว่าใครบ้างตอบไม่ถูก ให้ถามว่า ใครไม่ได้บ้างจะตอบง่ายกว่า
ชีวิตพี่เรือน้อยสนุกสนานหลากสีสัน ตลอดชีวิตนี้พี่เรือน้อยแต่งแล้วหย่ามา 3 หน ซึ่งมีทั้งแต่งด้วยรัก และแต่งด้วยเล่ห์ อย่างแรกเพื่อหัวใจ อย่างหลังเพื่อให้ได้มาซึ่ง “บรรดาศักดิ์” ที่จะถูกเรียกขานเต็มยศเต็มศักดิ์ สุดท้ายด้วยความกราดเกรี้ยวจนเป็นนิสัย สามีแสนดีคนที่สามเลยกราบลา ไม่ทนถูกหยาม ถูกด่า ถูกฟาดด้วยเข็มขัดเหมือนสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป
เมื่อพี่เรือน้อยใช้เสน่ห์จนรู้จักกับคนใหญ่คนโตในกองทัพมากพอ ก็เริ่มมีแนวความคิดหากินกับคอมมิชชันอาวุธสงคราม เวลาเดียวกันนั้นเองพี่เรือน้อยก็ปวารณาตัวเองไปรับใช้ “คุณท่าน” ที่บ้านริมน้ำ ชนิดที่นอนเฝ้าอยู่ปลายเท้า โดยอ้างกับใครต่อใครว่า “แม่กับแม่รักกันตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนราชินี”
ดังนั้น พี่เรือน้อยจึงสรุปเองตามอำเภอใจว่า “ลูกสาวกับลูกสาวก็รักกันด้วย”
เหตุนี้เองใครต่อใครจึงเกรงใจพี่เรือน้อย หรือจะว่าให้ถูก คือ เกรงใจ “เงา” ที่พี่เรือน้อยใช้คลุมกายไปหากิน
ภายหลังพี่เรือน้อยเจ็บหนักต้องผ่าตัดสมอง ผู้คนเขาจึงลือกันสนั่นพระนครว่า สาเหตุมาจากเหากินหัวมากกว่าอย่างอื่น
เรื่องตีตนเสมอท่านของพี่เรือน้อยเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว เมื่อพี่เรือน้อยเริ่มมีเงิน เข้าสังคม มียศถาบรรดาศักดิ์ พี่เรือน้อยก็เริ่ม “ล่าเงินบริจาค” ใครหน้าไหนที่ว่ารวยเป็นเสร็จพี่เรือน้อยหมด คุณเธอรีดไถเสียจนผู้คนอ่อนอกอ่อนใจ แต่ที่จำใจต้องจ่าย เพราะพี่เรือน้อยมักสัญญาว่า “จะเอาสายสะพายไหม 100 ล้านก็ได้แล้ว เดี๋ยวบอกให้ ได้แน่ๆ” หรือ “ถ้าไม่เอาสายสะพานจะเอาโครงการอะไรไหม รู้จักหมดทั้งรัฐบาล ทั้งกองทัพ จะเอาอะไรบอกพี่” เป็นต้น
ลองอีหรอบนี้ใครได้ยินก็หูผึ่ง รีบควักกระเป๋าให้พี่เรือน้อยไม่บันยะบันยังเพื่อหวังผลที่พี่เรือน้อยเอามาล่อ
คนโลภกับคนโลภมาเจอกัน ก็บรรลัยวายวอดด้วยประการฉะนี้แล
พี่เรือน้อยได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดนักรีดไถเงินบริจาคไร้จรรยาบรรณ คุณเธอเชื่อว่า เงินใครก็ได้ จะสกปรกแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ขอให้มียอดสูงๆ เป็นพอ เรื่องนี้สร้างความคับข้องหมองใจกับทุกฝ่ายมายาวนาน แต่มิมีผู้ใดกล้าปริปาก
พอคนไม่พูดพี่เรือน้อยก็เริ่มสำคัญตนผิด เริ่มกร่าง วางกล้าม อวดเบ่ง อวดใหญ่อวดโต และระรานคนอื่นเขาไปทั่ว ความเอาแต่ใจของพี่เรือน้อยเป็นที่เลื่องลือ ลองพี่เรือน้อยอยากได้อะไรเป็นต้องได้ จะไปไหนมาไหนผู้คนเดือดร้อนรับรองดุจนางพญา บางพื้นที่ไปกดดันเขาให้รับรองตัวเองประดุจ “เจ้านาย”
ความที่พี่เรือน้อยอวดเบ่ง และขี้คุยว่า “ใกล้ชิด” ทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในสิ่งที่พี่เรือน้อยต้องการ ดังนั้นบ้านของพี่เรือน้อยจึงกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ใครอยากได้อะไรให้มา “สยบ” กับพี่เรือน้อย ผลที่ตามมาได้บ้างไม่ได้บ้าง พี่เรือน้อยก็มั่วของเธออย่างนี้ไปเรื่อย
ถามว่ามีคน “ขัดขืน” กับพี่เรือน้อยไหม คำตอบคือ “มี” ..แต่จะต้องโดน “ของดี” หากใครหน้าไหนกล้าขัดขืนเวลาพี่เรือน้อยไปรีดไถเพื่อการกุศล หรือขอโครงการแล้วละก็ วันรุ่งขึ้นจะได้รับโทรศัพท์พิเศษทันที และปลายสายมีเสียงชวน “ขนลุก” เสียงที่ใครต่อใครสามารถนึกไปได้ว่า เป็นเสียงเดียวที่เคยได้ยินจาก “ฟากฟ้า”
เจอเข้าอีหรอบนี้เศรษฐีหลายคนก็จนด้วยเกล้า ต้องควักเงินให้พี่เรือน้อยเป็นร้อยๆ ล้านทุกทีไป จนในที่สุดหลายปีผ่านไปด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ พี่เรือน้อยจึงได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักล่าเงินบริจาคที่โด่งดังไปทั่วแคว้นแดนสยาม
ใครจะรู้...ยิ่งใหญ่ยิ่งมีคนสาปแช่ง ชีวิตที่ชีช้ำอับอายเหลือแสนในวันนี้อาจมาจากผลพวงแห่งเสียงสาปแช่งก็ได้...ใครจะรู้
วิธีการสกปรกนี้มารู้ความจริงเอาภายหลัง เมื่อมีคนใกล้ชิดพี่เรือน้อยนำความลับมาปูดว่า พี่เรือน้อยดัดสียงได้ “เหมือน” มากกกกก!!! เหมือนจนไม่มีที่ติ??? แล้วเที่ยวโทรศัพท์ดัดเสียงหลอกหาเงินบริจาค แถมเงินที่ได้เข้าข่าย “วัดได้ครึ่งหนึ่ง” เพราะพี่เรือน้อยตั้งตัวเป็นกรรมการฟาดไปครึ่งหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นการหักค่าใช้จ่ายก่อนบริจาค ซึ่งแต่ละงานค่าจัดงาน “โคตรแพง” เงินบริจาคเพื่อการกุศลจึงเหลือ “นิดเดียว”
หนักๆ เข้าเรื่องราวความเลวร้ายของพี่เรือน้อยร้อยวิก ก็ล่วงรู้เข้าหู “นางฟ้าใจดี” จากนั้นเลยมีมติของเหล่าเทพยดาฟ้าดินให้ลงโทษด้วยการ “ไม่คบหาสมาคม” งานนี้พี่เรือน้อยขวัญกระเจิง เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างหากินอีกแล้ว เมื่อเรื่องแดงคางานใหญ่ที่หวังจะ “ขายเสื้อ” ให้โลกลืม เลยยัดเยียดเสื้อห่วยๆ ให้พี่แม้วแรพ ที่อิงหลังพี่เรือน้อยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
งานนี้พี่แม้วเอาเงินชาวบ้านจากธนาคารคนจนไปเหมาเสื้อมาจากพี่เรือน้อย หวังให้เมีย “ได้หน้า” จนโดนหลอกฟันไปหลายล้าน แต่คนคู่นี้ขิงก็ราข่าก็แรง เพราะก่อนจะหนีหัวซุกหัวซุนไปเร่ร่อนในต่างแดน พี่แม้วแรพถึงกับบริภาษใส่พี่เรือน้อยลับหลังว่า “ อีแก่จอมลวงโลก”
แม้จะด่าทอกันอย่างไร คนเลวกับคนเลวมันก็ยังกอดคอเป็นเกลอกันวันยังค่ำ พี่เรือน้อยจึงมีหน้าที่โทร.หาพี่แม้วทุกวัน และวันหนึ่งเมื่อพี่เรือน้อยถูกจับแก้ผ้าประจานด้วยความจริงจากปากคนกล้า พี่เรือน้อยเลยสติแตกยุยงส่งเสริมให้พี่แม้วกับพี่ๆ สีเขียว คู่ขาเก่าพี่เรือน้อยหลายคนในกองทัพให้ “เก็บมันเลย” ...หนึ่งในนั้นเคืองอยู่กับ “ลุงจำลอง” ก็ร้องว่า ฮ้อแรด!!!
พวกนี้รอที...มีท่าอยู่แล้ว ครั้นพี่เรือน้อยเอ่ยปาก เลยยืมมือ “ทหาร” ริมชายแดนหมายเลข 3 “เก็บคนกล้า” เสียเลย....ผลเป็นไง??? ทหารป่าดันยิงด้วยวิถีกระสุน “เลิ่กลั่ก” เหมือนยิงเฮลิคอปเตอร์ศัตรูสาดไปหมดลัง แทนที่จะเก็บได้กลายเป็นฝ่ายกำลังโดนเก็บเสียเองด้วยเงื้อมมือกฎหมาย
วงการนักเลงมักพูดกันว่า ความจริงมักงอกออกจากปาก ไม่ “คนเมา” ก็ “คนบ้า” แต่ความลับของพี่เรือน้อยและผองเพื่อนขายชาติได้หลุดออกมาจากปากคนมัวเมาและบ้าในอำนาจ
เรื่องลับรั่วไหลกลายเป็นเรื่องยุ่งตายห่า พี่เรือน้อยก็เลย “อิ๊บอ๋าย” ต้องตากหน้า “ปฏิเสธ” ปากคอสั่น
สุดท้ายต้องเอาหลังพิงฟ้า เอาหน้าตึงเปรี๊ยะ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แต่ในใจนี้สิแสนทุกข์ระทมด้วยคนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า “แอบอ้าง” และ “เอาชีวิต” ผู้คนได้เหมือนผักปลา
พี่เรือน้อยยิ่งพูดกับสื่อมากเท่าไร เรื่องราวความโสมมของพี่เรือน้อยร้อยวิก ก็ยิ่งถูกขุดคุ้ยมากเท่านั้น
ยิ่งพูด...ยิ่งมัด ยิ่งมัด...ยิ่งลามไปถึง “น้องสาวตัวนิด” ที่เคยพึ่ง “เจ้านาย” ทวงสร้อยเพชรในมือ “ชายชู้”
และ “พี่แม้วแรพ” คนทะเยอทะยานที่พี่เรือน้อยกล้าการันตี ว่าจงรักภักดี 100% ก็กำลังแพ้ภัยตัวเอง
ส่วนเงินหลายร้อยล้านที่ได้มาจากการรีดเลือดกับปู เลยกลายเป็นทุกข์ทับถม
จะอยู่ก็อาย จะตายก็ไม่กล้า ฟ้าดินก็ไม่เมตตา เลยหาเรื่องแก้หน้าทำคดี “คนถูกลอบสังหาร” เสียเลย
งานนี้เข้าข่าย เรือรั่วหลงทาง จะอยู่ก็ตาย จะไปก็ไม่ไหว คลับคล้าย “เรือน้อยใกล้จม”
พูดถึง “สีแดง” แล้วแสลงใจอยากเล่าเรื่อง “พี่เรือน้อย ”....แต่ผู้อ่านต้องสัญญาก่อนนะ...ว่า รู้แล้วเหยียบไว้ อย่าไปบอกใคร ไม่งั้น “เจ๊ปอง” ตายแน่!!!
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า “พี่เรือน้อย” ญาติผู้ใหญ่ของ “พี่แม้วแรพ” คนที่กำลังจะไปเป็นพลเมืองคนใหม่ของ “สาธารณรัฐมอนเตเนโกร” นั่นนะ หล่อนกำลังถูก “ทวงหนี้” ยิกๆ จากคอนโดมิเนียมหรูหรา พัทยา!!!
ไฮโซรุ่นใหญ่กระซิบป้องปากในวันฝนตกหนักที่สปอตคลับ จับความได้ว่า “พี่เรือน้อย” ซึ่งคุยนักคุยหนาว่า ใหญ่โต มีเงินทองมากมายเพราะพ่อ แม่ รวยล้นฟ้า แถมโม้ว่าเป็นลูกคนเดียวที่ได้รับมรดกพกห่อมากมายก่ายกองกินไปสามชาติก็ไม่หมด จนพี่น้องอีก 3 คนที่คลานตามกันมานั่งไม่ติด ได้แต่มองตากันปริบๆ ที่โดนพี่เรือน้อย ฉายาแม่ร้อยวิก ฮุบมรดกที่บุพการีทิ้งไว้ให้ไปต่อหน้าต่อตาหาได้แบ่งให้ใครไม่
ที่ไหนได้เล่า....พี่เรือน้อยร้อยวิก กลับกลายเป็นคนเหนียวหนี้ ประเภทมีแต่ไม่จ่าย ใครจะมาทำไม? แถมเที่ยวคุยอวดไปทั่วว่า รู้จักคนใหญ่คนโตมากมายในแผ่นดินนี้ ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าแหยม!!!
ยกเว้น!!! “นิติบุคคล” ของคอนโดฯ หรูแห่งนี้...กล้าโว้ย!!! เชื่อไม่เชื่อตามมาดู
หนึ่งในลูกบ้านที่คอนโดฯ แห่งนั้น เล่าให้ฟังด้วยเสียงกระซิบบนหาดทรายที่เต็มไปด้วยร่ม และส้มตำว่า “พี่เรือน้อยร้อยวิก” ไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางมานานแล้ว ทวงทีไรแกก็บอกว่า “ไม่จ่าย เพราะไม่ค่อยได้มาอยู่ แล้วทำไมต้องจ่าย อยากได้มาทวงเอาเอง”
ครั้นตอนนี้พี่เรือน้อยติดกับดักตัวเอง เป็นข่าวครึกโครมไปทั่ว ทำให้นิติบุคคลกล้าแข็งข้อ ยื่นโนติ๊สเรียกมาชำระเงินด่วน แถมกำชับว่าถ้าไม่รีบมาเคลียร์หนี้สินในวันสองวันนี้ จะยื่นฟ้องให้เข็ดหลาบ
ฟังแล้วได้แต่ร้องในใจว่า ร้อยไม่เชื่อ! พันไม่เชื่อ! เป็นไปได้อย่างไร? เห็นพี่เรือน้อยล้มหน่อยเดียว นิติบุคคลรีบข้ามเลย แถมข้ามไม่ข้ามเปล่า แอบฝากบาทากลางหลังด้วยแก่นเซี้ยวเสียจริงๆ เชียวคนสมัยนี้
พูดถึงพี่เรือน้อยแล้วประหลาดใจ ไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดสิงใจพี่เรือน้อย ถึงได้กล้าลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องเพชรให้สัมภาษณ์ อ้างฟ้าอ้างแผ่นดินเป็นวรรคเป็นเวรด้วยถ้อยคำที่แต่ละคำสะดุดหูดูไม่จืด
คำหนึ่งก็ใกล้ชิด สองคำก็สนิทสนม แล้วพาลด่าคนอื่นเขาไปทั่ว ราวกับกลัวว่าคนเขาจะไม่รู้ว่าตัวเลว!
กลุ้มใจแทนพี่เรือน้อยจัง ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่า ขี้กลากเริ่มกินกบาลแล้ว
ล่าสุดได้ยินมากับหู เห็นมากับตาว่า พี่เรือน้อยของเราทำใบปลิว “ด่า” คนดีๆ ที่เขาไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าของพลเมืองนิการากัว แล้วเดินแจกเองเลย เอากะหล่อนสิ ไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนราดรดกะลาหัวของ “เจ้านาย” ดันไปยืนเข้าข้างคนที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่ว่า อยากเป็น “เจ้านาย” เสียเอง
ล่าสุดไปนั่งชมนกชมแม้ว และนินทาว่าร้าย “องคมนตรี” อยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ซึ่งขอเขา “ตีฟรี” เป็นประจำ จนเจ้าของเขาเอือมระอา แต่ไม่กล้าว่า เพราะกลัว “วัง”
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้พี่เรือน้อยก็ไปตีกอล์ฟฟรีที่นี่อีก คราวนี้มาตีกับ “ขุนทหาร” อีก 3 คน บิ๊กเบ้งกันทั้งนั้น เป็นก๊วนตีกอล์ฟประกอบการสนทนาหัวข้อ “สนธิ ลิ้มทองกุล”
หนึ่งในก๊วนนี้พูดโพล่งออกมาว่า “รอดมาได้ยังไงไม่รู้”.....อยากรู้ไหม....ถ้าอยากรู้ มาหาคำตอบด้วยตัวเองที่บ้านพระอาทิตย์สิ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่า ใครเป็นใคร
พูดถึง “ตีกอล์ฟฟรี” ก็มีเรื่องเล่าจากเพื่อนนักกอล์ฟว่า พี่เรือน้อยชอบของฟรี ชอบเบ่งกินฟรี ตีกอล์ฟฟรี เวลาตีกอล์ฟแต่ละที พี่เรือน้อยจะเอาแต่ใจตัวเอง ล่าสุดเที่ยวนี้ก็ไปตีกอล์ฟ “อัด” ก๊วนหน้าเขา จนโดนด่าเละเป็นโจ๊ก
อันพฤติกรรมชอบของฟรีนี้ไม่ได้เป็นมาแต่อ้อนออก แต่เพิ่งมาเปลี่ยนตอนเริ่มเข้าสู่วัยชรา ก่อนหน้านี้ตอนพี่เรือน้อยยังสาวยังสด พี่เรือน้อยเป็นสุภาพสตรีผู้มีแต่ให้ โดยเริ่มให้ตั้งแต่ “ไข่แดง” เป็นต้น
ด้วยความที่เป็นคนใจคอกว้างขวางนี่เอง ศิษย์เก่านักเรียนอังกฤษ ยุคกระโปรงสุ่ม จึงเรียกพี่น้อยว่า Thailand Open
และอุปนิสัยใจเป็นแม่น้ำอย่างนี้ติดตัวมาถึงเมืองไทย ภายหลังพี่เรือน้อยหันมาค้าอาวุธสงคราม บรรดาแม่ทัพนายกองเลยได้ลิ้มลอง “น้ำใจ” ของพี่เรือน้อยกันคับคั่ง อย่าถามว่าใครบ้างตอบไม่ถูก ให้ถามว่า ใครไม่ได้บ้างจะตอบง่ายกว่า
ชีวิตพี่เรือน้อยสนุกสนานหลากสีสัน ตลอดชีวิตนี้พี่เรือน้อยแต่งแล้วหย่ามา 3 หน ซึ่งมีทั้งแต่งด้วยรัก และแต่งด้วยเล่ห์ อย่างแรกเพื่อหัวใจ อย่างหลังเพื่อให้ได้มาซึ่ง “บรรดาศักดิ์” ที่จะถูกเรียกขานเต็มยศเต็มศักดิ์ สุดท้ายด้วยความกราดเกรี้ยวจนเป็นนิสัย สามีแสนดีคนที่สามเลยกราบลา ไม่ทนถูกหยาม ถูกด่า ถูกฟาดด้วยเข็มขัดเหมือนสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป
เมื่อพี่เรือน้อยใช้เสน่ห์จนรู้จักกับคนใหญ่คนโตในกองทัพมากพอ ก็เริ่มมีแนวความคิดหากินกับคอมมิชชันอาวุธสงคราม เวลาเดียวกันนั้นเองพี่เรือน้อยก็ปวารณาตัวเองไปรับใช้ “คุณท่าน” ที่บ้านริมน้ำ ชนิดที่นอนเฝ้าอยู่ปลายเท้า โดยอ้างกับใครต่อใครว่า “แม่กับแม่รักกันตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนราชินี”
ดังนั้น พี่เรือน้อยจึงสรุปเองตามอำเภอใจว่า “ลูกสาวกับลูกสาวก็รักกันด้วย”
เหตุนี้เองใครต่อใครจึงเกรงใจพี่เรือน้อย หรือจะว่าให้ถูก คือ เกรงใจ “เงา” ที่พี่เรือน้อยใช้คลุมกายไปหากิน
ภายหลังพี่เรือน้อยเจ็บหนักต้องผ่าตัดสมอง ผู้คนเขาจึงลือกันสนั่นพระนครว่า สาเหตุมาจากเหากินหัวมากกว่าอย่างอื่น
เรื่องตีตนเสมอท่านของพี่เรือน้อยเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว เมื่อพี่เรือน้อยเริ่มมีเงิน เข้าสังคม มียศถาบรรดาศักดิ์ พี่เรือน้อยก็เริ่ม “ล่าเงินบริจาค” ใครหน้าไหนที่ว่ารวยเป็นเสร็จพี่เรือน้อยหมด คุณเธอรีดไถเสียจนผู้คนอ่อนอกอ่อนใจ แต่ที่จำใจต้องจ่าย เพราะพี่เรือน้อยมักสัญญาว่า “จะเอาสายสะพายไหม 100 ล้านก็ได้แล้ว เดี๋ยวบอกให้ ได้แน่ๆ” หรือ “ถ้าไม่เอาสายสะพานจะเอาโครงการอะไรไหม รู้จักหมดทั้งรัฐบาล ทั้งกองทัพ จะเอาอะไรบอกพี่” เป็นต้น
ลองอีหรอบนี้ใครได้ยินก็หูผึ่ง รีบควักกระเป๋าให้พี่เรือน้อยไม่บันยะบันยังเพื่อหวังผลที่พี่เรือน้อยเอามาล่อ
คนโลภกับคนโลภมาเจอกัน ก็บรรลัยวายวอดด้วยประการฉะนี้แล
พี่เรือน้อยได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดนักรีดไถเงินบริจาคไร้จรรยาบรรณ คุณเธอเชื่อว่า เงินใครก็ได้ จะสกปรกแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ขอให้มียอดสูงๆ เป็นพอ เรื่องนี้สร้างความคับข้องหมองใจกับทุกฝ่ายมายาวนาน แต่มิมีผู้ใดกล้าปริปาก
พอคนไม่พูดพี่เรือน้อยก็เริ่มสำคัญตนผิด เริ่มกร่าง วางกล้าม อวดเบ่ง อวดใหญ่อวดโต และระรานคนอื่นเขาไปทั่ว ความเอาแต่ใจของพี่เรือน้อยเป็นที่เลื่องลือ ลองพี่เรือน้อยอยากได้อะไรเป็นต้องได้ จะไปไหนมาไหนผู้คนเดือดร้อนรับรองดุจนางพญา บางพื้นที่ไปกดดันเขาให้รับรองตัวเองประดุจ “เจ้านาย”
ความที่พี่เรือน้อยอวดเบ่ง และขี้คุยว่า “ใกล้ชิด” ทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในสิ่งที่พี่เรือน้อยต้องการ ดังนั้นบ้านของพี่เรือน้อยจึงกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ใครอยากได้อะไรให้มา “สยบ” กับพี่เรือน้อย ผลที่ตามมาได้บ้างไม่ได้บ้าง พี่เรือน้อยก็มั่วของเธออย่างนี้ไปเรื่อย
ถามว่ามีคน “ขัดขืน” กับพี่เรือน้อยไหม คำตอบคือ “มี” ..แต่จะต้องโดน “ของดี” หากใครหน้าไหนกล้าขัดขืนเวลาพี่เรือน้อยไปรีดไถเพื่อการกุศล หรือขอโครงการแล้วละก็ วันรุ่งขึ้นจะได้รับโทรศัพท์พิเศษทันที และปลายสายมีเสียงชวน “ขนลุก” เสียงที่ใครต่อใครสามารถนึกไปได้ว่า เป็นเสียงเดียวที่เคยได้ยินจาก “ฟากฟ้า”
เจอเข้าอีหรอบนี้เศรษฐีหลายคนก็จนด้วยเกล้า ต้องควักเงินให้พี่เรือน้อยเป็นร้อยๆ ล้านทุกทีไป จนในที่สุดหลายปีผ่านไปด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ พี่เรือน้อยจึงได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักล่าเงินบริจาคที่โด่งดังไปทั่วแคว้นแดนสยาม
ใครจะรู้...ยิ่งใหญ่ยิ่งมีคนสาปแช่ง ชีวิตที่ชีช้ำอับอายเหลือแสนในวันนี้อาจมาจากผลพวงแห่งเสียงสาปแช่งก็ได้...ใครจะรู้
วิธีการสกปรกนี้มารู้ความจริงเอาภายหลัง เมื่อมีคนใกล้ชิดพี่เรือน้อยนำความลับมาปูดว่า พี่เรือน้อยดัดสียงได้ “เหมือน” มากกกกก!!! เหมือนจนไม่มีที่ติ??? แล้วเที่ยวโทรศัพท์ดัดเสียงหลอกหาเงินบริจาค แถมเงินที่ได้เข้าข่าย “วัดได้ครึ่งหนึ่ง” เพราะพี่เรือน้อยตั้งตัวเป็นกรรมการฟาดไปครึ่งหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นการหักค่าใช้จ่ายก่อนบริจาค ซึ่งแต่ละงานค่าจัดงาน “โคตรแพง” เงินบริจาคเพื่อการกุศลจึงเหลือ “นิดเดียว”
หนักๆ เข้าเรื่องราวความเลวร้ายของพี่เรือน้อยร้อยวิก ก็ล่วงรู้เข้าหู “นางฟ้าใจดี” จากนั้นเลยมีมติของเหล่าเทพยดาฟ้าดินให้ลงโทษด้วยการ “ไม่คบหาสมาคม” งานนี้พี่เรือน้อยขวัญกระเจิง เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างหากินอีกแล้ว เมื่อเรื่องแดงคางานใหญ่ที่หวังจะ “ขายเสื้อ” ให้โลกลืม เลยยัดเยียดเสื้อห่วยๆ ให้พี่แม้วแรพ ที่อิงหลังพี่เรือน้อยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
งานนี้พี่แม้วเอาเงินชาวบ้านจากธนาคารคนจนไปเหมาเสื้อมาจากพี่เรือน้อย หวังให้เมีย “ได้หน้า” จนโดนหลอกฟันไปหลายล้าน แต่คนคู่นี้ขิงก็ราข่าก็แรง เพราะก่อนจะหนีหัวซุกหัวซุนไปเร่ร่อนในต่างแดน พี่แม้วแรพถึงกับบริภาษใส่พี่เรือน้อยลับหลังว่า “ อีแก่จอมลวงโลก”
แม้จะด่าทอกันอย่างไร คนเลวกับคนเลวมันก็ยังกอดคอเป็นเกลอกันวันยังค่ำ พี่เรือน้อยจึงมีหน้าที่โทร.หาพี่แม้วทุกวัน และวันหนึ่งเมื่อพี่เรือน้อยถูกจับแก้ผ้าประจานด้วยความจริงจากปากคนกล้า พี่เรือน้อยเลยสติแตกยุยงส่งเสริมให้พี่แม้วกับพี่ๆ สีเขียว คู่ขาเก่าพี่เรือน้อยหลายคนในกองทัพให้ “เก็บมันเลย” ...หนึ่งในนั้นเคืองอยู่กับ “ลุงจำลอง” ก็ร้องว่า ฮ้อแรด!!!
พวกนี้รอที...มีท่าอยู่แล้ว ครั้นพี่เรือน้อยเอ่ยปาก เลยยืมมือ “ทหาร” ริมชายแดนหมายเลข 3 “เก็บคนกล้า” เสียเลย....ผลเป็นไง??? ทหารป่าดันยิงด้วยวิถีกระสุน “เลิ่กลั่ก” เหมือนยิงเฮลิคอปเตอร์ศัตรูสาดไปหมดลัง แทนที่จะเก็บได้กลายเป็นฝ่ายกำลังโดนเก็บเสียเองด้วยเงื้อมมือกฎหมาย
วงการนักเลงมักพูดกันว่า ความจริงมักงอกออกจากปาก ไม่ “คนเมา” ก็ “คนบ้า” แต่ความลับของพี่เรือน้อยและผองเพื่อนขายชาติได้หลุดออกมาจากปากคนมัวเมาและบ้าในอำนาจ
เรื่องลับรั่วไหลกลายเป็นเรื่องยุ่งตายห่า พี่เรือน้อยก็เลย “อิ๊บอ๋าย” ต้องตากหน้า “ปฏิเสธ” ปากคอสั่น
สุดท้ายต้องเอาหลังพิงฟ้า เอาหน้าตึงเปรี๊ยะ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แต่ในใจนี้สิแสนทุกข์ระทมด้วยคนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า “แอบอ้าง” และ “เอาชีวิต” ผู้คนได้เหมือนผักปลา
พี่เรือน้อยยิ่งพูดกับสื่อมากเท่าไร เรื่องราวความโสมมของพี่เรือน้อยร้อยวิก ก็ยิ่งถูกขุดคุ้ยมากเท่านั้น
ยิ่งพูด...ยิ่งมัด ยิ่งมัด...ยิ่งลามไปถึง “น้องสาวตัวนิด” ที่เคยพึ่ง “เจ้านาย” ทวงสร้อยเพชรในมือ “ชายชู้”
และ “พี่แม้วแรพ” คนทะเยอทะยานที่พี่เรือน้อยกล้าการันตี ว่าจงรักภักดี 100% ก็กำลังแพ้ภัยตัวเอง
ส่วนเงินหลายร้อยล้านที่ได้มาจากการรีดเลือดกับปู เลยกลายเป็นทุกข์ทับถม
จะอยู่ก็อาย จะตายก็ไม่กล้า ฟ้าดินก็ไม่เมตตา เลยหาเรื่องแก้หน้าทำคดี “คนถูกลอบสังหาร” เสียเลย
งานนี้เข้าข่าย เรือรั่วหลงทาง จะอยู่ก็ตาย จะไปก็ไม่ไหว คลับคล้าย “เรือน้อยใกล้จม”