xs
xsm
sm
md
lg

ธ.อิสลามเดินหน้ารุกรายย่อย อ้อนคลังขอเพิ่มทุนอีก6พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ธ.อสิลามเดินหน้ารุกธุรกิจรายย่อย เตรียมเปิดบริการโครงการชาวมุสลิมเดินไปแสวงแบบที่เมกกะแบบครบวงจร คาดเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปีนี้ พร้อมขอเพิ่มทุน 6,000 ล้านบาท มาปล่อยสินเชื่อ และค้ำประกันให้ผู้ส่งออกไปตะวันออกกลาง พร้อมรับช่วงสินเชื่อซอฟ์ทโลนต่อจากธปท.ปีหน้า

นายสมชาย วิรุฬหผล ประธานกรรมการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมจะเปิดให้บริการแบบครบวงจรกับชาวมุสลิมที่ต้องการเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะ โดยจะให้บริการรับฝากเงินเพื่อเตรียมเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หากช่วงเดินทางมีเงินไม่พอก็ให้กู้เพิ่มเติมจนครบจำนวนได้ รวมถึงบริการจัดหาตั๋วเครื่องบิน หาที่พักให้เช่าด้วย ซึ่งการดำเนินการต่างๆถือเป็นตลาดเฉพาะ (นีชมาร์เก็ต)ที่มีปีละกว่า 20,000 คน แต่ละคนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 200,000 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 50,000 บาท ซึ่งยังไม่มีธนาคารไหนให้บริการลักษณะดังกล่าว อีกทั้งเป็นการขยายฐานลูกค้าของธนาคารให้กว้างขึ้นด้วย

"บริการดังกล่าวคาดว่าภายในปีนี้จะเริ่มเปิดให้บริการดังกล่าวได้ และระหว่างนี้ธนาคารกำลังพิจารณาไปจัดตั้งสำนักงานที่ประเทศตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย บาเรนห์ ดูไบด้วย นอกเหนือจากเปิดเคาน์เตอร์เซอร์วิสให้บริการผู้ไปประกอบพิธีฮัจท์แล้ว ยังเน้นให้บริการการทำธุรกรรม ติดต่อด้านเอกสารทางการเงินต่าง ๆ ช่วยเจรจาหาตลาดใหม่ให้ผู้ประกอบการส่งออกด้วย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ธนาคารเป็นหัวหอกในการค้ำประกันการส่งออกให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารฮาลาลทั้งหมด"

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้ ธนาคารจะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มทุนให้จำนวน 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำเข้าครม.อนุมัติและคาดว่าภายในเดือนนี้จะทราบผล ทำให้ธนาคารทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท และสนองนโยบายรัฐในการปล่อยสินเชื่อได้กว่า 100,000 ล้านบาท และคาดว่าในส่วนที่จะค้ำประกันการส่งออกนั้นจะดำเนินการได้ในวงเงิน 5,000-8,000 ล้านบาท โดยเป็นธุรกิจอาหารฮาลาน 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธนาคารยังจะช่วยเหลือธุรกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้งสตูล และสงขลาบางอำเภอ ด้วการการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1.5% (ซอฟ์ทโลน) แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะหมดการทำหน้าที่นี้ลงในสิ้นปีนี้ ธนาคารก็จะเข้ามาทำต่อเนื่องในต้นปีหน้าเป็นต้นไป โดยตั้งวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจในภาคใต้ทรงตัวอยู่ได้ อีกทั้งจะจัดตั้งธนาคารคนจน เพื่อให้บริการเชิงสังคมในภาคใต้ด้วย โดยตั้งวงเงินไว้ 200 ล้านบาทในการให้กลุ่มประชาชนรายย่อยรวมตัวกันเป็นสหกรณ์ ชมรม หรือกลุ่มแม่บ้านต่างๆ เพื่อกู้เงินไปประกอบธุรกิจท้องถิ่น เช่น เลี้ยงแพะ ตัดเย็บเสื้อผ้า ในวงเงินชมรมละ 5,000-30,000 บาท ซึ่งธนาคารจะช่วยหาตลาดให้ด้วยเช่นกัน และรัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนต่างของธนาคาร

นายสมชายกล่าวว่า ที่ผ่านมา ธนาคารมีลูกค้ารายใหญ่สัดส่วนถึง 60% และจากการที่ไปพบนักธุรกิจจากประเทศตะวันออกกลางมาเมื่อเร็วๆนี่้มีธนาคารจากคูเวตสนใจที่จะมาถือหุ้นด้วย ขณะเดียวกัน ธนาคารเตรียมที่จะออกพันธบัตรอิสลามไปขายวงเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคูเวตสนใจซื้อทั้ง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดูไบสนใจซื้อ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) สนใจที่จะซื้อเพื่อนำไปลงทุนขยายกิจการของตนเองด้วยเช่นกัน คาดว่าคงจะเริ่มดำเนินการได้เร็วๆนี้ และแต่จากนี้ไปธนาคารก็จะรุกการปล่อยสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยจะเริ่มขยายสาขาให้ครบ 36 จังหวัดที่มีแหล่งชุมชนชาวมุสลิมจำนวนมากภายใน 3 ปี และรับพนักงานเพิ่มด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ธนาคารจะมีผลการดำเนินงานเป็นกำไรมากกว่า 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรเพียง 10 ล้านบาท และปีหน้าจะมีกำไรมากกว่าปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 53 จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้เป็นธนาคารที่มีความน่าสนใจมากขึ้นในการหาพันธมิตรร่วมทุน.
กำลังโหลดความคิดเห็น